บทที่210 กราบคำนับให้เขาสองสามทีอย่างรวดเร็ว
คนรอบข้างคิดว่ารพีพงษ์และอารียาแต่งตัวเสื้อผ้า ธรรมดามาก คิดว่าพวกเขาไม่มีเงิน
แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหญิงสาวที่แต่งตัวดีเธอ ก็ ตกใจทันที คิดไม่ถึงเสื้อผ้าที่อารียาถืออยู่ในมือนั้นจะแพง ขนาดนี้
“เชอะ ใครจะไปรู้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของปลอมหรือของ
จริง ไม่แน่อาจซื้อของปลอมร้านข้างทางมาก็ได้ จะบอก
เธอให้นะ ฉันภูษิตาใส่เสื้อผ้าดีๆมานับไม่ถ้วน เสื้อผ้าของ
เธอไม่มีมูลค่านี่แน่นอน!”ภูษิตาพูดจายืนยัน อารียาก็กัดริมฝีปากทันที คิดไม่ถึงจะมีคนที่ไร้เหตุผล เช่นนี้อยู่ด้วย
“เราเพิ่งซื้อชุดนี้มาจากในห้างสรรพสินค้าเมื่อกี้นี้เอง ถ้า คุณไม่เชื่อคุณสามารถไปถามที่ห้างสรรพสินค้าได้ ฉัน ไม่มีความจำเป็นต้องโกหกคุณ คุณทำแบบนี้กับคุณพี่คนนี้ มันมากเกินไป” อารียาพูดอย่างโกรธ ๆ
“ฉันทำมากเกินไปแล้วเธอยุ่งอะไรด้วย? จะบอกเธอให้ รีบไสหัวออกไปให้พ้นๆเลยนะ ไม่อย่างงั้นจะด่าเธอด้วย ไม่ ดูให้มันดีๆก่อน เรื่องของฉันยังจะกล้ามายุ่งอีก”ภูษิตาพูด อย่างโกรธ
สีหน้าจองรพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันทีที่ เขาจ้อง มองไปที่ภูษิตา แล้วกล่าวอย่างเย็นชา : “ถ้าคุณยังไม่หยุดสร้างปัญหาอีก อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”
“โอ๊ยยยย แกกล้าไม่เกรงใจฉันด้วย? แกมันคือตัวห่าไร กล้ามาว่าฉันสร้างปัญหา เชื่อไหมฉันเตะแกตายทีเดียว!” ภูษิตากล่าว พร้อมกับเตะไปที่รพีพงษ์
เมื่อรพีพงษ์เห็นสิ่งนี้ ก็ตะคอก แล้วรีบยกเท้าขึ้น แล้วเตะ ตรงเข่าของภูษิตา ภูษตาก็รีบขยับถอยหลังทันที เธอเสีย การทรงตัว และนั่งลงข้างหลังในหลุมต้นไม้
ภูษิตาลุกขึ้นจากพื้น ใบหน้าของเต็มไปด้วยความโกรธ
ดวงตาทั้งคู่ของเธอจ้องมองไปที่รพีพงษ์ และพูดว่า: “แกรอ
ฉันอยู่ตรงนี้เลยนะ ฉันจะโทรหาสามีของฉัน และให้เขามา
จัดการแก!”
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจภูษิตา แต่กลับหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ ด้านหลัง แล้วถาม: “คุณพี่ ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงแล้ว พูด: “ฉันไม่เป็นอะไรคะ พวกคุณอย่ายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า ฉันไม่ อย่าทำให้พวกคุณเดีือดร้อน คนคนนี้ดูแล้วไม่ควรมีเรื่อง ด้วย พวกคุณรีบออกไปจากที่นี่เถอะค่ะ”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “ไม่ต้องกังวล ไม่มีปัญหาแน่ อยู่ เมืองริเวอร์ ยังมีใครที่ผมไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้ ใช่แล้ว คุณพี่ คุณชื่ออะไรครับ?”
“ฉัน…ฉันชื่อชนิสรา”ชนิสราไม่มีทางเลือดจึงเปิดปาก บอล วันนี้เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย
“พี่สา ไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องกังวล”อารียาพูดปลอบ
ชนิสราไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงพยักหน้า
ภูษิตาโทรหาสามีของหล่อน หลังจากนั้นก็จ้องมองรพี พงษ์อย่างเคียดแค้น แล้วพูด: “เดี๋ยวสามีของฉันก็มาถึง แก รอเลยนะ เมื่อเขามา แกตายแน่ กล้าเตะฉัน แกรอเลย นะ!”
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ทำเกินไป แล้ว คิดว่าถ้าหากเธอยังอยากจะสร้างปัญหาอีก ก็จะสั่ง สอนเธอ ให้เธอได้หลาบจำ
ในตอนนี้เอง มีคนมาตบไหล่รพีพงษ์ รพีพงษ์หันกลับไป มอง พบว่านั่นคือธฤตญาณนี่เอง
“นายมาทำอะไรที่นี่?”รพีพงษ์ถามด้วยรอยยิ้ม
“มีคนต้องการขอความช่วยเหลือจากฉัน และนัดฉันไป เจอที่ร้านอาหารตรงข้างหน้านี้ ฉันเห็นว่ามีคนรุมล้อมอยู่ แถวนี้ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จึงเดินมาดู คิดไม่ถึงว่าจะ ได้เจอนายที่”ธฤตญาณยิ้ม
รพีพงษ์มองไปที่ภูษิตา แล้วพูด: “เจอคนไร้เหตุผล อยาก พูดคุยกับหล่อนอย่างมีเหตุผล”
“แกว่าใครไม่มีเหตุผล ไอ้เชี้ย แกพูดใหม่อีกครั้งซิ ฉันฉีก ปากของแกแน่”ภูษิตาระเบิดทันที
ธฤตญาณหันไปมองหล่อน แล้วพูด: “คุณพี่ พอได้แล้ว นะ คุณไม่ควรมีเรื่องกับเขา ผมว่านะคุณรีบไปจะดีกว่า”
เมื่อภูษิตาได้ยินคำพูดของธฤตญาณ สีหน้าก็เต็มไปด้วย ความดูถูก แล้วพูด: “แล้วมันคือตัวอะไร ทำไมฉันถึงมีเรื่องด้วยไม่ได้? พวกแกรู้หรือเปล่าว่าสามีของฉันทำอะไร จะ บอกว่าพวกแกให้นะ ถ้าสามีฉันมาถึง พวกแกอย่าคิดหนี แม้แต่คนเดียว!”
“ไม่สนว่าสามีคุณจะเป็นใคร ถ้าหากคุณยังหาเรื่องเขา
ต่อไป พวกคุณเองที่จะเสียใจ”ธฤตญาณกล่าว
“แกบ้าไปแล้วหรือเปล่า? แกกับมันมาด้วยกันใช่ไหม ฉัน ว่าพวกแกสามคนสมองน่าจะมีปัญหา เรื่องที่ไม่ควรยุ่งก็ เสือกมายุ่ง ฉันก็ไม่ชอบคนแบบนี้แล้วจะทำไม แบบนี้ผิด กฎหมายด้วยเหรอ? จะบอกพวกแกให้นะ อยู่ที่เมืองริเวอร์ ก็มีแค่คนที่ชื่อธฤตญาณเท่านั้นที่สามีฉันกลัว นอกจากเขา แล้ว คนยากจนอย่างพวกแกสามคน ต่อให้เขาทำร้ายจน พิการก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย”ภูษิตมาตะโกน
ธฤตญาณและรพีพงษ์มองตากัน และทั้งคู่ก็ยิ้มอย่างขึ้ เล่น
“ถ้าพวกแกกลัวเขา ก็รีบขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลย ให้ผู้หญิง จนคนนั้นคุกเข่าลงมาแล้วเลียรองเท้าให้ฉัน ฉันก็จะไม่เอา เรื่องพวกแก ไม่อย่างนั้น พวกแกต้องรับผิดต่อผลที่ตาม มา!”ภูษิตากลอกตาแล้วพูด
“อย่างนั้นพวกเราก็รอสักพักดีกว่า”ธฤตญาณกล่าวด้วย รอยยิ้ม ไชยพศเดินไปที่หน้าห้างสรรพสินค้าอย่างรีบร้อน เดิมที่
เขาวางแผนจะไปหาธฤตญาณเพื่อขอความช่วยเหลือ และ เชิญธฤตญาณทานอาหารด้วย
แต่เมื่อกี้เขาได้รับสายจากภรรยาของตัวเอง บอกว่าตัว เองถูกคนทำร้าย ให้เขารีบไปหา เขาไม่มีทางเลือก คิดว่าธ ฤตญาณยังมาไม่ถึง ดังนั้นจึงรีบออกมาดู
ไกลออกไปไม่มากนัก เขาเคยเห็นกลุ่มคนรุมล้อม แล้ว
เขาเดินไปยังกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว และแวบเดียวเห็นก็
ภรรยาของตัวเอง
“ภรรยา คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”ไชยพศเดินเข้าไป แล้วถาม
เมื่อภูษิตาเห็นสามีของตัวเองมา ก็เริ่มร้องไห้ทันที ความ เย่อหยิ่งที่เป็นอยู่เมื่อกี้หายไปหมด
“สามี คุณมาสักที ถ้าคุณยังไม่มาอีก ฉันก็คงถูกพวกเขา ทำร้ายจนตายแน่ คุณต้องจัดการสั่งสอนพวกเขาทั้งหลาย พวกเขาทั้งหลายก็แค่คนยากจน ยังกล้ามาท้าทายฉัน มัน น่าโมโหจริงๆ “ภูษิตาคร่ำครวญ
ผู้คนรอบข้างต่างประหลาดใจ เพราะคิดว่าฝีมือการ แสดงของภูษิตานั่นสามารถนำไปแสดงได้เลย และใบหน้า ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าท้องฟ้า
ไชยพศมองไปที่ภูษิตาท่าทางก็ไม่เหมือนคนที่ถูก ทำร้าย ก็รู้ทันทีว่าเธอแสร้งทำเป็นน่าสงสาร เพื่อให้เขาแก้ แค้นให้
เขารู้ดีว่านิสัยภรรยาตัวเองนั้นเป็นเช่นไร
เขามองไปที่รพีพงษ์และคนอื่นๆอย่างไม่เต็มใจ และเมื่อสายตาของเขาตกอยู่ที่ธฤตญาณ ร่างกายของก็แข็งที่อ
“ธฤตญาณมองเขาอย่างข่าๆ แล้วพูด: “ไชยพศ ภรรยา ของคุณดูแลได้ไม่ค่อยดีเลยนะ” ไชยพศก็รีบเดินไปหาธฤตญาณ สีหน้าเต็มไปด้วยความ
เคารพ: “พี่ธฤต ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ล่ะครับ เรานัดเจอกันที่
ร้านอาหารไม่ใช่เหรอครับ?”
ธฤตญาณตะคอกอย่างเย็นชา ว่า: “ภรรยาแกหาเรื่อง น้องชายฉัน แกว่าฉันยังมีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวอยู่เห รอ?”
สีหน้าของไชยพศเปลี่ยนไปทันที เขาคิดไม่ถึงว่า ภรรยาตัวเองมีเรื่องกับน้องชายของธฤตญาณ และเขาก็มี เรื่องจะขอความช่วยเหลือธฤตญาณ ดังนั้น ถ้าธฤตญาณ ไม่ช่วยเขา เขาก็จะเดือดร้อนแน่
“พี่ธฤต น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ผมจะจัดการเมียบ้า ของผมเป็นอย่างดี ขอพี่ธฤตอย่าได้ถือสาเลยครับ”ไชยพ ศร้องขอด้วยความเมตตา
ภูษิตตาเห็นว่าไชยพศไม่ช่วยเธอจัดการคนพวกนี้ แต่ กลับพูดจาสุภาพเกรงอกเกรงใจธฤตญาณ ก็ไม่พอใจ ทันที: “สามีคุณทำอะไรของคุณ คุณรีบช่วยฉันสั่งสอน พวกเขาสิคะ โดยเฉพาะผู้ชายที่เพิ่งเข้ามาทีหลังคนนี้ ยัง มาพูดจาเหลวไหล บอกว่าฉันไม่ควรมีเรื่องกับพวกเขา บ้า ไปแล้ว คนโง่อย่างเขา ทำไมฉันจะมีเรื่องด้วยไม่ได้”
เมื่อไชยพศได้ยินคำพูดของภูษิตา ก็ตบหน้าเธอไปหนึ่งครั้ง แล้วด่า: “คุณนี่มันตาบอดจริงๆ พี่ธฤตบอกว่าคุณไม่ ควรมีเรื่องด้วย ก็คือคุณไม่ควรมีเรื่อง เธอมาตอแหลอะไร ตรงนี้?
ภูษิตาจับหน้าของตัวเอง มองไปที่ไชยพศอย่างอึ้งๆ แล้ว
พูด: “คุณกล้าตบฉันเหรอ คุณบ้าไปแล้วเหรอ!”
“ผมบ้าหรือคุณบ้ากันแน่? คุณมีเรื่องกับใครไม่มี!”ไชยพ ศตะโกน
ภูษิตามองไปที่ธฤตญาณพวกเขา แล้วพูด: “มันก็แค่เป็น ไอ้พวกคนจนไม่กี่คนเอง ยังเป็นใครได้?”
“ท่านนี้ก็คือธฤตญาณ ที่วันนี้ฉันจะมาขอความช่วยเหลือ ที่สำคัญตำแหน่งของเขาที่อยู่ในเมืองริเวอร์ คุณมีเรื่องกับ เขา ยังคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีอยู่เหรอ?”ไชยพศถอนหายใจ
ภูษิตาเบิกตากว้างทันที และอุทานทันที: “คุณว่าอะไรนะ เขาก็คือธฤตญาณเหรอ?”
“ไม่อย่างงั้นคุณคิดว่าเขาเป็นใคร วันนี้เธอก่อเรื่องให้ ฉันใหญ่หลวงมาก!”ไชยพศกล่าว
ผู้คนที่รุมล้อมสีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ พวกเขาคิด ไม่ถึงเลยว่าคนธรรมดาๆคนนี้คือธฤตญาณ
“ที่แท้เขาก็คือธฤตญาณนี่เอง ไม่แปลกเลยที่เขาดู
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เขาเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองริเวอร์ ก็ไม่กลัวผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนี้อย่างแน่นอน
“พูดแบบนี้ วันนี้ก็มีคนที่จัดการกับผู้หญิงบ้าคนนี้ได้ ตอน นั้นที่ดูอยู่ฉันก็โมโหมาก น่าเสียดายที่เราไม่กล้ายุ่ง”
“สามี คุณกำลังโกหกฉันอยู่หรือเปล่า คนคนนี้ดูไปแล้ว ธรรมดามาก ดูไปแล้วก็เหมือนคนยากจน จะเป็นคนใหญ่ โตอย่างธฤตญาณไปได้ยังไง คุณน่าจะจำคนผิดแล้ว ล่ะ”ภูษิตากล่าว
ไชยพศโมโหจนจะระเบิดออกมา แล้วตบหน้าภูษิตาไป อีกครั้ง และด่า: ” คุณนี่แมร่งสมองบ้าไปแล้วจริงๆ ทำไม ฉันถึงได้แต่งงานกับคนหน้าโง่แบบนี้เนี่ย ถ้าไม่ใช่ธฤต ญาณ อย่างนั้นคือคุณเหรอ? ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ของคุณ คุณจัดการเองแล้วกัน!”
ภูษิตาถึงค่อยรู้ตัวว่า ตัวเองคงจะมีเรื่องกับธฤตญาณคน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองริเวอร์จริงๆแล้ว
สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ หันไปมองธฤตญาณ แล้วพูด: “พี่ธฤต ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคือ พี่ ขอร้องล่ะพี่ปล่อยฉันไปเถอะ”
“คุณขอโทษฉันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คนที่คุณมีเรื่องด้วย ไม่ใช่ฉัน”ธฤตญาณกล่าว
ภูษิตาหันหน้าไปมองชนิสรา จากนั้นก็กัดฟัน เดินไปตรง หน้าหล่อน แล้วพูด: “ฉันผิดไปแล้ว ฉันขอโทษเธอด้วย ฉัน ขอโทษเธอแล้ว เธอยกโทษให้ฉันได้หรือเปล่า”
ไชยพศเดินตามไปที่ด้านหลังภูษิตา แล้วเตะลงไปที่ขา ของหล่อน ภูษิตาก็คุกเข่าลงตรงหน้าชนิสรา
“จะขอโทษก็ขอโทษดีๆ ถ้าไม่แสดงความจริงใจออกมา เขาจะยกโทษคุณได้ยังไง รีบกราบคำนับให้เขาเลย ไม่แน่ ถ้าเขาดีใจ ก็ยกโทษให้คุณ”ไชยพศกล่าวอย่างโกรธ เกรี้ยว