พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่133

บทที่133

บทที่133 คุณไม่ได้คิดอะไรกับฉันแม้แต่น้อยเลยเห

รอ

“แบบนี้ฉันดูเซ็กส์ซี่ไหม”บุษบากรจ้องมองรพีพงษ์ แล้ว พูดขึ้นด้วยสายตาที่ยั่วยวน

รพีพงษ์สบตาบุษบากรแต่ต้นมาโดยตลอด เขาไม่ได้มอง ไปที่อื่นเลย

“พูดเข้าประเด็นเถอะ ผมไม่อยากเสียเวลา”รพีพงษ์พูด เสียงเรียบ

สีหน้าของบุษบากรแสดงออกมาซึ่งความผิดหวังในทันที รูปร่างของเธอนับได้ว่าชั้นหนึ่งเพียงแค่ห่อผ้าเช็ดตัว ก็ สามารถทำให้ชายชาตรีล้มตายได้เป็นเบื่อ แต่รพีพงษ์กลับ ไม่ชายตามองแม้แต่น้อย

“รพีพงษ์คะ ถ้าคุณไปถึงที่อย่างสตาร์กายมาแล้ว คุณก็ ไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าฉันอีกแล้วล่ะ ฉันไม่เชื่อว่ารูปร่าง หน้าตาของฉัน จะเทียบกับผู้หญิงในสตาร์กายไม่ ได้”บุษบากรตัดพ้อ

“ผมไปสตาร์กายหาเพื่อนก็เท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณ คิดนะ”รพีพงษ์เปิดปากพูด

บุษบากรเบ้ปาก เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในคำพูดรพีพงษ์ เพียงแต่ไม่ได้เถียง หากแต่เดินหันหลังกลับห้อง

รพีพงษ์เดินตามเข้าไป บุษบากรเห็นเขาไม่ได้ปิดประตู จึงพูดขึ้น”ปิดประตูห้องสิคะ หรือคุณอยากจะให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นพวกเราในสภาพแบบนี้” รพีพงษ์อ่อนใจ ได้แต่ปิดประตูห้องไป

“ลบรูปนั้นเสียเถอะ ระหว่างผมกับคุณไม่มีอะไร คุณถ่าย รูป ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี”รพีพงษ์เอ่ยปาก

บุษบากรเห็นท่าทีเย็นชาของรพีพงษ์ จึงรู้สึกน้อยใจขึ้น

มา

คนๆนี้ มาหาเธอ เพียงเพื่ออยากจะให้เธอลบรูปถ่าย เธอ เตรียมตัวละเอียดขนาดนี้ รพีพงษ์ไม่คิดจะมีอะไรกับเธอ หน่อยเหรอ

“ทำไมคุณถึงโง่อย่างนี้นะ ตอนนี้ในห้องมีแค่ฉันกับคุณ แค่สองคน ฉันก็แต่งตัวซะขนาดนี้ คุณไม่คิดอะไรบ้างเลย เหรอ ต่อให้คุณจะทำอะไรกับฉันบ้าง ฉันก็ไม่ตำหนิคุณ หรอกน่า”บุษบากรเปิดปากพูด

“ขอโทษนะ ผมแค่มาพูดกับคุณให้ชัดเจน ผมไปหาเพื่อ นที่สตาร์กาย ในชีวิตผมมีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นคือ อารียา รูปถ่ายรูปนั้นของคุณไม่สามารถแสดงอะไรได้ เลย”

รพีพงษ์แสดงจุดยืนชัดเจน

บุษบากรกัดริมฝีปาก เดิมที่เธอคิดว่ามีรูปถ่ายใบนี้แล้ว จะแบล็คเมล์รพีพงษ์ได้ หากแต่

เธอดูถูกน้ำใจน้ำใจของรพีพงษ์เกินไปเสียแล้ว ยิ่งรพีพงษ์เป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งอยากจะเอาชนะ
“ฮี บนภาพถ่ายออกจะถ่ายได้ชัดเจนขนาดนั้น คุณกด ฉันลงบนเตียง แล้วมันจะไม่แสดงอะไรได้ไง คุณคิดว่าถ้า อารียาเห็นภาพนี้ แล้วเธอยังจะเชื่อคุณอีกเหรอ”บุษบากร กล่าว

“อย่าหาเรื่องชวนทะเลาะเลย คุณทำแบบนี้ มีแต่จะหา เรื่องใส่ตัว”รพีพงษ์ถอนหายใจ

บุษบากรทำท่าทีไม่ยื่น ร่า พูดขึ้น”หาเรื่องใส่ตัวงั้นเหรอ สิ่งที่ฉันเดือดร้อนที่สุดในตอนนี้ ก็คือคุณไม่เห็นฉันอยู่ใน สายตา คุณรู้บ้างไหมว่าทุกคืนฉันคิดถึงคุณอยู่จนดึกดื่น ถึงหลับลงได้ ฝันเห็นคุณทุกคืน ฉันวาดฝันทุกคืนว่าคุณจะ สนใจฉันบ้าง แค่เล่นสนุกกับฉันก็ยังดี”

“รพีพงษ์ ฉันรู้ว่าไม่กี่ปีมานี้อารียาแทบไม่ให้คุณแตะเนื้อ ต้องตัวเธอ คุณเป็นผู้ชาย คุณก็มีความต้องการ อารียาโง่ แต่ฉันไม่ได้โง่ ฉันทำให้คุณพอใจได้ และก็จะไม่บอกใคร ด้วยคุณช่วยให้ฉันสมปรารถนาเถอะนะ ได้ไหม”

บุษบากรใส่อารมณ์รุนแรงขึ้น เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้เธอมี อารมณ์น้อยใจมาก

หากแต่รพีพงษ์คิดว่านี้ไม่ใช่ความผิดของตนเอง ทั้งชีวิต นี้เขารักอารียาเพียงคนเดียว ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงได้

“คุณใจเย็นก่อนเถอะ รอให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน คุณจะ เข้าใจเอง”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

บุษบากรเห็นรพีพงษ์เย็นชาขนาดนี้ จึงมองเขาด้วยความ ตัดพ้อ แล้วกระชากผ้าเช็ดตัวของตัวเองให้หลุด
รพีพงษ์หันหลัง ไม่มองบุษบากร

“รพีพงษ์ ฉันจะบอกคุณให้วันนี้คุณไม่แตะต้องตัวฉัน ฉันก็จะเอารูปถ่ายให้อารียาดู ตามนิสัยของอารียา เธอจะ ต้องไม่อภัยให้คุณแน่นอน ถ้าฉันไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังว่า จะได้! “บุษบากรขบฟันกรอดๆ

รพีพงษ์ส่ายหน้า รู้สึกว่าบุษบากรดื้อรั้นเกินไป

ต่อให้บุษบากรขู่เข็ญเขาแบบนี้ เขาก็จะไม่ยอมทำเรื่องที่ ผิดต่ออารียาแน่นอน สำหรับรูปถ่ายนั้น ค่อยอธิบายกับ อารียาให้รู้เรื่องแล้วกัน

เขาไม่ตัดสินใจจะพูดอะไรกับบุษบากร ได้แต่มองออก ไปข้างนอก

บุษบากรเห็นรพีพงษ์ไม่แย่แสต่อคำขู่เข็ญของเธอ จึงพูด ขึ้นอย่างร้อนรน”รพีพงษ์ แล้วคุณจะเสียใจ!

รพีพงษ์ไม่ได้รั้งรอ เปิดประตูห้อง เดินออกไป จากนั้นปิด ประตูห้องให้บุษบากรอย่าง

เรียบร้อย

บุษบากรรู้สึกโลกถล่มทลาย เธอขดตัวร้องไห้อยู่บน

โซฟา

เธอไม่ได้อยากจะเอารูปถ่ายนั้นให้อารียาดูเลย แค่อยาก จะขู่รพีพงษ์ก็เท่านั้น เพื่อให้เขาดีกับเธอหน่อยก็เท่านั้นเอง

แต่เธอเหยียดหยามนำใจรพีพงษ์เกินไป ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็เถอะ รพีพงษ์ก็ยังคงไม่ทำ
อะไรกับเธอ

หรือว่าชาตินี้ทั้งชาติเธอจะได้แต่รักเขาข้างเดียว

เธอขดตัวร้องไห้อยู่บนโซฟาแสนนาน บุษบากรสวม เสื้อผ้าขึ้น หยิบมือถือออกมา ตั้งใจจะลบรูปนั้นทิ้ง

ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น

แววตาเธอเป็นประกายขึ้น ในใจคิดว่ารพีพงษ์คงจะกลัว ว่าเธอเอารูปให้อารียาดู ก็เลย

กลับมา

เธอเก็บมือถือเข้า รีบเดินไปที่ประตู จัดระเบียบเสื้อผ้าตัว เอง เปิดประตู ยิ้มแล้วพูด”คุณกลับมาแล้วเหรอ”

แต่ว่าเธอก็ต้องตกตะลึง เพราะว่าคนที่ยืนหน้าประตู ไม่ใช่รพีพงษ์ แต่เป็นหญิงผู้สูงศักดิ์

คนหนึ่ง

โยษิตา!

“เธอ….เธอคือใคร”บุษบากรถามขึ้นอย่างงุนงง

โยษิตายิ้มเยาะหยันบุษบากร เปิดปากพูด”เธออยากได้ รพีพงษ์มากใช่ไหม ฉันช่วยเธอเอง”

หลังจากที่ออกมาจากโรงแรม รพีพงษ์ก็ถอนหายใจออก

มายาวๆ

เมื่อกี้ถ้าบุษบากรรุกขึ้นหน้าอีกสักนิด เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะควบคุมได้หรือเปล่า

อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ถ้ามาเจอ กิเลสยั่วยวนเข้าเยี่ยงนี้ ถ้าไม่เกิดความรู้สึกอะไรก็โกหก แล้ว เพียงแต่เขาแค่ควบคุมตัวเอง ไม่อยากทำผิดแค่นั้น

“ปัญหาของพวกผู้หญิงนี่น่าปวดหัวจริงๆ ดูท่าต้องกลับ

ไปอธิบายให้อารียากฟังเสียแล้ว”

รพีพงษ์ปลงตก และกำลังจะขับรถ

ในเวลานี้คนสองสามคนกำลังวิ่งมาทางเขา รพีพงษ์หัน หน้าไปดู เห็นกุนลโรจน์กับบอดี้การ์ดของเขาสองสามคน

กุนลโรจน์ยิ้มให้รพีพงษ์ พูดขึ้น”คุณชาย บังเอิญจังเลย นะครับ คิดไม่ถึงว่าจะเจอที่นี่ ผมกำลังจะไปหาคุณชาย พอดี”

“หาผมทำไมครับ”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

“แบบนี้นะ ที่ตระกูลกุลสวัสดิ์จะจัดงานเลี้ยงในอีกสอง สามวัน ถึงตอนนั้นจะเชิญพวกเซเลปมา เมื่อวานลูกชายไม่ เอาถ่านของผมคงไปก่อเรื่องกับคุณชายเข้า ผมได้จัดการ สั่งสอนเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการขอโทษ ผมอยากขอ เชิญคุณชายไปงานเลี้ยง”กุนลโรจน์เปิดปากพูด

รพีพงษ์คิดว่างานเลี้ยงอาหารค่ำบ้านตระกูลกุลสวัสดิ์จะ ต้องมีแต่เซเลปชั้นแนวหน้า เขาเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจ อะไรกับงานเลี้ยงอาหารค่ำเป็นพิเศษ แต่ถ้าอารียาร่วมงาน ด้วย ถึงเวลานั้นก็น่าจะเพิ่มคอนเนคชั่นได้ ถือว่าเกิด ประโยชน์กับอารียา
“ผมพาคนไปร่วมงานด้วยได้ไหมครับ “รพีพงษ์เอ่ยปาก

“ได้อยู่แล้วครับ! คุณชายจะพาคนไปกี่คนก็ได้ คุณชาย เป็นแขกคนสำคัญที่สุดของงานเลย แน่นอนว่าทุกอย่างฟัง คุณชายเป็นสำคัญ”กุนลโรจน์เปิดปากพูด

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วพูดขึ้น”ได้ครับ แล้วผมจะไปร่วม

งานนะครับ”

กุนลโรจน์รีบแจ้งสถานที่จัดงานเลี้ยงให้กับรพีพงษ์ จาก นั้นทั้งสองจึงแลกเบอร์โทร ที่ติดต่อกัน

หลังจากมองส่งรพีพงษ์ขึ้นรถ กุนลโรจน์จึงทอดถอนใจ ออกมาด้วยความโล่งอก เผชิญหน้ากับรพีพงษ์ ทำให้เขา รู้สึกกดดันบอกไม่ถูก

“ไปเถอะ คุณโยษิตาน่าจะเข้ามาถึงโรงแรมแล้ว พวกเรา ไปรอที่ห้องโถงดีกว่า”

คนกลุ่มหนึ่งเข้าไปยังโรงแรมที่รพีพงษ์เพิ่งออกมา

ในช่วงพลบค่ำ รพีพงษ์รับอารียากลับบ้าน

ทั้งสองคนเดินเข้าประตู ก็ได้กลิ่นยาจีนคละคลุ้งไปหมด ศศินัดดากับศักดานั่งสีหน้าอึมครึมอยู่บนโซฟา ไม่พูดไม่ จาอะไรทั้งสิ้น

อารียารู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรไป ส่วน รพีพงษ์นั้นพอเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่

“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ เป็นอะไรเหรอ”อารียาเอ่ยปาก

ถาม
ศศินัดดามองไปที่อารียากับรพีพงษ์ ตะคอกขึ้น”เกิด อะไรขึ้น ก็ต้องถามไอ้ผัวเฮงซวยของแกดูไง! ”

อารียาหันไปมองรพีพงษ์ พูดขึ้น”ช่วงนี้รพีพงษ์ไม่น่าจะ ไปทำอะไรให้นี่คะ อย่าเอะอะอะไรก็โทษรพีพงษ์สิคะ”

ศศินัดดาแค่นเสียงเย็นชา พูดขึ้น”โทษเขาเหรอ เรื่องนี้

อยากโทษคนอื่นก็โทษไม่ได้หรอก! เมื่อวานที่งานเลี้ยง

คุณชายกุมุท รพีพงษ์ไปซ้อมเขาซะน่วมเลยใช่ไหม”

อารียาถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา ที่แท้ศศินัดดาโกธรเพราะ เรื่องนี้

ใช้ส้นเท้าคิดก็ยังรู้เลย ว่าหลังจากที่ธายุกรกลับมาบ้าน ธายุกรต้องมาเล่าอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน

พูดถึงเรื่องนี้อารียาแอบรู้สึกโกรธในใจ เห็นได้ชัดว่า กุมุทต้องการที่จะแต๊ะอั้งเธอ ถ้า ไม่ใช่รพีพงษ์ เธอคงโดน ลวนลามไปแล้ว

สำหรับเธอแล้ว รพีพงษ์แค่ซ้อมเขาเบาๆ เธอไม่ได้แจ้ง ความจับกุมุทก็ดีแค่ไหนแล้ว

“แม่คะ รพีพงษ์ซ้อมกุมุทเพื่อหนูนะคะ กุมุทจะลวนลาม หนู รพีพงษ์กำลังปกป้องหนูนะคะ อีกอย่างพอประมุขของ ตระกูลกุลสวัสดิ์ปรากฏตัว ก็ได้อบรมกุมุทเหมือนกัน”อารี ยากล่าว

ศศินัดดาแทบจะไม่เชื่อคำพูดอารียา พูดขึ้น”แกหยุด เถียงแทนไอ้สวะนี่ได้ละ งานเลี้ยงเมื่อคืนธายุกรก็ไป เขา บอกว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแต่จะซ้อมคุณชายกุมุท แต่ยังบังคับให้ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์ตบบ้องหูคุณชายกุมุท ด้วย เขากำลังจะเป็นครอบครัวเราเข้าสู่ความตายด้วย!

อารียาพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าคำพูดที่หลุดออกจากปาก ธายุกร กลายเป็นว่ารพีพงษ์ บังคับให้ประมุขตระกูลกุล สวัสดิ์ตบบ้องหูกุมุทเสียอย่างนั้น เห็นได้ชัดว่าประมุข ตระกูลกุลสวัสดิ์ยังทนพฤติกรรมลูกชายตัวเองไม่ได้เลย ก็ แค่อยากจะอบรม

“แม่คะ ธายุกรพูดมั่วค่ะ อย่าไปฟังนะคะ เขากำลังใส่ร้าย ป้ายสีรพีพงษ์”อารียาเปิดปากพูด

“ลูก มาถึงขนาดนี้แล้ว ลูกยังจะเถียงแทนรพีพงษ์อีกเห รอ พอคุณปู่ได้ยินข่าวก็สอบถามคนที่ไปงานเลี้ยง ใครๆก็ บอกว่าธายุกรพูดจริง หรือว่าคนพวกนี้ก็โกหกด้วยหรือไง”

“แกไม่รู้จริงๆเหรอว่าตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่ตำแหน่งอะไร ในเมืองริเวอร์ เขาเป็นอันดับหนึ่งในเมืองริเวอร์เลยนะ คราวนี้รพีพงษ์ซ้อมคุณชายกุมุทต่อหน้ามหาชน แถมยัง บังคับให้ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์อบรมลูกชายตัวเองแบบ นั้น แกคิดว่าตระกูลกุลสวัสดิ์จะยอมปล่อยไปง่ายๆ เหรอ”

“ไม่แน่ว่า บ้านเราอาจจะซวยเพราะไอ้สวะนี่ก็ได้”

ศศินัดดาพูดพลางร้อนใจเป็นที่สุด การที่ทำให้ตระกูล กุลสวัสดิ์ขัดเคืองใจนับเป็นเรื่องใหญ่อย่างไรเสีย ตระกูล กุลสวัสดิ์ก็นับว่ามีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองริเวอร์ ถ้าพวก เขาจะโดนเก็บก็ เป็นเรื่องไม่ยาก

“แม่คะ เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่แม่คิดนะคะ เมื่อวาน….”อารียากำลังจะแก้ตัว

ศศินัดดาไม่ฟังแม้แต่น้อย พูดต่อ”อีกอย่างนะ เดี่ยว ตระกูลกุลสวัสดิ์จะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำคุณท่านกำลังคิด ว่าใครที่จะมีสิทธิ์ไปร่วมงานเลี้ยงได้ พอรพีพงษ์มาทำแบบ นี้ งานเลี้ยงคงไม่ได้ไปแล้วล่ะ เธอคิดว่าคุณท่านจะปล่อย พวกเราไหมล่ะ”

รพีพงษ์ ได้ยินศศินัดดาพูดแบบนี้ จึงเปิดปากพูด”ไม่ เป็นไรครับ เรื่องเมื่อวานกุมุทเป็นคนผิดจริงๆ ประมุข ตระกูลกุลสวัสดิ์อบรมเขาก็สมควรแล้วนี่ครับ ส่วนงาน เลี้ยงอาหารค่ำ คนบ้านตระกูลฉัตรมงคลไปได้ครับ”

ศศินัดดาเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที พูดขึ้น”แกคิดว่า แกตัดสินใจให้บ้านตระกูลกุลสวัสดิ์รู้ทุกเรื่องได้หรือไงยะ ถ้าคนบ้านฉัตรมงคลยังไปร่วมงานได้ก็ผีเข้าแล้วล่ะ อีก อย่างไม่แน่ว่าอาจจะเพราะความผิดของแก ตระกูลกุล สวัสดิ์อาจจะกล่าวโทษตระกูลฉัตรมงคลก็ได้ ถึงเวลาพวก เราไม่ต้องคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขหรอก!

“พวกแกสองคนรีบออกไปกับฉันเลยนะ เรื่องนี้ลือไปทั้ง ตระกูลฉัตรมงคล คุณท่านกำลังรอพวกแกไปหา”

“รพีพงษ์ แกรนหาที่ตายเองนะ ถึงเวลาไม่มีใครช่วยแก ได้!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน