พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่179

บทที่179

บทที่179 อย่าฟังครอบครัวเขาคุยโม้

ปั้มน้ำมัน

รพีพงษ์เอารถปอร์เช่จอดไว้ข้างๆตู้น้ำมัน พนักงานเห็น โลโก้รถก็ตะลึง แทบจะไม่รู้สึกตัวแล้ว

“พี่ชาย รถคันนี้ของคุณ คือปอร์เช่ใช่ไหม?” คนนั้นถาม

รพีพงษ์หัวเราะพลางพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก กล่าว “เต็มถัง วันนี้ต้องเดินทางไกล”

วันนี้ศศินัดดาทั้งครอบครัวจะกลับบ้านพ่อแม่ ดังนั้นรพี พงษ์จึงมาเติมน้ำมันให้เต็มไว้ก่อน

คนนั้นรีบพยักหน้าทันที เติมน้ำมันให้รพีพงษ์ แล้วถาม “รถคันนี้ราคาเท่าไหร่หรอ?”

“สี่ล้านกว่า ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจ คนอื่นให้มา” รพีพงษ์กล่าว คนนั้นสูดหายใจอย่างตกใจ มองรพึงพษ์ด้วยใบหน้าที่ เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ รถราคาสี่ล้านกว่า คนอื่นให้มา คน ที่ให้มานี้ต้องมีเงินมากเท่าไหร่กันนะ

ในเวลาเดียวกันภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความ ประหลาดใจ สามารถทำให้คนอื่นเอารถที่แพงให้นั้น สถานะผู้ขับรถคันนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

เขามองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตายิ้มแย้ม คนใหญ่คนโต แบบนี้ เขาห้ามยั่วโมโหเด็ดขาด

หลังจากเติมน้ำมันเต็มถังแล้ว รพีพงษ์ให้เงิน แล้วขับรถกลับไปที่บ้าน

ระหว่างทางกลับ เขาโทรไปหาเบอร์ที่เธียรวิชญ์ได้ให้ไว้ ไม่นาน ก็มีคนรับโทรศัพท์ ทางนั้นมีเสียงที่สงบดังขึ้นมา

“ใครครับ?”

“รพีพงษ์”

ปลายทางนั้นมีเสียงเงียบไปสักพัก แล้วมีเสียงกล่าว อย่างตื่นเต้นที่ดังขึ้นมา “พี่ ….พี่รพี คุณจริงๆใช่ไหม? สุดท้ายคุณก็โทรหาผมเสียที มาสองวันก่อนพี่เธียรวิชญ์ บอกกับผมแล้ว ผมรอโทรศัพท์จากพี่มาตลอดเลย”

“วันนี้ฉันไปอำเภอหยก ถึงเวลานั้นถ้าต้องการความช่วย เหลือ ฉันอาจจะให้แกช่วยนะ” รพีพงษ์ไม่เกรงใจแต่อย่าง

ใด

“ไม่มีปัญหา พี่รพี ตอนนี้ที่อำเภอหยก คำพูดของผมก็พอ จะมีอำนาจอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ผมก็สามารถ เคลียร์ให้พี่ได้ครับ”จิรายุศกล่าว

รพีพงษ์อืมหนึ่งครั้ง แล้วกล่าวถึงเวลานั้นค่อยติดต่อกัน

จิรายุศรีบถามว่ารพีพงษ์จะเดินทางมาอย่างไร ถึงเมื่อ ไหร่ เขาจะได้จัดคนต้อนรับ

รพีพงษ์พูดถึงเวลาที่จะไปถึง พึมพำบอกจิรายุศว่าไม่ ต้องต้อนรับอะไร เขากับอารียาพวกเขาไปด้วยกัน อยาก จะทำตัวให้ติดดิน

แม้จิรายุศจะรับปาก แต่เมื่อหลังจากวางสายแล้ว รู้สึกว่ายังต้องต้อนรับรพีพงษ์อย่างเป็นทางการสักหน่อย เพราะ รพีพงษ์มีบุญคุณกับเขา ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ทำให้ผ่านๆ ไม่ได้ แลดูเหมือนไม่เห็นค่ารพีพงษ์

ดังนั้นเขาจึงโทรศัพท์หาผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นทันที ให้พวกเขามาพร้อมกัน เพื่อหารือเรื่องต้อนรับรพีพงษ์

วิลล่าดงเย็น

ศศินัดดาพลางเก็บของใช้ส่วนตัว พลางด่ารพีพงษ์ หน้า ของเธอยังบวมอยู่บ้าง แต่หลังจากใช้ไข่ขาวพอกหน้าแล้ว ก็ดีขึ้นมาก

“ไอ้บ้ารพีพงษ์ เขาตั้งใจ เขาต้องรู้แน่ๆว่าถ้าฉันเอาบัตร ของเขาไปจะเกิดอะไรขึ้น ตั้งใจไม่บอก เขาอยากให้ฉัน โดนซ้อม ลูกสาว คนประเภทนี้ร้ายกาจ แกอยู่กับเขาต่อไป ไม่ได้แล้วนะ” ศศินัดดาบ่น

สายตาอารียามองบนต่อศศินัดดา แล้วกล่าว “แม่ อย่ามา ชวนทะเลาะไร้เหตุผลแบบนี้นะ นี่ก็ไม่ใช่เพราะแม่ทำเอง หรอ รพีพงษ์ไม่คาดคิดว่าแม่จะขโมยบัตรของเขาด้วยซ้ำ”

“อย่างนั้นเรียกว่าขโมยหรอ? เขากินฟรีอยู่ฟรีกับ ครอบครัวเรามาตั้งหลายปี ให้เงินฉันสักหน่อยก็เป็นสิ่งที่ ควรปะ? เดี๋ยวแกไปบอกเขานะ ให้เอาเงินทุกบาททุก สตางค์ใบบัตรของเขามาให้ฉันด้วย ไม่อนุญาตให้ฝากเงิน เอาไว้ในบัตรเฮงซวยนั่น” ศศินัดดาแถๆไป

เธอไม่รู้เลยสักนิด เงินในบัตรของรพีพงษ์ถ้าจะต้องถอน ออกมาจริงๆ เกรงว่าวิลล่าสิบหลังก็วางไม่พอ
อารียาไม่อยากใส่ใจศศินัดดาอีกแล้ว แล้วหลับไปที่ห้อง ดูว่ามีสิ่งไหนหลงลืมไว้บ้าง

ไม่นาน โทรศัพท์ของอารียาดังขึ้น ปรางทิพย์โทรมา

“อารี พวกเธอเก็บของเสร็จหรือยัง พวกเธอจะขับรถ ร้ายๆคันนั้นมาจริงๆหรอ ไม่งั้นฉันให้แฟนของฉันไปรับพวก เธอมาดีกว่า ให้พวกเธอได้นั่งรถหรู” ปรางทิพย์ใช้น้ำเสียง ของคนรวยผู้สูงส่งกล่าว

อารียาบึนปากแล้วบึนปากอีก แล้ว “ไม่ต้องหรอก พวก เราสี่คนบวกกับธีริทธิ์ นั่งได้พอดี พวกเธอขับรถมารับก็นั่ง ไม่พอแล้ว

“อะไรนะ! ปรางทิพย์กล่าวอย่างตกใจ “แกยังอยากให้ไอ้ สวะรพีพงษ์นั่นมาด้วยหรอ แกไม่กลัวเขาจะทำให้แก อับอายหรือไง”

“รถคันนี้มีเพียงเขาที่สามารถขับมันได้” อารียาหาเหตุ

ผล

“โธ่ นี่ซื้อรถเฮงซวยอะไรเนี่ย มีแค่รพีพงษ์ขับได้เท่านั้น คงจะพังจนไม่ไหวแล้วสินะ ถึงมีแค่ไอ้สวะรพีพงษ์ที่ขับได้” ปรางทิพย์พึมพำอย่างแปลกใจ

“รอไปถึงเดี่ยวแกก็รู้เอง” อารียากล่าวอย่างรำคาญ

แล้วจากวางสายแล้ว อารียาเกรี้ยวกราดกับศศินัดดา ด้วยใบหน้าที่ไม่สบายใจแล้วกล่าว “แม่ ปรางทิพย์นี่น่าเก ลียดจริงๆ ชอบคิดว่าชีวิตของพวกเราไม่เหมือนพวกเขา พูดตลอดว่ารถของเราเฮงซวย”
ศศินัดดายักคิ้ว แล้วกล่าว “ครอบครัวลุงใหญ่ของแกเป็น คนยังไงไม่ใช่ว่าแกไม่รู้ อย่าถือสา รอพวกเราขับรถหรูคัน ละสี่ล้านไป พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว”

อารียาพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก แล้วไม่คิดเรื่องนี้อีกต่อ

ไป

อำเภอหยก ในบ้านของปรางทิพย์ ปรางทิพย์และแฟน เขาโมไนยอยู่ด้วยกันพอดี

“ตลกจริงๆ อารียายังจะขับรถร้ายๆของครอบครัวเธอมา อีก ยังบอกว่ารถคันนั้นมีเพียงไอ้สวะรพีพงษ์เท่านั้นที่ขับได้ หรือเธอไม่รู้ว่าอะไรคือความอับอายหรอ” ปรางทิพย์กล่าว

“ไอ้สวะนั่นที่เธอชอบพูดถึงบ่อยๆนั้นหรอ เขาก็กลับมา ด้วย?” โมไนยถาม

ปรางทิพย์พยักหน้าแล้วหยักหน้าอีก แล้วกล่าว “เขากลับ มาด้วยสิจึงจะดี แบบนี้ฉันถึงจะสามารถเหยียดหยามเธอ ได้เต็มที่หน่อย ตอนเด็กทุกคนล้วนคิดว่าอารียาเก่งกว่าฉัน ดีกว่าฉัน ที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอแต่งกับไอ้สวะหรอ”

ในขณะนี้พ่อของปรางทิพย์ตุลยวัตและบจีผู้เป็นแม่เดิน

ออกมา

บจีกำลังหัวเราะแล้วมองไปที่ปรางทิพย์กับโมไนย แล้ว กล่าว “ปรางพูดถูก เธอเก่งยังไงก็ไม่มีประโยชน์ แต่งกับไอ้ สวะ ชีวิตนี้ก็เหมือนจบสิ้นแล้ว แต่ปรางได้แฟนที่เก่งอย่าง โมไนย เป็นโชคดีแปดชั่วโคตรจริงๆ

“คุณป้า คุณชมเกินไป ผมก็แค่โชคดีนิดหน่อย ได้ทำกับจิรายุศท่านยุด แต่หากพวกคุณจะเอาผมไปเทียบกับไอ้ สวะนั่น ไม่มีสิทธิ์มาเทียบกัน” โมไนยหัวเราะพลางกล่าว

“โมไนย ตอนนี้แกอยู่กับท่านยุด รายได้ต่อปีอยู่ที่เท่า

ไหร่?” ตุลยวัตถาม

“ก็ไม่มาก ปกติก็แค่แสนกว่าๆ ถ้าท่านยุดอารมณ์ดี ไม่แน่ ก็เป็นหลักล้าน” โมไนยพูดอย่างถ่อมตัว แต่ใบหน้านี่สะใจ

ตุลยวัตและบจีทั้งคู่หัวเราะอย่างมีความสุข รายปีได้หลัก ล้าน ที่ในอำเภอลักษณะนี้ ถือได้ว่าเป็นเศรษฐีขั้นสูงแล้ว

“โมไนยเก่งจริงๆ เทียบกับไอ้รพีพงษ์สวะที่เกาะเมียกิน นั่นเก่งกว่ามาก ดูสิหลังจากที่พวกเขามาแล้ว จะงามไม่งาม หน้า” บจีหัวเราะพลางกล่าว

“ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวนัดตาไม่ใช่ว่าซื้อวิลล่าแล้ว หรอ หลายปีมานี้อารีก็ใช้ชีวิตโอเคอยู่หนิ” ตุลยวัตถาม

บจีบนปากไปมา แล้วกล่าว “วิลล่าอะไร อย่าฟังพวกเขา คุยโม้ ก่อนหน้านี้ธีริทธิ์ก็ไปอยู่บ้านเขา เมื่อสองสามวัน ก่อนน้องชายภรรยาแกโทรถามเขา ธีริทธิ์บอกว่าเขาอยู่ บ้านเพื่อนเขา นี่ก็แปลว่าบ้านของษษินัดดาเล็กเกินไป ถ้านี่ คือวิลล่าก็ไม่ใช่ล่ะ”

ช่วงนี้ธีริทธิ์เล่นเกมส์อยู่กับชีพนนท์พวกเขาตลอด เลย นอนที่บ้านของชีพนนท์ เขากำลังเล่นเข้าได้เข้าเข็ม จึงพูด ให้มันจบๆไป ไม่ได้พูดถึงเรื่องวิลล่าของอารียา

ทุกคนๆต่างหัวเราะเยาะเย้ย ครอบครัวศศินัดดาชอบ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แม้กระทั่งที่นอนให้ธีริทธิ์ก็ไม่มี แล้วยังมีหน้าจะบอกว่าซื้อวิลล่าอีก

“แม่ รอพวกเขากลับมาฉันและโมไนยจะขับรถไปดูว่า พวกเขาซื้อเราเฮงซวยคันไหน รถของโมไนยคือออดี้ ราคา สี่แสนกว่านะ” ปรางทิพย์พูดอย่างสะใจ

“แม่ง สี่แสนกว่า แพงเกินไปป่ะเนี่ย โมไนย ลูกสาวฉันอยู่ กับแก ซึ่งมีความสุขจริงๆ” บจีตาลุกวาว

ตอนนี้โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา แล้วจากรับสายแล้ว

เขารีบลุกขึ้น พูดกับครอบครัวของปรางทิพย์ว่า “ท่านยุด

โทรหาผมบอกว่าวันนี้มีแขกสำคัญมาอำเภอหยก ให้ผม

กลับไปหารือว่าจะต้อนรับอย่างไร ผมขอตัวก่อนนะครับ”

ปรางทิพย์ถามทันที “งั้นวันนี้คุณยังสามารถขับรถพาฉัน ไปเยาะเย้ยอารีพวกเขาได้ไหม?”

โมไนยคิดสักครู่ กล่าว “น่าจะได้ ผมก็แค่ไปดูลาดลาว เท่านั้น หลักๆน่าจะเป็นท่านยุดกับพรรคพวกของเขา จัดการ ได้ยินมาว่าคนสำคัญที่มาครั้งนี้ใหญ่โตไม่เบา ผม ยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม

ปรางทิพย์พยักหน้า ให้โมไนยไป

“ลูกสาว แกว่าคนที่ท่านยุดต้อนรับ เป็นคนใหญ่คนโต จากไหน ถึงต้องเป็นทางการขนาดนี้?” บจีถาม

ปรางทิพย์กล่าวท่านยุดยังให้ความสำคัญ ต้องไม่ ธรรมดาแน่นอน พวกเราจะมีโอกาสพบปะได้ไงกัน แต่ไม่ ว่าจะเป็นใคร ฉันก็รู้ว่ายังไงก็ไม่ใช่ครอบครัวอารียาแน่ๆ %3D โดยเฉพาะไอ้สวะรพีพงษ์นั่น”
บจีและตุลยวัตหัวเราะออกมา พยักหน้าแล้วกล่าว “นี่ก็

ใช่”

“ใช่แล้ว อีกสองวันจะถึงวันเกิดคุณปู่แล้ว ต้องคิดว่าจะ ให้ของขวัญอะไร โมไนยเก่งขนาดนี้ ฉันจะต้องเตรียม

ขอวขวัฯที่ดีที่สุดเอาไว้ให้ ให้คุณปู่ได้รู้ ฉันได้หาลูกเขย

หลานสาวที่เก่งขนาดนี้ให้เขา” ปรางทิพย์หัวเราะพลาง

กล่าว

หลังจากที่รพีพงษ์ขับรถกลับบ้านแล้ว ก็ช่วยอารียาและ ศศินัดดาทั้งคู่ นำสัมภาระวางไว้ในรถ

จากนั้นรพีพงษ์โทรหาธีริทธิ์ ให้เขารีบกลับมา พวกเขา จะเดินทางไปอำเภอหยกแล้ว

“อุ้ย อารี อีกสองสามวันคุณตาของแกจะอายุครบเจ็ดสิบ แล้ว ฉันลืมเตรียมของขวัญให้เขา” ระหว่างรอธีริทธิ์ ศศิ นัดดากล่าวขึ้นมาทันที

“ก็แค่ของขวัญ ถึงอำเภอหยกแล้วค่อยซื้อล่ะกัน” ศักดา

กล่าว

“ไม่ได้ คนที่นั่นล้วนคิดว่าช่วงนี้ชีวิตฉันแย่มากๆ ครั้งนี้ที่ พวกเรากลับไป ไม่แน่มีหลายคนกำลังรอที่จะหัวเราะเยาะ เย้ยอยู่นะ วันเกิดคุณตาครานี้ ฉันจะต้องเตรียมของขวัญ ชิ้นใหญ่ให้เขา ให้ทุกคนนับหน้าถือตา” ศศินัดดากล่าว

“ตอนนี้ไปซื้อของพิเศษ ช้าไปไหน่อยไหม?” รพีพงษ์

กล่าว
ศศินัดดาเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ตอนนี้เธอคิดไม่ออก จริงๆว่าของขวัญแบบไหนจะถือเป็นของขวัญชิ้นพิเศษ

รพีพงษ์กล่าว “ไม่งั้นเอาภาพ (ภาพฤาษีตกปลาในซี

ชาน) จิตรกรรมที่ Tang huangวาดไว้ มาล่ะกัน เอารูป

นั้นมอบเป็นของขวัญ ก็มีค่ามากแล้ว”

สายตาของศศินัดดาลุกวาว แล้วกล่าว “ถูกต้อง พวกเรา มีวัตถุโบราณล้ำค่าหลายชิ้น งั้นก็ให้สักชิ้นล่ะกัน ลูกสาว แกไม่ติดใจอะไรใช่ไหม?”

ความจริงอารียาอยากพูดว่าถ้าเธอให้ไปแล้ว คนของตะ กูลลัดดาวัลย์มาเอาคืนจะทำยังไง แต่หันไปคิดอีกครั้ง รพี พงษ์ก็คือคนของตระกูลลัดดาวัลย์ เขาไม่ติดใจอะไร ก็ไม่ น่าจะมีปัญหา

ดังนั้นจึงพยักหน้าให้ศศินัดดา แล้วกล่าว “งั้นคุณไปเอา รูป (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) มาเถอะ”

ศศินัดดาเอารูปภาพนั้นมาอย่างดีใจ แล้ววางไว้บนรถ

“นี่เป็นภาพที่มีชื่อเสียงที่ราคามากกว่าร้อยล้านเลยนะ คุณจะเอารูปนี้ให้พ่อคุณจริงๆหรอ?” ศักดากล่าว

ศศินัดดาชักตาไปที่เขา แล้วกล่าว “ราคาร้อยกว่าล้าน แล้วยังไง นั่นก็เป็นสิ่งที่คนอื่นให้ลูกสาวฉันมา ทำไมฉันถึง มีสามีที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้นะ ฉันรู้สึกว่าแกยังเทียบไม่ได้กับ รพีพงษ์เลย ฉันทำอย่างนี้ ก็ไม่ใช่เพื่อเอาศักดิ์ศรีของ ครอบครัวเรากลับมาหรอ”

ศักดายักไหล่ ไม่กล้าพูดอะไร
ไม่นาน ธีริทธิ์ก็กลับมาถึงดงเย็น ศศินัดดารีบให้ทุกคน ขึ้นรถ เดินทางไปยังอำเภอหยก ระยะทางจากเมืองริเวอร์ ไปอำเภอหยกไม่ใกล้ ขับรถใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมง พวกเขา ถึงที่นั่น ก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว

“รอแป๊ป ให้ผมเข้าไปถ่ายวีดีโอไว้หน่อย”

ธีริทธิ์นำโทรศัพท์ออกมา รีบวิ่งเข้าไปในวิลล่าถ่ายวีดีโอ

ไว้

หลังจากออกมาแล้ว เขาก็ได้เซลล์ฟี่ตัวเองกับบริเวณ รอบๆของวิลล่าด้วย

ใบหน้าอารียาแปลกใจ แล้วกล่าว “แกถ่ายพวกนี้ไว้

ทำไม?

ธีริทธิ์หัวเราะพลางกล่าว “แน่นอนว่าต้องเอากลับไปให้ คนในครอบครัวดูสิ ไม่งั้นพวกเขาจะรู้ได้ไงว่าวิลล่าพวก คุณดีขนาดไหน”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท