พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 145

บทที่ 145

บทที่ 145 ความเปลี่ยนแปลงของอารียา

รพีพงษ์หันไปมองอารียาแล้วพบว่าในแววตาของ เธอมีอะไรแปลกไป เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์กำลังมองตัวเอง เธอจึงหันหน้าไปมองทางอื่น

“เขาเป็นสวะแห่งเมืองริเวอร์ของพวกคุณไม่ใช่ หรือไง ทำไมคุณถึงอยู่กับเขาล่ะ สู้หย่ากับเขาไปเลยดี กว่า ให้เขากลับไปกับฉัน ฉันสามารถหาผู้ชายที่ดีเลิศ ให้คุณได้นะ” โยษิตาพูดแล้วยิ้มให้กับอารียา

“เขาไม่ใช่สวะ” ท่าทีของอารียาแปรเปลี่ยนเป็น ความเด็ดเดี่ยว

เมื่อโยษิตาเห็นท่าทีของอารียาก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คิไม่ถึงว่าคณจะหลงเขา ขนาดนี้ หวังว่าคุณจะเป็นแบบนี้ต่อไปนะ”

อารียาไม่เข้าใจสิ่งที่โยษิตาต้องการจะสื่อ อารียา จ้องเธอแล้วถามขึ้น “คุณกับรพีพงษ์เกี่ยวข้องอะไร กัน”

“อย่าบอกนะว่าคุณดูไม่ออก ฉันมารับเขากลับ บ้านไง เขาไม่ได้มีบ้านที่นี่เพียงที่เดียวสักหน่อย” โยษิ ตาพูดติดตลก

อารียาขมวดคิ้วขึ้นทันที เธอรู้สึกว่าโยษิตากำลัง ปิดบังอะไรเธออยู่

อารียาหันไปมองรพีพงษ์ ชายหนุ่มจึงรีบพูดอธิบาย “เธอเป็นป้าของผม คุณไม่ต้องไปฟังเธอพูด เพ้อเจ้อ”

โยษิตาเดินเข้าไปยืนข้างอารียา จากนั้นโน้มหน้า เข้าไปข้างหูของเธอแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “รพีพงษ์ไม่ใช่ คนซื่อแบบที่เธอคิดไว้หรอกนะ อย่าเชื่อเขาไปเสียทุก อย่าง เขาไม่ใช่คนของที่นี่ ต้องไปจากที่นี่ไม่ช้าก็เร็ว”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงยื่นมือออกไปดึงอารี ยามาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมพูดไปแล้วว่า ผมกับพวกคุณไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กันอีก ต่อจากนี้ อย่ามาวุ่นวายกับผมอีก”

จากนั้นเขาก็พาอารียาเดินออกไปจากห้อง

อารียามองทั้งสองคนเดินออกไปแล้วยิ้มออกมา เธอพูดพึมพำขึ้นมาว่า “หวังว่าภรรยาของนายจะเด็ด เดี๋ยวแบบนายนะ”

ระหว่างทางกลับบ้าน อารียาเอาแต่คิดถึงคำพูดที่ โยษิตาพูดกับเธอ เธอรู้สึกเหมือนว่าโยษิตากำลังบอก อะไรกับบางอย่าง

เธอหันหน้าไปหารพีพงษ์แล้วถามขึ้น “รพีพงษ์ คน นั้นเป็นป้านายจริงๆ เหรอ”

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพูดว่า “ว่างั้นก็ได้ แต่ว่าผม กับพวกเขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว จะพูดว่า ไม่ใช่ก็ได้”
ถึงแม้ว่าอารียาจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงตัดขาด ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวตัวเอง แต่เมื่อเห็น สีหน้าเคร่งขรึมของรพีพงษ์แล้ว เธอจึงไม่ได้ถามอะไร ต่อ

“งั้นคุณจะเป็นแบบนี้กับฉันตลอดไปไหม” อารียา ถามขึ้น

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอนสิ ทั้งชีวิตของ ผมมีแค่คุณคนเดียว อย่าโดนคำพูดของโยษิตาหลอก เชียวนะ เขาอยากจะสั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่าง เรา”

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ อารียาจึงพยัก หน้า แล้วไม่คิดอะไรเพ้อเจ้ออีก

ช่วงนี้รพีพงษ์ดีกับเธออย่างเห็นได้ชัด ถ้าเทียบกับ คำพูดที่มีลับลมคมในของโยษิตา แน่นอนว่าเธอต้อง เชื่อรพีพงษ์มากกว่าอยู่แล้ว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ศศินัดดาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ ด่ารพีพงษ์ยกใหญ่ จนทำให้รพีพงษ์กับอารียางงไป

หมด

“แม่เป็นอะไร รพีพงษ์ไปทำอะไรให้แม่อีก กลับมา แม่ก็ด่าเขาแล้ว” อารียาพูดอย่างหงุดหงิด

ศศินัดดาจ้องรพีพงษ์แล้วพูดลอดไรฟันออกมา “ไอ้คนไม่เอาไหน แกออกไปก่อเรื่องข้างนอกอีกแล้ว ใช่ไหม เมื่อกี้ท่านปู่นภทีป์โทรมาหาฉันด้วยตัวเอง บอกว่ารพีพงษ์ทำให้เขาขายหน้า แถมยังด่าฉันยกใหญ่ แก ว่าฉันควรจะด่ามันไหมล่ะ”

อารียารู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าหลัง จากนภที่ปักลับไป คงจะโกรธแล้วมาระบายใส่ศศิ นัดดา

“แม่ เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบที่แม่คิด รพีพงษ์ไม่ได้ ก่อเรื่อง เพราะคุณปู่ทำเกินไปเท่านั้น” อารียาอธิบาย

“แกไม่ต้องมาแก้ตัวแทนไอ้สวะนี่ ฉันดูออกตั้งนาน

แล้วว่าแกโดนไอ้สวะนี่ล้างสมองไปแล้ว ไม่ว่ามันจะทำ

อะไร แกก็ออกตัวแทนมันตลอด” ศศินัดดาพูดอย่างไม่

ได้ดั่งใจ อารียารู้สึกน้อยใจ การที่เธอพูดแทนรพีพงษ์ก็ เพราะว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าแม่จะว่า เธอโดนเขาล้างสมอง

“พรุ่งนี้ปู่ของแกให้พวกแกไปหา อารี แกคงจะไป ต่อกับมันไม่ได้อีกแล้วล่ะ ไม่งั้นมันจะทำลายชีวิตของ แกทั้งชีวิต!”

ศศินัดดาพูดขึ้นมาอีกประโยค จากนั้นจึงเดินฟีด ฟัดกลับไปที่ห้อง

อารียาสีหน้าเหนื่อยใจ เธอหันไปมองรพีพงษ์แล้ว พูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณปู่จะรู้สึกผิดเล็กน้อยเพราะเรื่อง วันนี้”

รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า “คุณรู้สึกผิดเหรอ เป็นเรื่องของเขา ผมไม่ได้ทำอะไรผิด แถมยังทำให้

ตระกูลกุลสวัสดิ์เชิญพวกเขาไปร่วมงานเลี้ยงด้วย พวกเขาไร้เหตุผลเอง ถ้าพวกเขายังวุ่นวายแบบนี้ต่อ ไป งั้นผมก็จัดการให้ถึงที่สุด”

อารียาพยักหน้า ครั้งนี้เธอกะว่าจะสนับสนุนรพี พงษ์อย่างเต็มที่

วันต่อมา รพีพงษ์กับอารียาไปคฤหาสน์ตระกูล ฉัตรมงคล

นภทีปันั่งสีหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟา ชรินทร์ทิพย์ กับธายุกรยืนขนาบข้าง สีหน้าของทั้งคู่ดูไม่สู้ดีนัก

อารียาและรพีพงษ์เดินเข้าไปหานที่ป์ จู่ๆ ชาย ชราก็ตบโต๊ะเสียงดังแล้วตะโกนออกมาว่า “รพีพงษ์ ไอ้ คนบาป คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”

“คุณปู่ ผมทำผิดอะไร” รพีพงษ์ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

แล้วเอ่ยถาม

“รพีพงษ์ แกโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่ เมื่อวานแกทำให้

พวกเราขายหน้าในงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์

อย่าบอกนะว่าแกยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด” นภทีป์

พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เมื่อวานหลังจากที่พวกเขากลับจากงานเลี้ยง ก็ เอาแต่ด่าว่าเป็นความผิดของรพีพงษ์ ถ้าไม่ใช่เพราะ รพีพงษ์ ผู้นำของตระกูลกุลสวัสดิ์คงไม่พูดแบบนั้น ออกมา
กลับกันนภทีป์คิดว่าการที่บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์ เชิญรพีพงษ์ แถมยังเห็นแก่หน้าของเขาถึงเชิญไปร่วม งาน มันทำให้เขารู้สึกไม่ยุติธรรม

เขาสั่งให้รพีพงษ์คุกเข่าก็เพราะว่าอยากจะยืนยัน ถึงอำนาจของตัวเองในตระกูล แต่รพีพงษ์กลับไม่ฟัง คำพูดของเขา

“ผมทำให้พวกคุณขายหน้า? ผมอุตส่าห์ให้ผู้นำ ตระกูลกุลสวัสดิ์เชิญพวกคุณไปร่วมงานเลี้ยง แถม พวกคุณยังบอกว่าผมแอบเข้ามาแล้วยังไล่ผมกับอารี ยาออกไป ยังมาโทษผมได้อีกเหรอ” รพีพงษ์ซักถาม

ธายุกรเริ่มเก็บอาการไม่อยู่ เรื่องนี้มันหาเรื่องใส่

ตัวเอง

“หี ยังจะเสแสร้งอะไรอีก อย่าคิดว่าผู้นำตระกูล กุลสวัสดิ์อยู่ข้างแกแล้วจะมาพูดแบบนี้กับพวกเราได้ นะ แกมันก็แค่หมาตัวหนึ่งในตระกูลกุลสวัสดิ์ เขา สามารถถีบแกออกไปได้ทุกเมื่อ รอให้ฉันแต่งงานกับ ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโตก่อนเถอะ ถึงจะเป็น ตระกูลกุลสวัสดิ์ก็ไม่อยู่ในสายตาฉันหรอก แกมา ผยองอะไรที่นี่” ชรินทร์ทิพย์พูดขู่

“พอแล้ว!” นกที่ป์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รพีพงษ์ แกจงใจให้ผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์เชิญฉันไปงานเลี้ยง แกถูกต่อว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ พอผู้นำตระกูลกุล สวัสดิ์อยู่ข้างแก แกก็ใช้โอกาสนี้ในการแก้แค้นฉันใช่ ไหม”
“คุณปู่ รพีพงษ์เขาให้ผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์เชิญ คุณปู่ไปร่วมงานเลี้ยงด้วยความจริงใจจริงๆ นะคะ” อารียารีบเอ่ยขึ้น

“แกหุบปาก แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น” นภทีป์ พูดเสียงดัง

เขามองรพีพงษ์อีกครั้ง

“ฉันไม่สนใจว่าผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่ข้างแก หรือไม่ ตอนนี้แกกินข้าวของตระกูลฉัตรมงคล ในบ้าน นี้ทุกคนต้องฟังสิ่งที่ฉันพูด”

“ครั้งนี้การกระทำของแกทำให้ฉันโกรธ ฉัน สามารถไล่แกออกไปจากบ้านได้ทุกเมื่อ แต่ก่อนหน้านี้ แกหาหมอเทวดาชุมาช่วยรักษาฉัน ฉันจะไม่ถือสาแก แต่ว่าแกต้องไปคุยกับผู้นำของตระกูลกุลสวัสดิ์ ให้เขา ยอมรับฐานะของฉันในตระกูลฉัตรมงคล ให้เขามา ขอโทษฉัน”

นภทีปพูดเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองออกมา ถ้า รพีพงษ์สามารถทำให้ผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์ยอมรับ ฐานะของเขาในตระกูลฉัตรมงคล และมาขอโทษเขา ได้ ต่อจากนี้คนในเมืองริเวอร์จะได้มองตระกูลกุล

สวัสดิ์สูงขึ้น ความอับอายครั้งนี้ก็ถือว่าไม่เป็นไร “ขอโทษครับ ผมไม่สามารถทำได้ การที่คุณจะ ทำให้ผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์ยอมรับ คุณต้องตั้งใจ พัฒนาบริษัทให้ก้าวหน้า ไม่ใช่มาใช้วิธีที่สกปรกแบบ

นี้รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
นภทีปัจ้องเขาเขม็ง คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้า ปฏิเสธ

“คุณปู่ ผมบอกแล้วว่ามันก็แค่หมาตัวหนึ่งใน ตระกูลกุลสวัสดิ์ มันจะไปพูดให้ผู้นำตระกูลกุลสวัสดิ์ มาขอโทษคุณปู่ได้ยังไงกัน” ชรินทร์ทิพย์บ่นพึมพำ

“ใช่ มันทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอก พูดซะสวยหรู ทำเป็นอวดดี” ธายุกรพูดเสริม สีหน้าของนภทีป์ยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่ จึงพูดขึ้น

มาว่า “ฉันไม่สนว่าแกจะทำได้หรือไม่ ถ้าแกทำไม่ได้

ฉันก็จะให้แกไสหัวออกไปจากบ้าน!”

รพีพงษ์คิดในใจว่าแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยเห็น ตระกูลฉัตรมงคลอยู่ในสายตา ถึงจะออกจากบ้านนี้ไป เขาก็สามารถทำตัวได้อย่างปกติไม่มีปัญหาอะไรเสีย ด้วยซ้ำ

ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่อยากไว้หน้านภ ที่ป์แล้วเหมือนกัน

แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป อารียาก็

ก้าวเข้ามาแล้วพูดว่า “ถ้าคุณปู่ไล่เขาออกจากบ้าน หนู ก็จะออกไปกับเขาด้วย!”

“อะไรนะ นี่แกกำลังขู่ฉันเหรอ” นภทีปพูดด้วยน้ำ เสียงเย็นชา

“หนูไม่ได้ขู่คุณปู่ แต่การที่คุณปู่ทำแบบนี้มันไม่ ยุติธรรมกับรพีพงษ์ คุณปู่อย่าลืมนะคะว่าเรื่องโครงการของบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป รพีพงษ์เป็นคน เจรจาสำเร็จ ถ้าตอนนี้เขาไปหนูก็จะไปกับเขา บริษัท ซันบับเบิลกรุ๊ปต้องรีบยกเลิกความร่วมมือกับตระกูล ฉัตรมงคลแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลฉัตรมงคลจะ ต้องเผชิญกับอะไร คุณปู่น่าจะรู้ดีนะคะ” อารียาพูด อย่างชัดถ้อยชัดคำ

“คุณปู่คะ ไอ้คนต่ำตมนี่มันกล้าเอาโครงการของ บริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปมาข่มขู่คุณปู่ อย่าบอกนะว่ามัน คิดว่าถ้าไม่มีมันแล้วตระกูลฉัตรมงคลจะอยู่ไม่ได้งั้นเห รอ หนูว่าต้องรีบไล่มันออกจากบ้านแล้วล่ะค่ะ” ชรินทร์ ทิพย์ใช้โอกาสนี้พูดใส่ไฟ

ชรินทร์ทิพย์กับธายุกรอยากให้พวกเขาออกจาก บ้านไปจนทนไม่ไหวแล้ว

แต่ทว่านภทีปักลับรู้สึกลังเลขึ้นมา เพราะว่าถ้า ไม่มีโครงการของบริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป ตระกูล ฉัตรมงคลก็อยู่ต่อไปไม่ได้จริงๆ

ชรินทร์ทิพย์กับธายุกรเอาแต่ประโยชน์จากบริษัท

พวกเขาไม่เคยคำนึงถึงสภาพการณ์ของบริษัทด้วยซ้ำ

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าอารียาจะเอาเรื่องโครงการมา ข่มขู่นกทีป์ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการ ฉีกหน้านภที่ป

ถึงนภที่ปัจะไม่ไล่พวกเขาออกจากบ้าน แต่ต่อจาก นี้คงจะมองหน้ากันไม่ติด
ถึงแม้ภทีปัจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ทว่าเขาไม่ได้แสดง

ท่าทีอะไรออกมา กลับมองอารียาด้วยความโมโหแล้ว

พูดว่า “อารียา แก่ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะถึงกล้าพูด กับฉันแบบนี้ แกไม่เห็นฉันเป็นปู่แล้วใช่ไหม!” “ถ้าปู่ยังยืนยันที่จะไล่เราออกไปจากบ้าน หนูก็ไม่

เห็นปู่เป็นปู่ของหนู” อารียาพูดอย่างแน่วแน่

“ไสหัวไปซะ ไสหัวไปให้พ้น! ต่อไปอย่าพูดว่าแก เป็นหลานของฉันอีก ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีกต่อ ไป!” นภทีป์ปัดแก้วที่อยู่บนโต๊ะลงบนพื้น

อารียาจับมือของรพีพงษ์แล้วเดินออกจาก คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล “คุณทำแบบนี้ ผมกลัวว่าต่อจากนี้คนในตระกูลจะ

เจาะจงคุณเป็นพิเศษ” รพีพงษ์พูดขึ้นมาระหว่างทาง

กลับบ้าน

“ถึงไม่ทำแบบนี้ พวกเขาก็เจาะจงฉันเป็นพิเศษอยู่ แล้ว ฉันไม่อยากเผชิญสภาพแบบนั้นอีกแล้ว เป็นแบบ นี้ก็ดี” อารียาหัวเราะแล้วพูดออกมา

รพีพงษ์หัวเราะออกมาเช่นกัน เห็นว่าอารียา เปลี่ยนไปเพราะเขา ในใจของชายหนุ่มก็รู้สึกอบอุ่น ขึ้นมาทันที

นภทีปคิดดูแล้วว่าจะไม่ไล่อารียากับรพีพงษ์ออก จากบ้านก่อน เพราะว่าโครงการกับบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปมันเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตของตระกูลฉัตรมงคลเขาไม่กล้าพอที่จะทำเช่นนั้น

แต่ทว่าต่อจากนี้ไป การประชุมหรืองานเลี้ยงใดที่ เกี่ยวกับตระกูล เขาจะไม่เรียกอารียามา เช้านี้อารียาพักผ่อน ศศินัดดาเดินเข้ามาแล้วพูด

ว่า “อารี เดี่ยวน้องชายแกจะมา แกขับรถไปรับเขาที่

สถานีรถไฟด้วย”

“น้องชาย? ธีริทธิ์? “อารียาเอ่ยถาม

“ใช่ นอกจากเขาแล้วจะมีใครอีกล่ะ” ศศินัดดาพูด อารียารีบขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เขามาบ้านเรา ทำไม”

ธีริทธิ์ ไม่เอาไหนตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นอารียาจึง ไม่ชอบเขามาโดยตลอด

“เราอยู่คฤหาสน์ เขาบอกว่าจะมาเที่ยวสองสามวัน แกจะขมวดคิ้วทำไม ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นน้องชายของ แก รีบไปรับเขาเร็ว” ศศินัดดาพูดอย่างไม่สบอารมณ์

กว่าอารียาจะหาวันพักผ่อนได้มันไม่ง่ายเลย เธอ ไม่อยากไปรับน้องชาย ดังนั้นเธอจึงเอากุญแจรถให้ รพีพงษ์ไปรับเขา

รพีพงษ์เอ็นดูอารียา เขารีบหยิบกุญแจรถจากนั้น ก็ขับรถไปสถานีรถไฟ

รพีพงษ์ออกไปได้ไม่นาน บุษบากรก็ถึงดงเย็น ผู้หญิงสองคนนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา อารียาเอาแต่เป็นตัวเองที่ช่วงนี้เธอได้รับสายตาเย็นชาจากคนใน บริษัท บุษบากรปลอบใจเธอ

ผ่านไปสักพัก บุษบากรจึงถามขึ้นมาว่า “อารี รพี พงษ์ไม่อยู่บ้านเหรอ”

อารียาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไปรับน้องชายฉันน่ะ”

บุษบากรกลอกตาไปมาแล้วหยิบมือถือออกมา “อ้อ ฉันนึกได้ว่าครั้งก่อนที่ไปเที่ยว ถ่ายรูปมาเยอะแยะ

เลย เธอดูสิ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท