พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่196

บทที่196

บทที่196 ศศินัดดาโดนไล่ออกจากตระกูลเขม พงศ์

ไวทยุตกำลังมีความสุข ทันใดนั้นเมื่อได้ยินเสียง ของศศินัดดา ใบหน้าก็วิ้ง

ทุกคนที่อยู่ในสวนก็หันไปมองที่ประตู มองเห็น ครอบครัวศศินัดดาสี่คนเดินเข้ามา ล้วนมองด้วย สายตาเหยียดหยาม

บจีเห็นครอบครัวศศินัดดามาถึง ก็มองไปรอบๆ ทันที แล้วตะโกน “ศศินัดดา พวกแกยังมีหน้ามาอีก หรอ พวกแกทำลายความสุขของฉัน ท่านไวทยุตจะไล่ แกออกจากตระกูลเขมพงศ์แล้ว จากนี้ไป พวกแกกับ ตระกูลเขมพงศ์ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกันอีกต่อไป!”

ทุกคนก็พูดคล้อยตามขึ้นมา

“พูดถูก พวกแกยังมีหน้าอะไรมาฉลองครบรอบวัน เกิดของท่ายไวทยุตอีก หรือคิดว่ายังหาเรื่องตระกูล เขมพงศ์ไม่พออีกหรอ?”

“รีบไสหัวออกไปซะ ท่านไวทยตไม่อยากเห็นพวก แก ครอบครัวแกมันไอ้ตัวซวย มาที่นี่ทำไม!”

“โดยเฉพาะรพีพงษ์นั่น วันนี้เป็นวันครบรอบเจ็ด สิบปีของท่านไวทยุต เขาอยู่นี่ จะนำพาความซวยมาให้ ท่านไวทยุต!”
ศศินัดดามองไปที่ทุกคนอย่างงงงวย ไม่คิดมา ก่อนว่าเมื่อเธอมาถึงจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ไวทยุตลำบากใจเช่นกัน ความจริงเขาแค่มีความ คิดที่จะไล่ศศินัดดาออก แต่ไม่ได้คิดจะไล่ออกไปจริงๆ

ตอนนี้ทุกคนเริ่มตะโกนแบบนี้ เขากลับต้องไล่ศศิ นัดดาออกจริงๆแล้วล่ะ ถ้าทำไม่ได้ ก็แสดงว่าคำพูด ของเขาไม่น่าเชื่อถือ

บจีมองดูครอบครัวศศินัดดาอย่างเยาะเย้ย เธอ ต้องการผลลัพธ์แบบนี้ ถึงแม้การหมั้นไม่สำเร็จของ ปรางทิพย์และโมไนยนั้นจะไม่เกี่ยวกับศศินัดดา แต่ สามคนกลายเป็นเสือ เธอต้องใส่ไฟให้ศศินัดดาก่อน แม้หล่อนจะแก้ตัวยังไง คนของตระกูลเขมพงศ์ก็จะ ไม่มีทางเชื่อหล่อนอีก

ศศินัดดาชักตาไปที่บจี หลังจากเห็นสีหน้าเธอแล้ว ก็รับรู้ได้ว่าเธอต้องพูดอะไรไม่ดีให้กับไวทยุตฟังแน่ๆ “บจี แกหยุดพูดว่าร้ายคนอื่นได้แล้วนะ! การหมั้น ของครอบครัวแกไม่สำเร็จเกี่ยวอะไรกับครอบครัวฉัน พ่อ คุณอย่าฟังเธอนะ เธอกำลังใส่ร้ายฉัน วันนั้น

ครอบครัวฉันบังเอิญพักที่Rose&Mary Hostelพอดี”

ศศินัดดากล่าว “ท่านไวทยุต คุณได้ยินหรือยัง เธอยังพูดโกหกอีก ฐานะของครอบครัวเธอ จะมีปัญญาพักที่Rose&Mary Hostelได้ยังไง เธอตั้งใจจะไปRose&Mary

Hostelเพื่อพังงานของครอบครัวฉันโดยเฉพาะ” บจีกล่าว

ทุกคนก็คล้อยตาม ในสายตาพวกเขา ครอบครัว ศศินัดดาไม่มีทางที่จะพักที่Rose&Mary Hostelได้ แม้ แต่ไวทยุตจะไปพักที่Rose&Mary Hostelสักกี่วัน ก็ ยากมากเหลือเกิน

ศศินัดดาเห็นว่าไม่มีใครเชื่อเธอ เริ่มเครียดขึ้นมา

ทันที ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ไวทยุตมองไปที่ครอบครัวศศินัดดาอย่างบึ้งตึง แล้วกล่าว “พอล่ะ หยุดทะเลาะได้แล้ว ครอบครัวแกไป

จากที่นี่ก่อนละกัน ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกแก”

ศศินัดดาใจเต้นตึกตัก ถ้าไวทยุตลั่นวาจาออกมา แล้ว งั้นเกรงว่าเธอคงจะโดนไล่ออกจากตระกูลเขม

พงศ์จริงๆ

พ่อ คุณอย่าฟังพวกเขาพูดมั่วสิ เรื่องของครอบ ครัวบจีไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันจริงๆ นี่ฉันมาฉลองวัน เกิดให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ ครั้งนี้ฉันเอาของขวัญชิ้น ใหญ่มาให้โดยเฉพาะเลยนะ ของขวัญชิ้นนี้คุณต้อง ชอบแน่ๆ คุณอย่าไล่ฉันไปสิ” ศศินัดดากล่าว

ไวทยุตคิดช่วงหลายปีมานี้ของขวัญที่ศศินัดดาให้ มานั้นถ้าไม่ใช่นมหนึ่งลัง ก็เป็นไข่ไก่หนึ่งลัง ไม่มีอะไร พิเศษ ถึงแม้ครั้งนี้ศศินัดดาบอกว่าจะให้ของขวัญชิ้น ใหญ่ เขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นของพิเศษอะไร

บจีมองไปรอบๆ เธอก็รู้ว่าเมื่อก่อนศศินัดดาไม่เคยให้อะไรดีๆเลย ตอนนี้สามารถฉวยโอกาสนี้ ให้ศศิ นัดดาขายหน้าคนสักครั้ง

ไวทยุตกำลังจะพูดให้ศศินัดดาออกไป เขาไม่ อยากเห็นของขวัญที่ศศินัดดาเอามา

ทันใดนั้นบจีก็กล่าวขึ้นมา “ท่านไวทยุต ไม่งั้นดูว่า ของขวัญที่ศศินัดดาให้นั้นเป็นอะไร ถ้าครั้งนี้เธอให้ ของขวัญชิ้นพิเศษกับท่านจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะยกโทษ ให้ไม่ได้ ถ้าของขวัญของเธอทำให้ท่านไวทยุตพอใจ ครอบครัวฉันจะไม่เอาเรื่องเธออีก”

ทุกคนของตระกูลเขมพงศ์ก็อยากที่จะดูว่าของ ขวัญที่ศศินัดดาเอามานั้นเป็นอะไรกันแน่ ถ้าเหมือนกับ เมื่อก่อน พวกเขาก็ยังสามารถที่จะหัวเราะเยาะเย้ยศศิ นัดดาอย่างสะใจได้อีก

“ใช่ ให้พวกเราดูว่าเธอจะให้ของขวัญเป็นอะไร กล้าพูดว่าเป็นของชิ้นใหญ่ ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าของ ขวัญชิ้นใหญ่ที่ว่านั้นคืออะไร”

“น่าจะเป็นพวกนมหรือไข่อะไรประมาณนี้ แค่ครั้ง นี้เอามาเยอะหน่อย ก็เลยถือว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่”

ทุกคนหัวเราะเยาะขึ้นมา

ศศินัดดาเอารูป (ตกปลาใต้เขาเขาซี)) ขึ้นมาทันที เดินไปข้างหน้าของไวทยุต แล้วกล่าว “พ่อ ครั้งนี้ที่ฉัน เอามาให้คุณเป็นภาพวาดจริงของจิตรกรถางหูโปที่ มีชื่อเสียงเลยนะ (ตกปลาใต้เขาเขาซี) รูปนี้ประเมิณมูลค่าไม่ได้เลยนะ ได้ยินมาว่าสามารถขายได้เป็นร้อย ล้านเลยนะ”

ต่อมาเธอยังหยิบรูปนั้นชูขึ้นอย่างสะใจ ให้ทุกคน ได้ดู

หลังจากทุกคนที่อยู่ในสวนได้ดูรูปที่อยู่ในมือของ ศศินัดดาแล้วนั้น ก็ไม่ได้แสดงความตื่นตกใจแต่อย่าง ใด แต่กลับหัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา

ศศินัดดาแปลกใจ ไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นอะไรไป แล้ว รูปนี้ของตนราคาเป็นหลักร้อยล้านจริงๆ พวกเขา ต้องตกใจสิ แต่ทำไมหัวเราะขึ้นมาล่ะ?

“พวกแกหัวเราะอะไร รูปนี้ของฉันมูลค่าหลักร้อย ล้านจริงๆนะ นี่ฉันก็มีเอกสารรับรองด้วยนะ!” ศศินัดดา กล่าว

หลังจากที่ไวทยุตได้ยินแล้ว ก็ทุบโต๊ะทันที แล้วก ล่าวอย่างโมโห “รีบเอารูปนี้ของแกออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ต่อไปอย่าให้ฉันเจอแกอีก!”

ศศินัดดามองไวทยุตอย่างสงสัย แล้วกล่าว “พ่อ เป็นอะไรไป? ทำไมจู่ๆให้ฉันไสหัวไปล่ะ?”

บจียิ้มดูแคลน แล้วกล่าว “ศศินัดดา แกโง่จริงหรือ แค่แกล้งโง่ เอารูปของปลอมมาหลอกท่านไวทยุต แล้ว ยังกล้าพูดอีกว่าของขวัญตัวเองชิ้นใหญ่”

“รูปนี้ของฉันเป็นของแท้นะ แกกล้าดียังไงมาบอก ว่ารูปของฉันปลอม!” ศศินัดดากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
บจีชี้ไปที่คนนั้นที่ถือรูป (ตกปลาใต้เขาเขาซี) อยู่ แล้วกล่าว “ของแกจะเป็นของจริงได้ยังไง ถ้าของแก เป็นของจริง แล้วจะอธิบายรูปนั้นว่ายังไง?”

ศศินัดดาหันไปมองตรงนั้น พบว่าในมือคนนั้นก็ ถือ (ตกปลาใต้เขาเขาซี) ถ้าไม่ตั้งใจดูรูปทั้งสองล่ะก็ เหมือนกันจนแยกไม่ออก

“เป็นไปได้ยังไง! นี่จะมี (ตกปลาใต้เขาเขาซี) อีก รูปได้ไงกัน? รูปนั้นต้องเป็นของปลอมแน่ๆ” ศศินัดดา ตะโกนออกมา

สีหน้าของไวทยุตแย่ลงทันที เมื่อทุกคนในตระกูล เขมพงศ์ได้ยินแล้วก็เริ่มว่าศศินัดดาขึ้นมา

“แกพล่ามมั่วอะไรตรงนี้ รูปนั้นท่านไวทยุตซื้อมา เองกับมือ จะเป็นของปลอมไปได้ยังไงกัน”

“ไร้สาระจริงๆ สายตาของท่านไวทยุตไม่มีทางดู ผิดแน่นอน แกเอารูปปลอมมาหลอกลวง แล้วยังกล้า พูดว่าภาพของท่านไวทยุตปลอมอีก”

รอยยิ้มของบจียิ่งร้ายขึ้น หันไปมองไวทยุตแล้ว กล่าว “ท่านไวทยุต คุณก็เห็นแล้ว ศศินัดดานี้ไม่ยอม เปลี่ยน ฉันคิดว่าสิ่งที่เธอนำมานั้นจะเป็นของขวัญชิ้น ใหญ่อะไร ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพปลอมภาพหนึ่ง เท่านั้น วันนี้ถ้าท่านไวทยุตไม่ได้ซื้อภาพจริงกลับมา เอง ไม่แน่อาจจะโดนเธอหลอกก็ได้ คนแบบนี้ อยู่ใน ตระกูลเขมพงศ์ไม่ได้นะ”
ทุกคนคล้อยตาม

อารียและศักดามองไปที่ศศินัดดาอย่าง เคร่งเครียด พวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าไวทยุตจะซื้อ ภาพ (ตกปลาใต้เขาเขาซี) กลับมาเช่นเดียวกัน

รพีพงษ์นิ่งสงบ ราวกับไม่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า อย่างใดอย่างนั้น หรือจะพูดว่า สิ่งเหล่านี้สำหรับเขา แล้ว ก็ไม่ได้สำคัญอะไร

เพราะศศินัดดาก็ไม่ได้ทำดีอะไรกับเขา เขาไม่มี ความรู้สึกใดๆต่อตระกูลเขมพงศ์ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรที่ คอขาดบาดตาย ปัญหาแบบนี้ เขาก็ไม่สนใจ

แน่นอน ว่าเขาก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เมื่อกี้เขาได้โทรไป หาจิรายุศแล้ว เน้นย้ำให้เขาพาอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านวัตถุโบราณมาด้วย

ปรางทิพย์เห็นครอบครัวของศศินัดดาเจอปัญหา แบบนี้ ใบหน้าก็สะท้อนรอยยิ้มอันมีความสุขที่เห็นคน อื่นเป็นทุกข์ออกมา ในตอนนี้เธออดไม่ไหวที่จะเห็น ครอบครัวศศินัดดาอับอายขายขี้หน้า

“นี่. .เป็นไปได้ยังไง รูปของเธอเป็นรูปที่ตระกูล ลัดดาวัลย์ให้มา จะปลอมได้อย่างไรกัน แต่ทำไมพ่อ ฉันถึงได้ซื้อกลับมาอีกภาพล่ะ…” ศศินัดดามองไปที่ ภาพทั้งสองอย่างตกตะลึง

ไวทยุตชักตาไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าวอย่างเยือก เย็น “แกยังไม่ไสหัวไปอีก หรือจะให้ฉันเอาคนมาไล่พวกแกออกไป?”

“พ่อ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะ ภาพนี้ เป็น ภาพจริง” ศศินัดดากล่าวอย่างอ้อนวอน อารียาเห็นดังนี้ ก็รีบยืนด้านหน้า อ้อนวอนแทนศศิ นัดดา “คุณตา ภาพนี้ของแม่ฉันเป็นของจริง พวกเรามี

อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณของเกียวโต

ปรมัตถ์เซ็นรับรองว่าเป็นของจริง ไม่ได้หลอกคุณ

จริงๆ”

“ชิ ไอ้หนังสือรับรองนั้น ปลอมแปลงขึ้นมาก็ได้ แก คิดว่าท่านไวทยุตหลอกง่ายขนาดนั้นเลยหรอ สายตา ของผู้เฒ่าเขา เยี่ยมกว่าหนังสือรับรองว่าเป็นของจริง อีก” บจียิ้มอย่างเยาะเย้ย ไม่เพียงทำให้ศศินัดดาเสีย ชื่อเสียง ในเวลาเดียวกันก็ประจบสอพลอไวทยุต

เมื่อเห็นศศินัดดาไม่ขยับตัว บจีก็เดินเข้าไป โดยตรง แย่งเอาภาพ (ตกปลาใต้เขาเขาซี) มา แล้ว ถือเดินไปที่ประตู

“ของแบบนี้ ไม่ควรจะอยู่ที่นี่” พูดจบ เธอก็โยน ภาพนั้นออกไปนอกประตู LEGO

ดีที่ภาพนั้นมีการห่อด้วยวัสดุพิเศษเอาไว้แล้ว โยน นิดหน่อยก็ไม่พัง มิเช่นนั้นเกรงว่าบจีต้องรับภาระใน การชดใช้ของในราคาหลักร้อยล้านนั่น

“พวกแกยังไม่รีบไสหัวไปอีก มิเช่นนั้น ท่านไวทยุ ตจะต้องไล่พวกแกออกไป เหมือนที่ฉันโยนรูปนั้นทิ้ง!”บจีชักตาไปที่ครอบครัวของศศินัดดา

ศศินัดดากัดฟัน แล้วกล่าว “ได้ พ่อ คุณเป็นคนไล่ ฉันออกจากตระกูลเขมพงศ์เองนะ ถึงเวลานั้นอย่า เสียใจละกัน”

“รีบไสหัวไป พวกแกมันไม่เอาถ่านทั้งครอบครัว ฉันจะเสียใจได้ยังไง โดยเฉพาะไอ้รพีพงษ์นั่น ทำได้ เพียงแค่เอาโชคร้ายมาให้คนอื่นเท่านั้น ชีวิตนี้ฉันไม่ อยากเจอมันอีก!” ไวทยุตกล่าวอย่างเยือกเย็น

ศศินัดดาหันหลังกลับ มองไปที่อารียา แล้วกล่าว “ลูกสาว ในเมื่อพวกเขาไล่พวกเราออกจากตระกูลเขม พงศ์แล้ว งั้นต่อจากนี้ไป พวกเราก็จะไม่มีความสัมพันธ์ ใดๆกับพวกเขาอีก”

อารียาถอนหายใจ ไม่คิดมาก่อนว่าแม่ของเธอก็ เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกันกับเธอ ก็ต้องโดนคนบีบ ให้ออกจากตระกูล เพียงแค่เธอได้พบกับรพีพงษ์ ทุก ครั้งรพีพงษ์จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้เธอได้ ตลอด แต่ศักดาทำอะไรไม่ได้เลย ศศินัดดาถูกไล่ออก เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้

ทั้งครอบครัวยังไม่ทันออกไป ในขณะเดียวกันนี้ เองนอกประตูก็มีคนเดินเข้ามา มายังตรงหน้าของ ไวทยุตอย่างเร่งรีบ แล้วกล่าว “คุณท่าน ท่าน….ท่าน ยุดมา บอกว่าจะมาฉลองวันเกิดให้กับท่าน แล้วยังพา อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณของอำเภอหยก มาด้วย”
ไวทยุตรีบยืนขึ้นทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความ ยินดี ในใจคิดเขาเพิ่งจะไล่ครอบครัวศศินัดดาออกไป เรื่องดีๆก็เข้ามาแล้ว ดูๆแล้วตัดสินใจเรื่องนี้ได้อย่างถูก ต้องจริงๆ

ไวทยุตกล่าว

บจีมองไปที่ศศินัดดาอย่างเยาะเย้ย แล้วกล่าว “ตอนนี้รู้แล้วสินะว่าครอบครัวแกมันเป็นไอตัวเฮงซวย พอพวกแกออกไป ตระกูลเขมพงศ์ก็มีข่าวดี แม้แต่ พระเจ้าก็ไม่เข้าข้างพวกแก!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท