พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่203

บทที่203

บทที่203 หยกจักรพรรดิ

เนื่องจากทุกคนรู้สึกว่าหินก้อนหมายเลขสามสิบ หกไม่มีมูลค่าอะไร ดังนั้นหลังจากที่รพีพงษ์ตะโกน ราคาออกไป จึงไม่มีใครที่เสนอราคาตาม

เดิมทีทิวัตถ์อยากยกป้ายราคาขึ้นให้กับรพีพงษ์ แต่เขากลัวว่ารพีพงษ์จะตั้งใจลวงเขา เกิดหลังจากที่ เขายกราคาแล้ว แล้วรพีพงษ์ไม่ยกตาม เขาก็จะสูญ เสียมาก ดังนั้นเลยไม่พูดอะไร

ดังนั้นหลังจากที่รพีพงษ์ให้จิรายุศเสนอราคาหนึ่ง ล้านประมูลหินก้อนนี้ลงมา

ในใจรพีพงษ์ก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดหินก้อน

นี้ถ้าผ่าออกมามีเนื้อน้ำดีขึ้นมา พวกเขาก็ทำเงินได้

มากมาย

หลังจากนั้นไม่นาน การประมูลก้อนหินทั้งหมด ครั้งแรกก็ประมูลออกไปแล้ว การสำรวจหินหยาบครั้ง ที่สองก็เริ่มขึ้น

การผ่าหินจะเกิดขึ้นหลังจากการประมูลหินหยาบ ทั้งหมดเสร็จแล้ว ดังนั้นรพีพงษ์และจิรายุศจึงไปดูหิน อีกสองสามก้อน

หลังจากการประมูลครั้งที่สองจบลง ก็ถึงเวลาผ่า หิน ผู้คนต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา

ท้ายที่สุดแล้วเวลาที่จะได้เห็นว่าจะเกิดหรือตาย ก็มีแต่ตอนผ่านี่แหละ ทุกคนถึงจะรู้ว่าหินก้อนนี้มีมูลค่า หรือไม่มี ก่อนที่จะผ่า ทุกอย่างก็ยังไม่เป็นที่ประจักษ์

ทุกคนต่างรุมล้อมพื้นที่การผ่าหิน มองไปที่ พนักงานที่ผ่าหินอย่างคาดหวัง

แน่นอนว่า ก็มีคนเลือกที่จะไม่ผ่าหิน แต่กลับเอา หินกลับไป ถึงมือแล้วก็ขายเลยทันทีก็มี บางครั้งไม่ ผ่าอาจขายได้เงินบ้าง แต่ถ้าผ่าออกมา ก็น่าจะผ่า ออกได้ไม่กี่แสน

จิรายุศและทิวัตถ์ต้องการที่จะสร้างชื่อเสียงจาก การประมูล หลังจากที่ผ่าหยกออกมา ก็ง่ายต่อการ ขายออกไป

“เถ้าแก่จิรายุศ คุณมีโอกาสที่จะขัดขว้างไม่ให้ผม มาที่อำเภอหยกเพื่อขอส่วนแบ่งปันจากคุณได้ แต่น่า เสียดายที่ตัวคุณเองปล่อยผ่านไป ผมเองคงก็ต้อง ขอบคุณเถ้าแก่จิรายุศนะ”ทิวัตถ์ยืนอยู่ข้างๆจิรายุศ พูดด้วยรอยยิ้ม

จิรายุศเหลือบไปมองเขา แล้วพูด: “หินก็ยังไม่ได้ ผ่า ผมว่าคุณรอหลังจากผ่าเสร็จแล้วค่อยพูดจาแบบนี้ ดีกว่า” LEGO

“ทำไมละครับ หรือคุณคิดว่าไปเป็นไปได้มั้ยที่หิน หมายเลขหนึ่งของผมจะผ่าเนื้อน้ำดีออกมาไม่ได้ จะ บอกคุณให้ หินก้อนนี้ท่านอาจารย์จารุพิชญ์มั่นใจร้อย เปอร์เซ็นต์ว่าผ่าออกมาเนื้อน้ำดีแน่นอน ถึงเวลาหิน ก้อนนี้ถึงมือผม ผลกำไรสามารถเพิ่มเป็นสองเท่า หินแค่ไม่กี่ก้อนวันนี้ที่คุณซื้อ ก็คงจะเทียบกับผมไม่ได้”ทิวั ตถ์พูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยมั่นใจ

“มันก็ไม่แน่”รพีพงษ์ที่อยู่อีกด้านพูดขึ้น

ทิวัตถ์หัวเราะเยาะเย้ยทันที แล้วพูด: “ทำไมถึงไม่ แน่ละ? พวกคุณจะเอาอะไรมาแข่งกับผม หรือจะเอา หินหมายเลขสามสิบหกของพวกคุณมาเหรอ? ถ้าหาก คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องหัวเราะ เยาะคุณจริงๆ”

รพีพงษ์ยิ้มโดยไม่พูดอะไร แล้วไม่สนใจเขา

จารุพิชญ์และจารุกิตติ์ตี้เห็นรพีพงษ์เป็นเช่นนี้ ก็ รู้สึกว่าเขาตั้งใจตบตาอวดความสามารถ แล้วต้องการ

รักษาหน้าตัวเอง

“อย่ามองว่าตอนนี้เขากำลังสงบจิตสงบใจ แต่ เดี๋ยวพวกเราผ่าหินออกมา เขาก็จะรู้ว่าตัวเองน่าตลก แค่ไหน” จารุกิตติ์ตะคอกอย่างเย็นชา จารุพิชญ์มองไปที่รพีพงษ์อย่างมีชัย แล้วพูด: “รพี

พงษ์ รอบนี้ฉันจะล้างความอัปยศที่แกสร้างไว้ให้ฉัน

กลับไป แกรอดูความพ่ายแพ้ได้เลย”

อันดับหนึ่งก็กลายเป็นหินหมายเลขหนึ่งของทิว ตถ์ไปโดยปริยาย

สีหน้าของทิวัตถ์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น นี่เป็น

จากนั้นไม่นาน พนักงานก็เคลื่อนย้ายหินที่ต้องผ่า ที่ละก้อนที่ละก้อนครั้งแรกที่เขาผ่าหิน ถ้าเกิดหินก้อนนี้สามารถฝาเนื้อ น้ำดีออกมาละก็ เขาก็จะเป็นคนที่มีชื่อเสียง และใน อนาคตเขาก็จะมีพื้นที่ในอำเภอหยก

“เถ้าแก่จิรายุศ ฉันจะทำให้คุณเข้าใจเองว่าอะไร คือก้าวแรกก้าวผิดก้าวต่อๆไปก็ผิด”ทิวัตถ์ก็แสยะยิ้ม แล้วมองไปที่จิรายุศ

จิรายุศเบะปาก แล้วไม่สนใจคำพูดของเขา เขา เชื่อใจรพีพงษ์ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังมา ก่อน

จากนั้นไม่นาน พนักงานก็นำหินหมายเลขหนึ่งใส่ ในเครื่องผ่าหิน แล้วผ่าใบมีดลงบนหิน หินหมายเลข หนึ่งก็ถูกผ่าออกหนึ่งด้าน

ผู้คนก็กลั้นหายใจและตั้งสติใหม่ ทุกคนไม่กล้าส่ง

เสียงแม้แต่นิดเดียว กลัวว่าตัวเองจะส่งผลกระทบต่อ พนักงานที่ผ่าหิน

หลังจากนั้น หินหมายเลขหนึ่งก็ถูกผ่าออกด้าน หนึ่งตรงหน้าให้ผู้คนได้เห็น

เดิมทีทิวัตถ์ตั้งใจส่งเสียงตัวเองเชียร์เพื่อแสดง ความตื่นเต้น แต่เมื่อเขาชิ้นส่วนที่ว่างเปล่าในด้านที่ผ่า ออกมา ความตื่นเต้นของเขาก็หายไปทันที

ด้านหน้าทั้งหมดมีเพียงตำแหน่งขอบ ที่มีสีเขียว เล็กน้อย และส่วนที่เหลือเป็นหินสีน้ำตาลปนเหลือง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ตกตะลึง ไม่มีใครคิดว่าหินที่หวังไว้ว่าจะผ่าออกมามีเนื้อน้ำดี แต่ข้างในกลับ กลายเป็นเช่นนี้

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของจารุพิชญ์และจารุกิตติ์ก็แข็ง ที่อไปในพริบตาเลย ทั้งคู่ก็ไม่อยากจะเชื่อ มองไปที่ หินก้อนนั้น จารุพิชญ์ถึงกับอยากรีบไปตรวจสอบดูว่า ใช่พนักงานหยิบหินมาผิดหรือเปล่า

“เป็นไปได้!”จารุพิชญ์อุทาน “ทำไมหินก้อนนี้ถึง เป็นเช่นนี้ มันน่าจะผ่าเนื้อน้ำดีออกมาถึงจะถูก แต่ ทำไมถึงไม่มีอะไรเลย”

“ท่าน….อาจารย์ท่าน หรือว่าจะดูพลาดไป?”น้ำ เสียงของจารุกิตติ์สั่นสะท้าน เมื่อจิรายุศเห็นฉากนี้ ก็หัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดังขึ้นมา

เวลาเดี๋ยวกันก็มองไปที่รพีพงษ์อย่างชื่นชม

“พี่รพี พี่ก็สุดยอดมาก หินก้อนนี้ไม่สามารถผ่า ของดีอะไรออกมาจริงๆด้วย ถ้าเกิดผมไม่เชื่อพี่ ไม่แน่ หินก้อนนี้อาจตกมาอยู่ในมือผมก็ได้ “จิรายุศพูดอย่าง ตื่นเต้น

รพีพงษ์เพียงแค่ยิ้ม และไม่ได้พูดอะไร สำหรับเขา แล้วก็แค่ฝีมือขั้นพื้นฐานเท่านั้นเอง ผู้คนที่ล้อมอยู่รอบๆมองไปที่รพีพงษ์อย่างไม่เชื่อ

ในตอนนั้นพวกเขาหยอกล้อที่ไม่รู้วิธี ตอนนี้ดูแล้ว รพี

พงษ์ต่างหากที่เป็นมือชำนาญด้านการพนันหิน

“สุดยอดจริงๆ อย่างนี้ก็สามารถมองออก ดวงตาของเขามองได้ลึกขนาดนี้เลยเหรอ”

“สิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงตาเท่านั้น ยังต้องอาศัย ความรู้และประสบการณ์ ยิ่งสำหรับคนหนุ่มๆอย่างเขา ถือว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความกล้าหาญ ยิ่งหินที่มี

ความหวังขนาดนี้บอกไม่ประมูลก็คือไม่ประมูล เป็น เรื่องที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้จริงๆ” “จุจุ ร้อยแปดล้าน ก็ซื้อหินธรรมดาไปหนึ่งก้อน

คิดแล้วก็เจ็บใจ”

ใบหน้าของทิวัตถ์ซีดลง เมื่อฟังคนพวกนี้แสดง ความคิด อยากเอาหินก้อนนั้นทุบบนหัวตัวเองจริงๆ

เขาหันหน้าไปมองที่จารุพิชญ์ ตอนนี้เขารู้สึกว่าสิ่ง ที่เรียกท่านอาจารย์จารุพิชญ์นั้นไม่น่าเชื่อถือ และครั้ง หน้าเขาไม่หาจารุพิชญ์มาอีกแน่

จารุพิชญ์หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย หินก้อนนั้น พิสูจน์แล้วว่า เขาไม่ได้เก่งกว่ารพีพงษ์

“เถ้าแก่ทิวัตถ์ ร้อยแปดสิบล้าน ลงทุนเสียเปล่าไม่ ได้อะไรคืนมาเลย น่าเจ็บใจจริงๆ แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ยัง ไงมันก็เป็นการพนันหินครั้งแรกของคุณ เสียค่าเล่า เรียนก็ปกตินะ เพียงแต่ว่าค่าเล่าเรียนแพงไปหน่อย” จิ รายยิ้มกริ่ม

ทิวัตถ์เหลือบเขาอย่างเคียดแค้น แล้วพูดว่า: “นีมันก็เป็นเพียงแค่ก้อนแรกเอง ผมประมูลไปหลายก้อน ยังไงก็สามารถผ่าเนื้อน้ำดีออกมา แต่คุณไม่เหมือนกัน คุณเสียเงินหนึ่งล้านประมูลหินหมายเลขสามสิบหก มายังไงก็ตัดเนื้อน้ำดีออกมาไม่ได้”

“ใช่แล้ว รพีพงษ์ อย่าคิดว่านายจะเก่งกว่าอาจารย์ ของฉัน นายยังเสียเงินหนึ่งล้านเพื่อซื้อก้อนหินห่วย แตกเลย นี่ก็พิสูจน์ได้ว่านายไม่เข้าใจเรื่องพนันหิน”จา รุกิตติ้มองไปที่รพีพงษ์อย่างโมโห

เมื่อจารุพิชญ์ได้ยินคำพูดของจารุกิตติ์ ในใจก็ รู้สึกดีขึ้น

“หินหมายเลขสามสิบหกยังไงก็ผ่าของดีออกมา ไม่ได้ รพีพงษ์ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ฉันก็ไม่มีความ จำเป็นต้องเกรงใจ”จารุพิชญ์พึมพำกับตัวเอง

ใบหน้าของรพีพงษ์เต็มไปด้วยรอยยิ้มขำ คิดใน ใจเดี๋ยวถ้าหินหมายเลขสามสิบหกออกมา พวกคุณก็ คงยิ่งหมดหวัง

พนักงานก็ผ่าหินต่อไปจากการผ่าหินบางส่วนที่ ทิวัตถ์ประมูลมาได้ก็ยังมีไม่กี่ก้อนที่มีเนื้อน้ำที่ดีพอ สมควร ซึ่งนั้นก็ช่วยบรรเทาความโศกเศร้าและความ โกรธของเขาได้บ้าง

แต่ก้อนหินทั้งหมดที่รพีพงษ์ให้จิรายุศประมูลลง มานั้นเป็นเนื้อน้ำดีหมด ทั้งสอนฝั่งเทียบกันแล้วก็ถือได้ ว่าเท่ากัน
แน่นอนว่า ถ้านับรวมกับร้อยแปดสิบล้านที่ทิวัตถ์ เสียไป ก็ยังถือว่าจิรายุศทำกำไรได้มากกว่า

หลังจากนั้นไม่นาน หินทั้งหมดที่ทิวัตถ์ประมูลมา ได้ ผ่าออกมาเป็นเนื้อแก้วใส ทำให้ทิวัตถ์ตื่นเต้นมาก เพราะหินก้อนนี้เพียงพอเมื่อเทียบกับหินทั้งหมดจิรา ยุท

ความหดหูของเขาที่เสียเงินไปร้อยแปดล้านก็ถูก ทำลายหายไป และก็มองไปที่จิรายุศอีกครั้งอย่างมีชัย

“กูเสียเงินไปร้อยแปดล้านไปแล้วยังไงละ หินก้อน นี้ก็ทำให้ผมได้กำไรกลับมา คุณเหลือหินหมายเลข สามสิบหกแค่ก้อนเดียว ไม่ว่ายังไง วันนี้คุณก็ไม่ สามารถสู้ผมได้!”ทิวัตถ์ยิ้มแล้วพูด

จิรายุศกัดฟันแน่น หน้าเต็มไปด้วยความโกรธ

“คุณอย่าเพิ่งดีใจไปหน่อยเลย เดี๋ยวหินก้อนนี้ของผม เปิดออกมามีเนื้อน้ำดีกว่าเนื้อแก้วใส่ซะอีก คนกลุ่มหนึ่งก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่า รู้สึกว่าหินหมายเลขสามสิบหกไม่สามารถเปิดเนื้อน้ำดี

อะไรออกมาได้ อย่าว่าแต่จะมีเนื้อน้ำดีกว่าเนื้อแก้วใส

เลย

“จิรายุศ คุณอย่าฝันละเมอที่นี่ ก้อนหินหมายเลข สามสิบหกของคุณก็เป็นแค่เนื้อน้ำเสีย นอกจากมี ปาฏิหาริย์ คุณก็อย่าไปหวังพึ่งมัน”ทิวัตถ์กล่าวด้วย ความรังเกียจ
เมื่อจารุพิชญ์เห็นว่าออกมาเป็นเนื้อแก้วใส อารมณ์ก็ดีขึ้นมาก รอบนี้เขาก็ไม่ได้ขายหน้า ดูท่าแล้ว ครั้งนี้รพีพงษ์ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้

“อาจารย์ ก็ยังเป็นท่านที่สุดยอด ผู้ชายอย่างรพี พงษ์ไม่มีสมบัติอะไรมาเทียบท่านได้ เห็นก้อนเนื้อเสีย เป็นสมบัติ น่าขำจะตาย”จารุกิตติ์พูดอย่าเยาะเย้ย

“อย่าพูดแบบนั้น รพีพงษ์ด้านประเมินวัตถุโบราณ ก็สุดยอดเหมือนกัน เพียงแต่เขายังเด็กเกินไป ที่จะ เก่งกว่าฉันในทุกด้าน ครั้งนี้ก็ถือว่าได้รักษาหน้าหน้า ได้”จารุพิชญ์พูดอย่าเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ใบหน้าเต็ม ไปด้วยชัยชนะ

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจกับความคิดของผู้คนรอบข้าง แต่กลับให้คนส่งหินหมายเลขสามสิบหกไป

“พี่รพี หินก้อนนี้สามารถผ่านออกมาเป็นเนื้อน้ำดี จริงเหรอ?” จิรายุศถามด้วยความร้อนรน

“ผ่าออกมาเดียวก็รู้”รพีพงษ์ตอบ

พนักงานใส่หินหมายเลขสามสิบหกไปที่ เครื่องจักร ทุกคนก็กลั้นหายใจอีกครั้ง รอบนี้พวกเขา ไม่ได้อยากดูว่าผ่าออกมาจะมีเนื้อน้ำดีแค่ไหน แต่แค่ อยากดูว่าหินก้อนนี้แย่แค่ไหน

เมื่อใบมีดผ่าลงมา เผยให้เห็นพื้นผิวของหิน หมายเลขสามสิบหก และสัมผัสเห็นสีเขียวมรกตเป็นที่ ดึงดูดสายตาของผู้คน เมื่อตอนที่เห็นสีนี้ ทุกคนก็ตกใจ

จารุพิชญ์ก็กระโดดขึ้นมา และร้องอุทาน

“หยกจักรพรรดิ! เป็นไปได้อย่างไร!!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท