พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 147

บทที่ 147

บทที่ 147 งั้นก็ให้เขาขอโทษ

ผู้หญิงคนนั้นมองรพีพงษ์จากนั้นก็ยื่นมือไปจับแขนของ เขาเอาไว้แน่น

เมื่อกี้ที่ธีริทธิ์ยกมือจะตบเธอ ทำให้เธอตกใจมากและรู้ ว่าธีริทธิ์ไม่ใช่คนที่จะเล่นด้วยได้

อีกทั้งคนที่มาห้าม ธีริทธิ์ดูเหมือนว่าจะพอกลั่นแกล้งได้ แถมธีริทธิ์ยังบอกว่าเขาเป็นพี่เขย ดังนั้นผู้หญิงคนนู้จึงกะ ว่าจะไปหาเรื่องรพีพงษ์แทน

“รถของนายชนหมาของฉัน ฉันต้องการคำอธิบาย ไม่ ชดใช้ด้วยเงินก็ไปโรงพักกับฉัน!” ผู้หญิงคนนั้นตะโกน เสียงดัง

เมื่อธีริทธิ์เห็นผู้หญิงคนนั้นไปลงกับรพีพงษ์เขาก็ยิ้ม ร้ายกาจออกมา “พี่เขยจัดการไปนะ ฉันไปก่อนล่ะ”

จากนั้นเขาจึงรีบออกไปจากที่นั่น ทิ้งเรื่องวุ่นวายให้รพี พงษ์จัดการ

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแล้วปรายตามองผู้หญิงคนนั้น จากนั้น จึงถามขึ้น “คุณต้องการเงินเท่าไร”

“เจ้าหยอง สำคัญกับฉันมาก การที่รถของนายชนมัน ไม่ แน่มันอาจจะช้ำในก็ได้ ถ้านายไม่ชดใช้สองแสน วันนี้นาย ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่น้อย

ผู้คนโดยรอบสูดหายใจลึก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะหน้าเงินขนาดนี้ เรียกตั้งสองแสน

รพีพงษ์มองไปที่หมาตัวนั้น เขาแน่ใจว่าหมาตัวนั้นแค่ ตกใจ ไม่ได้ซ้ำในอะไรทั้งนั้น ผู้หญิงคนนี้ทำเกินไปแล้ว

“สองแสนมันมากเกินไป ผมเกรงว่ามันมากจนซื้อหมา แบบนี้ได้ประมาณร้อยตัวเลยนะ” รพีพงษ์พูด

ผู้หญิงคนนั้นจ้องเขาเขม็งแล้วพูดว่า “นายหมายความว่า อะไร นายกำลังจะบอกว่าหมาของฉันราคาถูกงั้นเหรอ มัน สำคัญกับฉันมาก นายต้องชดใช้มาสองแสน ชดเชยที่หมา ของฉันได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ!”

รพีพงษ์ปรายตามอง จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่รถของตัวเอง แล้วพูดว่า “งั้นการที่คุณมาถีบรถผมล่ะ?”

ผู้หญิงคนนั้นรู้ถึงความผิดของตัวเอง เธอพูดออกมาว่า “นั่นมันคนละเรื่อง เมื่อกี้น้องชายของนายจะทำร้ายฉัน ฉัน เลยถีบรถนาย ถือว่าหายกันแล้ว นายต้องชดใช้ให้หมา

ของฉันสองแสน”

รพีพงษ์พูดอะไรไม่ออก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะหน้า

ไม่อายขนาดนี้

ผู้หญิงคนนี้รู้ดีว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่จะลงไม้ลงมือเหมือน กับธีริทธิ์ เธอคิดว่ารพีพงษ์เป็นคนหัวอ่อน ดังนั้นเธอจึงกะ

ว่าจะเล่นงานเขา

ผู้คนรอบๆ มองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่ละสายตา พวกเขา อยากรู้ว่ารพีพงษ์จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

“ผู้หญิงคนนี้สุดยอดจริงๆ เรียกตั้งสองแสน ร้ายกาจจริงๆ”

“ผู้ชายคนนั้นขับรถแลนด์โรเวอร์ คงจะไม่สนเงินสอง แสนหรอกมั้ง ดูว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร” “ฉันว่าเขายอมจ่าย ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนหัวอ่อนโดนแกล้ง

ได้ง่ายๆ เขาต้องยอมจ่ายให้ผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ”

รพีพงษ์มองไปยังผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย ดู เหมือนว่าหมาของคุณจะไม่ได้เป็นอะไร อีกอย่างรถของ ผมก็โดนคุณถีบจนยุบ ถือว่าหายกันแล้ว”

จากนั้นรพีพงษ์จึงเดินไปขึ้นรถ

ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ยอมชดใช้เงิน เธอรีบโยน หมาลงพื้นรวมถึงตัวเธอเองก็ลงไปนั่งจับขารพีพงษ์อยู่บน พื้น เหมือนหญิงแก่ปากร้ายที่ไม่มีเหตุผล

“ถ้าวันนี้นายไม่จ่าย ฉันจะให้แฟนฉันมาจัดการนาย แฟน ฉันเป็นทายาทของมหาเศรษฐีเชี่ยวนะ นายคิดว่าฉันอยาก ได้เงินของนายหรือไง ฉันแค่อยากให้นายขอโทษหมาของ ฉันเท่านั้น คิดไม่ถึงว่านายจะทุเรศขนาดนี้ วันนี้เรื่องมันไม่ จบแน่!”

รพีพงษ์ก้มลงไปมองผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดว่า “ตามใจ

คุณ”

ผู้หญิงคนนั้นเห็นรพีพงษ์ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เธอจึง หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“สามี คุณรีบมาหาฉันที่ ถนนศิวิไลซ์ ฉันโดนคนแกล้ง เจ้าหยองโดนรถชน คุณรีบมานะ”

หลังจากที่วางสาย ผู้หญิงคนนั้นมองรพีพงษ์ด้วยความ โมโหแล้วพูดว่า “นายรอก่อนเถอะ แฟนของฉันกำลังมาที่นี่ รอให้เขามาถึงก่อน นายคงจะไม่ได้เสียแค่สองแสนแล้ว ล่ะ”

รพีพงษ์โดนผู้หญิงคนนั้นดึงขา เขาไม่สามารถขยับได้ ทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้น

ผ่านไปไม่นาน รถสปอร์ตจอดลงที่ริมถนน คนที่เดินลง มาจากรถคือเด็กวัยรุ่น เขาเดินเบียดผู้คนเข้ามา

“คุณ รีบมาเร็ว มันไงที่ชนเจ้าหยอง แถมยังไม่ยอมชดใช้ ค่าเสียหาย หนำซ้ำยังจะทำร้ายฉันด้วย”

เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นแฟนของตัวเองมาถึงก็รีบตะโกนพูด ออกมาทันที

รพีพงษ์หันหน้าไปมอง พบว่าคือ ชีพนนท์ คนที่เขาเคย เจอสองครั้ง

ครั้งก่อนที่เจอ ชีพนนท์ ก็เพราะเรื่องของกันตา คิดไม่ ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนผู้หญิงเร็วขนาดนี้ คาดว่าครั้งก่อนเขา คงจะเห็นธาตุแท้ของกันตาแล้ว

แต่ว่ารสนิยมของ ชีพนนท์ ค่อนข้างจะแย่ไปหน่อย แม้ จะเลิกกับกันตาไปแล้ว แต่ก็ยังหาผู้หญิงที่เหมือนกันกับกัน ตาไม่มีผิด ผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผล

คนบริเวณนั้นจำนวนไม่น้อยที่รู้จัก ชีพนนท์ รู้ว่าเขาคือทายาทของคนมีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์ ตอนนี้พวกเขา กำลังรู้สึกหดหูแทนรพีพงษ์

“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิงของ ชีพนนท์ ไอ้หมอนั่นซวย แล้ว ชีพนนท์ทั้งรวยและมีอำนาจ สามารถเปลี่ยนดำเป็น ขาวได้ ฉันว่าครั้งนี้คงจะไม่ใช่แค่สองแสนแล้วล่ะ”

“โถ โถ สู้จ่ายเงินไปตั้งแต่เสียยังจะดีกว่า ชีพนนท์ ไม่ใช่ คนที่จะไปเล่นด้วยได้ ซวยแล้วล่ะ”

“อย่าเพิ่งไปตัดสินอะไรเลย รถที่ไอ้หมอนั่นขับก็ไม่ได้ ด้อยไปกว่าเขานะ ไม่แน่อาจจะเป็นคนมีเงินก็ได้นะ สถานการณ์ก่อนแล้วค่อยพูดดีว่า” ดู

ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วไปยืนข้าง ชีพนนท์ เมื่อมีที่พึ่งแล้วเธอก็ยโสขึ้นมาทันที เธอไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ ในสายตาด้วยซ้ำ

“ไอ้นั่นมันชนเจ้าหยอง แถมยังไม่ชดใช้ค่าเสียหาย คุณ สั่งสอนให้มันรู้ฤทธิ์ของคุณหน่อย!”

ชีพนนท์หันไปหารพีพงษ์ เขาดูอึ้งไป จากนั้นก็เดินเข้าไป แล้วพูดด้วยความเคารพ “คุณรพีพงษ์ ทำไมถึงเป็นคุณ?”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วมองเขา รพีพงษ์นึกขำในใจ ชีพนนท์ หาแต่ผู้หญิงที่สร้างความวุ่นวายให้ตัวเขาเองทั้งนั้น

“น้องชายของภรรยาฉันขับรถชนหมาของแฟนนายน่ะ ฉันเห็นว่ามันไม่ได้มีอะไรใหญ่หลวง แต่เธอให้ฉันจ่ายสอง แสน” รพีพงษ์พูดอธิบาย
สีหน้าของ ชีพนนท์ เปลี่ยนไปในทันที เขารู้สึกหงุดหงิด ในใจ ทำไมแฟนของเขาต้องไปหาเรื่องรพีพงษ์อยู่เรื่อย มัน ทำให้เขาเหนื่อยใจจริงๆ

“คุณรพีพงษ์เข้าใจผิดแล้ว เธอไม่ได้เป็นแฟนของผม” ชีพนนท์พูดอย่างเด็ดขาด

ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันตะลึง ตอนแรกเข้าตะลึงท่าที ที่ชีพนนท์ปฏิบัติต่อรพีพงษ์อย่างดี ตอนนี้ชีพนนท์ยังพูดว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แฟนของเขา นี่ทำให้ผู้คนพากันตะลึง จนอ้าปากค้าง

เห็นได้ชัดว่า ชีพนนท์ ไม่อยากทำให้รพีพงษ์ โมโห ดังนั้น จึงพูดความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับผู้หญิงคนนั้นออกมา อย่างชัดเจน

ผู้ชายที่เกือบจะเสียเงินสองแสนคนนั้นเป็นใครกันแน่?

เดิมทีคนพวกนั้นคิดว่ารพีพงษ์จะโดนเล่นงาน รีบเปลี่ยน ความคิดของตัวเองทันที คนที่ขับรถคันเป็นล้าน คงจะ ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

ผู้หญิงคนนั้นมอง ชีพนนท์ อย่างไม่เชื่อสายตา คิดไม่

ถึงว่าเขาจะไม่ยอมรับว่าเธอเป็นแฟนของเขา

“คุณหมายความว่าไง แม้เราจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน แต่ คุณจะมาแตกหักทำเป็นไม่รู้กันแบบนี้ไม่ได้นะ” ผู้หญิงคน นั้นพูดขึ้น

ชีพนนท์จ้องเธอแล้วพูดว่า “ผู้หญิงแบบนี้รนแต่จะหา เรื่องมาให้ฉัน แฟนเก่าของฉันก็เป็นเหมือนเธอ เกือบจะทำให้คุณรพีพงษ์โมโห ตอนนี้ฉันฉลาดแล้วว่าผู้หญิงแบบ พวกเธอมันใช่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้อย่ามาให้ฉันเห็น อีก”

พูดจบ เขาจึงหันไปหารพีพงษ์จากนั้นก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “คุณรพีพงษ์ ทำให้คุณเจอเรื่องตลกๆ เข้าให้แล้ว แค่หมา ตัวเดียว ชนมันตายก็ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณอย่าไปสนใจ เธอเลยครับ”

สีหน้าของหญิงสาวสลดลงทันที เธอคิดไม่ถึงว่าชีพนนท์ จะสลัดเธอทิ้งเพราะรพีพงษ์ แล้วรพีพงษ์นี่น่ากลัวขนาด ไหนกันนะ?

สามารถทำให้ชีพนนท์กลัวจนเป็นถึงขนาดนี้ คนที่เขา กลัวในเมืองริเวอร์ก็มีอยู่แค่ไม่กี่คน

เธอตระหนักได้ถึงความโง่ของตัวเอง ถ้าตอนนั้นปล่อย ให้เรื่องนี้มันจบๆ ไป ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“คุณ ฉันสำนึกผิดแล้ว คุณให้อภัยฉันเถอะ ต่อไปฉันจะ ไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” หญิงสาวพูดอ้อนวอนแล้วจับแขนของ ชีพนนท์แน่น

ชีพนนท์ผลักเธอออกแล้วด่าว่า “ไสหัวออกไปให้ห่างจาก ฉันเลยนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”

หญิงสาวตกใจจนรีบปล่อยชีพนนท์

เดิมเธอคิดว่าการที่ได้เป็นแฟนของ ชีพนนท์ แล้วเธอจะ สุขสบายไปตลอดชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่าเพราะความมั่นใจ ของตัวเธอเองจะทำลายอนาคตที่สวยงามมลายหายไปจนหมดสิ้น

“คุณรพีพงษ์ ไม่ทราบว่าคุณยังมีอะไรไม่พอใจอีกหรือ เปล่า ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็บอกผมได้เลย ผมจะสั่งสอนผู้ หญิงที่ไม่รู้ดีชั่วคนนี้แทนคุณเอง” ชีพนนท์เอ่ยถาม

“พอแล้วล่ะ ในเมื่อจัดการได้ก็โอเคแล้ว” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น “ต่อจากนี้ถ้าจะหาแฟนก็คิดให้เยอะๆ หน่อยแล้วกัน ถ้าหา ผู้หญิงที่ไม่มีสมองมันจะเป็นการทำร้ายตัวนายเองเสีย เปล่าๆ”

ชีพนนท์รีบพยักหน้า หลังจากที่ผ่านเรื่องราวมาสองครั้ง ชีพนนท์ถึงรู้ว่าสิ่งที่รพีพงษ์ถูกต้อง ต่อจากนี้ถ้าเขาจะหา แฟน เขาจะไม่หาผู้หญิงที่สร้างความวุ่นวายให้เขา ไม่งั้น เขาเองนี่แหละที่จะต้องเดือดร้อน

“โอเค ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นฉันไปก่อนล่ะ” รพีพงษ์เอ่ย

ขึ้น

เหมือน ชีพนนท์ นึกอะไรออก เขารีบพูดออกมา “อ้อ คุณ รพีพงษ์ อีกสองวันผมจะจัดปาร์ตี้กับเพื่อน ไม่รู้ว่าคุณมี เวลาว่างหรือเปล่า ถ้ามีก็เชิญคุณมานะครับ”

“พวกนายสนุกกันตามประสาวัยรุ่น ฉันคงไม่ไปล่ะ” รพี พงษ์เอ่ยขึ้น

ชีพนนท์เหนื่อยใจ เขาคิดในใจว่ารพีพงษ์ก็อายุแค่ยี่สิบ กว่าเท่านั้น เหมือนเขาปฏิเสธอย่างขอไปที่

แต่ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดอะไร มองตามรพีพงษ์ออกไปจน

ลับสายตา
หลังจากที่รพีพงษ์กลับไปแล้ว ชีพนนท์มองมือถือแวบ หนึ่งแล้วบ่นพึมพำออกมา “ไอ้เด็กน้อยธีริทธิ์ น่าจะมาถึง เมืองริเวอร์แล้วนะ บอกเขาดีกว่าว่าอีกสองวันจะจัดปาร์ตี้”

ชีพนนท์กับธีริทธิ์รู้จักกันผ่านอินเทอร์เน็ต ทั้งคู่ชอบเล่น เกมด้วยกันอยู่บ่อยๆ ธีริทธิ์ เล่นเกมเก่งมาก ชีพนนท์ ชื่นชมเขา ครั้งนี้ธีริทธิ์มาเที่ยวบ้านศศินัดดา ชีพนนท์บอก เขาเอาไว้แล้วและทั้งสองก็ได้นัดเจอกันแล้ว

หลังจากที่รพีพงษ์ขับรถกลับมาถึงบ้าน เมื่อเดินเข้าบ้าน มาเท่านั้นก็ได้ยินเสียงด่าของศศินัดดา “แกยังมีหน้ากลับ มาอีกนะ! ฉันให้แกไปรับธีริทธิ์แต่แกไปทำอะไร ถึงให้ธีริ ทธิ์นั่งรถเมล์กลับมาคนเดียว แกขับรถไปกินลมชมวิว ฉัน ล่ะโมโหจริงๆ”

ธีริทธิ์นั่งแสยะยิ้มมองรพีพงษ์อยู่บนโซฟา เขาเห็นศศิ นัดดาด่ารพีพงษ์แล้วสะใจจริงๆ

“ผมไปรับเขาแล้ว แต่เขาขับรถหนีมาแล้วไปก่อเรื่องไว้ แถมยังโยนปัญหามาให้ผมแล้วตัวเองหนีกลับมา เรื่องนี้จะ โทษผมไม่ได้” รพีพงษ์อธิบาย

ธีริทธิ์จ้องรพีพงษ์เขม็ง เขาพูดด้วยหน้าตาใสซื่อ “รพี พงษ์ อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่านายทิ้งฉัน”

“คุณป้าดูสิ นี่ผมเพิ่งมาวันแรกก็โดนคนที่บ้านของคุณป้า ทำขนาดนี้ ผมจะโทรหาแม่ พรุ่งนี้ผมจะกลับ”

ธีริทธิ์ทำเป็นคลำหามือถือ

ศศินัดดารีบห้ามเข้าเอาไว้ ถ้าแม่ของธีริทธิ์รู้ว่ามาถึงวันแรกก็ไม่อยากอยู่แล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอายมากเลยนะ

“ธีริทธิ์อย่าไปฟังมันพูดเพ้อเจ้อเลย มันก็แค่คนไร้ ประโยชน์เลยพูดปัดความรับผิดชอบ นายเที่ยวที่นี่ให้สนุก เถอะ ไม่ต้องไปสนใจมันก็พอแล้ว” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์ ไม่มีอะไรจะพูด เป็นไปตามคาดที่เป็นญาติกัน ความสามารถในการพูดบิดเบือนความจริงเหมือนกันไม่มี ผิด

“แกรีบไปเก็บห้องครัวให้เรียบร้อย เดี่ยวตอนค่ำฉันจะทำ อาหารให้ธีริทธิ์ทาน” ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์

รพีพงษ์ทำได้เพียงไปเก็บห้องครัว

ผ่านไปไม่นาน ศศินัดดาเดินไปทิ้งขยะนอกคฤหาสน์ เธอเห็นรอยบุบตรงรถยนต์ก็รีบเดินฟีดฟัดกลับมา “รพีพงษ์ แกไปทำอะไรมา ทำไมรถถึงบุบ?”

รพีพงษ์เดินออกมาจากห้องครัวแล้วพูดว่า “เรื่องนี้คุณ ต้องถามหลานชายของคุณนะ”

ธีริทธิ์รีบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ขึ้นมาทันที “ถามฉันทำไม ฉัน ไม่รู้ว่านายขับรถไปทำอะไรข้างนอก”

ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์จนจะกินเขาเข้าไปทั้งตัว

ขณะนั้นเองอารียาเดินลงมาจากข้างบน สายตาของเธอ

เย็นชา

ศศินัดดารีบพูดกับอารียา “นี่ลูก รพีพงษ์ไม่เพียงแค่ไม่ ไปรับธีริทธิ์แต่ยังเอารถออกไปข้างนอกแล้วทำรถบุบอีกด้วยลูกยังไม่สนใจมันอีกเหรอ!”

รพีพงษ์รู้นิสัยของธีริทธิ์ดี เขารู้ว่าเธอจะไม่โทษเขาอย่าง ไร้เหตุผลและคิดว่าเธอจะช่วยเถียงแทนเขา

แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คืออารียามองเขาด้วย แววตาเฉยชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใยว่า “งั้นก็ให้เขา

ขอโทษธีริทธิ์เถอะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท