พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่126

บทที่126

บทที่126 หากผมจากไปเธอจะเป็นเช่นไร

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพยักหน้าเล่า แล้วเอ่ยว่า”รอให้วัน ไหนเขายั่วโมโหผมก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

กุนลโรจน์เริ่มไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้ว่าประโยคที่รพีพงษ์ กล่าวมานั้นหมายความว่าอย่างไร

แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้แค่พยักหัวให้กับรพี พงษ์เท่านั้น แล้วกล่าวว่า ” ใช่ครับ คุณชายน้อย หาก ลูกชายที่ไม่เอาไหนของผมกล้ายั่วโมโหคุณท่าน ให้คุณ ท่านบอกกับผม ผมจะจัดการกับเขาเอง! ”

“พอแล้วพอแล้ว ลูกชายที่ไร้ประโยชน์ของแกคนนั้นจะ สามารถยั่วโมโหคนในตระกูลลัดดาวัลย์ได้อย่างไรกัน ถึง แม้รพีพงษ์จะแย่แค่ไหน ก็ไม่ใช่ว่าพวกแกจะรังแกเขาได้ ง่ายๆ โยษิตาเอ่ยปากพูดออกมาประโยคหนึ่ง

กุนลโรจน์รีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไม่ กล้าพูดอีกเลย

โยษิตาหัวเราะพลางสังเกตรพีพงษ์ แล้วกล่าวว่า ” ฉันพา กุนลโรจน์มาด้วย เพียงเพราะจะบอกแกว่า

เมืองริเวอร์แห่งนี้มันเล็กนัก ตระกูลยิ่งใหญ่ที่สุดของที่นี่ เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น เหยียบครั้งเดียวก็ตาย แกไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เมืองเล็กๆ แบบนี้”

PP “ผมจะอยู่ที่นี่หรือไม่นั้น มันไม่ใช่ธุระอะไรของคุณ” รพีพงษ์ตอบกลับมา

โยษิตาเห็นแล้วว่ารพีพงษ์ไม่ตอบรับกับรูปแบบนี้ จึงได้ แต่มองไปมองมา แล้วหัวเราะพลางถามว่า “ได้ยินมาว่า ภรรยาของแกสวยมาก? เมื่อไหร่จะพามาแนะนำให้ฉัน รู้จัก”

สายตาของรพีพงษ์ดูเป็นกังวล เรื่องที่เขาเป็นห่วงมาก ที่สุด ก็คือโยษิตาให้ความสนใจต่ออารียา ไม่คาดคิดมา ก่อนว่าโยษิตาจะสามารถจับประเด็นได้เร็วขนาดนี้

โยษิตา เจอรพีพงษ์ในตอนแรกเขาสงบนิ่งไม่มีอาการ

ใดๆจู่ๆก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ได้เข้าใจถึงสถานะของ

อารียาที่อยู่ในใจของรพีพงษ์

เธอหัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “ทำไมไม่พูดแล้วล่ะ ไม่ว่า จะยังไงฉันก็ถือเป็นผู้ปกครองของเธอนะ พาฉันไปหาเธอ ก็ไม่น่าจะผิดอะไรนะ”

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเธออีก แต่กลับยืนขึ้น มองดูไปข้าง นอกแล้วเดินออกไป

โยษิตาก็ไม่ได้ตามออกไป รอยยิ้มอันเปี่ยมล้นเต็มอยู่บน

ในหน้า

“ไปสืบให้ฉันหน่อยคนที่ชื่ออารียาคนนั้น ฉันล่ะอยากจะ เห็นว่า ผู้หญิงแบบไหนกันนะ ที่ทำให้เขาเต็มใจที่อยากจะ อยู่ในเมืองริเวอร์เล็กๆแห่งนี้” โยษิตา กล่าวออกมา

กุนลโรจน์น้อมรับคำสั่งทันใด

“ไม่อยากจะกลับบ้านตระกูลลัดดาวัลย์กับฉัน? เหอะๆบนโลกนี้ ยังไม่มีใครที่ฉันจัดการไม่ได้ ”

ในระหว่างรพีพงษ์เดินทางกลับบ้าน ได้ไปธนาคารถอน เงินออกมาจำนวนหนึ่งแสนหยวน เมื่อถึงวิลล่า นำเงินหนึ่ง แสนหยวนนี้ให้กับศศินัดดา

เมื่อศศินัดดาได้เห็นเงินแล้วก็ยิ้มแก้มปริทันที ไม่พูดถึง เรื่องที่จะไล่รพีพงษ์ออกไปอีกเลย

เพราะสุดท้ายแล้วหล่อนยังต้องให้รพีพงษ์จ่ายเงินค่า ส่วนกลางของวิลล่าอยู่ดี

มีคนที่จ่ายเงินให้ฟรีๆขนาดนี้ หล่อนเต็มใจให้อยู่โดย ปริยายอยู่แล้ว

อารียามองออกว่ารพีพงษ์มีอาการหดหู่ และได้พูดว่า “ฉันไปเป็นเพื่อนคุณเดินเล่นนะ”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า สองคนเดินออกจากดงเย็น พร้อมกัน ไปเดินเล่นบนถนน

“ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาหรือ” อารียาถามออกมา

รพีพงษ์หัวเราะพลางพยักหน้า แล้วพูดว่า ” ยังไม่ถึงขั้น แก้ไขหรือไม่แก้ไข เพียงแค่รู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น”

“ตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่เมืองริเวอร์เพียงดัชนีเดียวขวางฟ้า คุณชายของตระกูลกุลสวัสดิ์ยิ่งยโสโอหังอยู่ด้วย ถ้าหาก ไม่ได้จริงๆ คุณก็อ่อนข้อลงมา เขาคงไม่สามารถหาเรื่อง คุณได้ตลอดเวลาหรอก” อารียากล่าวออกมา
รพีพงษ์หยุดหัวเราะไว้ไม่อยู่ คิดไม่ถึงว่าอารียาจะคาดว่า เขากำลังคิดถึงเรื่องคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์

“เรื่องของคุณชายแห่งตระกูลกุลสวัสดิ์ไม่จำเป็นต้อง กังวล ก็แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์ ผมยังไม่ได้เก็บมาใส่ใจ” รพี พงษ์กล่าว

อารียาตกใจ ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะพูดประโยคนี้ออก มาได้ เมืองริเวอร์ตระกูลกุลสวัสดิ์ ถือว่าเป็นตระกูลที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุด ไม่มีใครกล้ายั่วโมโห

พอมาถึงรพีพงษ์กลับเป็น ก็แค่ตระกูลกุลสวัสดิ์” นี่ทำให้

หล่อนรู้สึกแปลกๆ

“งั้นคุณกำลังกังวลอะไรอยู่ล่ะ?” อารียาถามต่อไป

รพีพงษ์ไม่ได้ตอบคำถามของอารียา แต่กลับหยุดเดิน แล้วตั้งใจมองอารียา แล้วถามว่า “หากวันหนึ่งผมจากไป คุณจะเป็นอย่างไร? ”

อารียานิ่งไปครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะถามคำถามนี้ อย่างกะทันหัน

“คุณ….ทำไมต้องจากไป” อารียาถาม

“หลายๆเหตุผลล่ะ แน่นอน ก็แค่สมมุตินะ” รพีพงษ์ตอบ

ภายในใจของอารียาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ไม่รู้ เหตุผลที่แน่ชัด เมื่อรพีพงษ์บอกว่าเขาจะจากไป หล่อน รู้สึกได้ว่าในจิตใจของตนเองนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ต่อให้นี่เป็นการสมมุติของรพีพงษ์ก็ตาม
หากเป็นช่วงเวลาปกติ เธอจะต้องพูดระบายความรู้สึก ของตนเองออกมา

แต่เธอรู้สึกว่าตอนนี้อารมณ์รพีพงษ์ไม่ค่อยปกติ เพื่อไม่ ให้เขาคิดมาก จึงยิ้มพลางพูดว่า “หากเพราะเรื่องบางเรื่อง เป็นเหตุให้จากไปแล้วก็

ฉันก็จำเป็นที่จะต้องดำรงชีวิตอย่างปกติต่อไปสิ อย่าคิดมาก คุณ

จะมีเหตุผลมากมายทำให้คุณจากไปได้ยังไงกัน” รพี พงษ์ได้ฟังคำตอบของอารียา ในใจรู้สึกเกิดความผิดหวัง ขึ้นมา

หากผมจากคุณไป จะไม่กระทบต่อกรใช้ชีวิตประจำวัน ของคุณเลยหรอ?

อย่างนี้ก็ดี จะมาเพียงเพราะฉันจากไป แล้วไม่สามารถ

ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้มันก็ไม่ใช่

ใบหน้ารพีพงษ์เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ทุกข์ระทม

“คุณเป็นอะไร?” ทันใดนั้นอารียารู้สึกได้ว่าเธอน่าจะตอบ ผิดไปแล้ว

ตอนนี้เธอไม่สามารถที่จะแยกจากรพีพงษ์ได้อีกต่อไป หากรพีพงษ์ต้องจากไปจริงๆ

ภายในใจของเธอจะรับไม่ได้โดยปริยายอยู่แล้ว

แต่เธอก็อายที่จะพูดความในใจของตนเองออกมากับรพี พงษ์ เพราะท้ายที่สุด
ผู้หญิงจะค่อนข้างมีความเย่อหยิ่งที่จะพูดออกมา แต่เบื้องลึกของเธอบอกเธอว่า เธิไม่ได้พูดความจริงเลย ดูเหมือนทำให้รพีพงษ์ผิดหวังไปบ้าง

“ไม่เป็นไร” รพีพงษ์ยิ้มพลางพูดออกมา

อารียาได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ กลับรู้สึกไม่สบายใจมาก ยิ่งขึ้น และตัดสินใจอยากบอกรพีพงษ์เดี่ยวนั้น หากรพี พงษ์จากไป เธอไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ตอนนี้ก็ไม่อยากแยกจากรพีพงษ์แม้แต่วินาทีเดียว แต่ทว่าในเวลานี้ มีเสียงทะเลาะดังมาจากไม่ไกล

รพีพงษ์กับอารียาล้วนหันหัวไปดู พบว่ากลุ่มคนจำนวน หนึ่งกำลังรุมล้อมอยู่ด้วยกัน คนที่เป็นอันธพาลจำนวนหนึ่งกำลังตั้งวงล้อมคนแก่คน

หนึ่งอยู่

คนแก่ล้มลงไปที่พื้น ร่างกายคุ้งอ โดนต่อยจนจมูกหัก หน้าบวมแล้ว

“แม่ง ไม่คิดว่าจะกล้าชนกู ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว

ใช่ไหม รู้ไหมว่ากูเป็นใคร กคือชญตว์ ไอ้โง่เดินบนถนน ไม่รู้จักดู ชนกูแล้ว จะให้มึงตอบแทนอย่างสาสม! ”

หัวหน้าแก๊งคือคนที่มีรอยสักใหญ่อยู่บนแขน เรียกตัวเอง ว่าชัยสิทธิ์

ตอนนั้นเขาได้พาลูกน้องจำนวนหนึ่งขยับหัวไปมาเดินอยู่ บนถนน คนแก่คนนั้นไม่เชื่อว่าได้ชนเขาไปแล้ว
ในตอนนั้นเขาได้ให้ลูกน้องของตนเองกดคนแก่ลงเตะ ต่อยไปกับพื้น

“พวกนี้ทำไมเป็นแบบนี้” อารียาขมวดคิ้วพลางพูดออกไป

“ผมเข้าไปสั่งสอนพวกเขาเอง” รพีพงษ์พูดออกมา

ในขณะนี้จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล หากเขา จากไป อารียาก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้ นี่ทำให้ เขารู้สึกว่าในใจของอารียานั้นแท้ที่จริงแล้วตนเองไม่ได้มี ความสำคัญขนาดนั้น

เขากำลังคิดที่จะระบายอารมณ์ออกมา ในเมื่อคนพวกนี้ กำลังทุบตีคนแก่อยู่ตรงหน้าเขา งั้นเขาก็จะใช้คนพวกนี้ใน การระบายอารมณ์

อารียาดูรพีพงษ์มองไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วเดินเข้าไป ะ สีหน้าถอดสีทันที่ พวกเขาคนเยอะขนาดนั้น แล้วบน ร่างกายยังเต็มไปด้วยรอยสัก แวบเดียวก็ดูรู้ว่าไม่ควรยั่ว โมโห รพีพงษ์คนเดียวจะต่อกรได้อย่างไร

“รพีพงษ์ คุณรีบกลับมานะ พวกเราแจ้งตำรวจเถอะ อย่า ไปคนเดียวเลย” อารียาตะโกนออกไป

รพีพงษ์ยิ้มให้กับเธอ แล้วพูดว่า ” ขอบคุณสำหรับความ

เป็นห่วงของคุณ ”

อารียาตะลึงงันอึดใจใหญ่ ในตอนนั้น หล่อนรู้สึกว่าน้ำ เสียงของรพีพงษ์ค่อนข้างแปลกไปในทันที

พีพงษ์เดินไปอยู่ที่หลังของชญตว์ แล้วยื่นมือไปตบไหล่ ของเขา พูดว่า “พวกมึงรวมกันต่อยคนแก่คนเดียว ไม่เหมาะสมเปล่า? ”

ชญตว์หยุดหมัด แล้วหันมามองไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ข้าง หลัง แล้วด่าว่า “ถึงแม่งเป็นใครวะ ยุ่งกับเรื่องไร้สาระตรงนี้ ให้มันน้อยๆหน่อย รีบไสหัวออกไปซะ”

คนบริเวณนั้นเห็นความกล้ายืนหยัดของรพีพงษ์ ก็อดไม่

ได้ที่จะพยักหน้าขึ้นลง “วัยรุ่นคนนี้บ้าจริงๆ พวกเขาจำนวน

คนมากมายขนาดนี้

ทั้งยังล้วนแล้วแต่มีรอยสักทั้งนั้น ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คน ธรรมดา ในเวลาแบบนี้ยืนออกมา นี่ไม่ใช่หาเรื่องให้โดน ต่อยหรอ”

“ในสมัยนี้ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องหาได้น้อยมาก เสียดายที่เขาคาดคะเนพลังของตัวเองไม่ชัดเจน แค่เขา เพียงคนเดียวที่ยืนออกไป ก็ต้องโดนรุมไปพร้อมๆกันสิ ”

“อาจเพราะดูซีรีย์มากเกินไป สมัยนี้ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูก ต้อง ถ้าไม่ใช่โง่ก็บ้า”

รพีพงษ์หัวเราะต่อชญตว์ แล้วพูดว่า “กูคือคนที่ยืนหยัด เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง”

เขาได้ยินคำวิจารณ์ของคนรอบข้างแล้ว สมัยนี้เย็นชา

กันจริงๆ

แต่นี่ก็ไม่ได้แปลว่าความยุติธรรมจะหายไป ในเมื่อคน พวกนั้นไม่เชื่อในการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง งั้นเขาก็เป็น แบบอย่างให้คนเหล่านี้เห็นเลยแล้วกัน
ชญตว์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ทันใดนั้นก็เรียกให้ลูก น้องเหล่านั้นหยุด

“พวกมึงฟังนะ ไอ้นี่บอกว่าเขาคือคนที่ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ ถูกต้อง พวกมึงกลัวไม่กลัววะ?” ชญตว์ หัวเราะก๊ากพลาง พูดออกมา

ทันใดนั้นคนพวกนั้นก็หัวเราะอย่างสนุกสนานออกมา ใน เสียงหัวเราะแฝงด้วยน้ำเสียงของการประชดประชัน

“ช่างน่ากลัวจริงๆ ในที่สุดก็ได้เจอกับคนยืนหยัดเพื่อ ความยุติธรรม อย่าต่อยผมเลยนะ”

“กลัวตายจริงๆ ลูกพี่ พวกเรารีบถอยเถอะนะ ไม่งั้นอีก แป๊บเขาจะต่อยพวกเราแล้วนะ”

“แม่ง โดนขู่จนชิบหายหมดแล้ว ในสมัยนี้ยังมีคนยืนหยัด เพื่อความถูกต้องอยู่อีกหรอวะ”

คนแก่ฉวยโอกาสในขณะที่คนกลุ่มนี้กำลังประชด ประชันรพีพงษ์ รีบลุกขึ้นมาจากพื้น หันหลังกลับแล้วรีบวิ่ง ไปยังกลุ่มผู้มุงดู ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งใจรพีพงษ์ แต่ในใจ ก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะสามารถต่อกรกับชญตว์และพวกได้ สำเร็จ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็ต้องรีบหนีก่อน

พูดๆแล้ว เขาก็ใช้ประโยชน์จากรพีพงษ์ ให้ตนเองมีทาง รอด ไม่ได้มีความคิดที่จะต่อสู้กับชญตว์

และพวกไปพร้อมกับรพีพงษ์แต่อย่างใด
นี่คือความเย็นชาของยุคสมัยนี้ คุณเข้าไปช่วยเขา เขา อาจไม่ได้ซาบซึ้งใจคุณ แต่กลับคิดที่จะหลอกลวงคุณต่อ อีก

รพีพงษ์กลับไม่ได้ใส่ใจในการกระทำของคนแก่คนนั้น คนอายุขนาดนั้น มีความกังวลแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดา

ชญตว์เห็นคนแก่จะหนี รีบตะโกนออกไปว่า “แม่ง นึกไม่ ถึงว่ายังจะหนี ไปจับเขากลับมาให้กู ชนกู ไม่ชดใช้เงินให้ หน่อย วันนี้ก็อย่าหวังจะไปไหน!”

ในขณะนั้นเองมีคนที่กำลังจะไปจับคนแก่กลับมา

ในตอนนี้เองรพีพงษ์เริ่มขยับตัว หมุนไปยังข้างหลังของ คนนั้น ถีบไปยังกันของเขาอย่างจัง คนนั้นล้มตะคุบอย่าง กับหมากินขี้

“ไอพวกปลวก พวกมึงอยู่บนโลกนี้ นอกจากจะรังแกคน

แล้ว ยังมีประโยชน์อะไรอีกมั้ย” รพีพงษ์พูดอย่างสงบ

ตอนนี้ชญตว์เพิ่งจะตระหนักว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา รีบเร่ง ให้ลูกน้องกดรพีพงษ์ลงกับพื้นอย่างเร็วที่สุด

“แม่ง ไอ้นี่มีความสามารถ รุมมัน ให้มันได้เป็นบทเรียน คนของชญตว์ล้วนเข้าไปด้านหน้าของรพีพงษ์ ร่างกาย รพีพงษ์พลิ้วไปตามสายลม สร้างความตื่นตกใจให้กับคน หมู่มาก

ตอนแรกอารียารู้สึกค่อนข้างเป็นห่วง แต่เมื่อได้เห็นฝีมือ ของรพีพงษ์ เธอก็หมดห่วงแล้ว
ฝีมือเขาเก่งแบบนี้มาตลอดเลยหรอ? แต่ทำไมหลายปีมา นี้ได้รับความไม่เป็นธรรมมากมาย เขาก็ไม่เคยเลยที่จะลง ไม้ลงมือกลับใครเลย?

ในใจของอารียาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่หล่อนก็ ไม่มีทางได้รู้ไปตลอดกาล ว่ารพีพงษ์ทำเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่ ทำเพื่อเธอ

ขยับตัวอย่างรวดเร็วไม่กี่ท่า กลุ่มคนของชญตว์ก็ล้มลง กับพื้น

ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆนั้นหน้าตาเต็มไปด้วยความตื่น

ตระหนก จากนี้พวกเขาจะไม่ล้อรพีพงษ์อีกต่อไป แต่กลับ

เต็มไปด้วยคำชื่นชม

“สังคมนี้ต้องการคนที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องแบบนี้สิ”

“ยืนหยัดเพื่อความถูกต้องคือคุณสมบัติของพวกเรา อย่า ให้มันหายไปสิ”

“ไม่คิดมาก่อนว่าพวกนี้จะอ่อนนักได้ขนาดนี้ ครั้งหน้าฉัน ก็ขอยืนหยัดเพื่อความถูกต้องด้วยคน”

เมื่อได้จัดการกับพวกของชญตว์เรียบร้อยแล้ว จิตใจ ของรพีพงษ์เริ่มรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง

เขาเดินไปต่อหน้าของชญตว์ แล้วพูดอย่างสงบว่า:” ต่อ

จากนี้ไปยังจะทำเรื่องรังแกคนแก่แบบนี้อีกไหม? ”

ชญตว์กลืนน้ำลายลงไป แล้วพูดว่า” บอก….บอกถึงไว้เลย ถึงแม้ถึงชกต่อยเป็น แต่มึงก็ไม่กล้ายั่วโมโหกูหรอก กู เป็นคนของคุณชายกุมุท จึงรีบขอโทษกู ไม่งั้นคุณชาย กุมุทจะไม่ให้อภัยถึงแน่นอน ”

รพีพงษ์ฟังแล้วสักครู่ คาดไม่ถึงว่าชญตว์นี้แท้ที่จริงแล้ว เป็นคนของกุมุท

เขากำลังอยากไปสั่งสอนกุมุทซักครั้งอยู่พอดี คาดไม่ ถึงว่าจะได้เจอกับคนของกุมุทบนท้องถนน

“เหอะๆ คุณชายกุมุทขี้ประติว?” รพีพงษ์พูด

สีหน้าของชญตว์เปลี่ยนทันที แล้วพูดว่า “มึง….ถึงั่ง กล้าดูถูกคุณชายกุมุทตระกูลกุลสวัสดิ์คือตระกูลขุนนางที่ ใหญ่ที่สุดในเมืองริเวอร์ มึงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”

รพีพงษ์เบ้ปากไปมา แล้วพูดว่า “ตระกูลขุนนางที่ใหญ่ ที่สุดเมืองริเวอร์ คนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนออกมาทำได้ แค่รังแกคนตามท้องถนน ตระกูลแบบนี้ ยังเหมาะกับ ตระกูลขุนนางสองคำนี้หรอ?”

ชญตว์เงียบสักครู่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี ตอนนี้เขามอง ดูออกไปไกลๆ ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที หัวเราะไม่หยุด “เด็กน้อย ถึงแย่แน่ๆ”

เขาเพิ่งพูดจบ ด้านหลังของรพีพงษ์ก็มีเสียงอันเงียบสงบ พูดขึ้นมา “ถึงเป็นใคร กล้าดียังไงมาตัดสินตระกูลกุล สวัสดิ์ของกู”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท