พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 209 เป็นทางเลือกที่ดี

บทที่ 209 เป็นทางเลือกที่ดี

บทที่ 209 เป็นทางเลือกที่ดี

“อะไรนะ! หนึ่งหยวน คุณคิดว่าเราโง่เหรอ หนึ่งหยวนก็ จะให้เราขายบริษัท!”ญาติของตระกูลฉัตรมงคลสีหน้าเต็ม ไปด้วยความไม่พอใจทันที เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมขายบริษัท ให้ในราคาหนึ่งหยวน

“ประธานเธียรวิชญ์อย่ามาล้อเล่นกับพวกเราดีกว่า มี อย่างที่ไหนขายบริษัทหนึ่งหยวน”ธายุกรคิดว่าเธียรวิชญ์ กำลังล้อเขาเล่นอยู่

เธียรวิชญ์ยิ้ม แล้วพูด: “ผมไม่ได้ล้อเล่นกับพวกคุณ หนึ่ง หยวนถือว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดที่เพื่อนผมจะซื้อแล้วนะ ถ้า หากพวกคุณไม่ยอม อย่างนั้นผมก็ต้องฟ้องพวกคุณแล้ว”

“จะรอติดคุกได้ หรือจะขายบริษัทให้กับเพื่อนผม พวก คุณไปพิจารณากันเอาเองละกัน ถ้าหากว่าพวกคุณขาย บริษัท อันที่จริงก็เหมือนกับว่าผมเสียเงินห้าสิบล้านซื้อ บริษัทพวกคุณ บริษัทพวกคุณก็มีมูลค่าแค่นี้ พวกคุณก็ไม่ เสียเปรียบ”

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของเธียรวิชญ์ พวกเขาก็นิ่งเงียบ สิ่งที่เขาพูดมามันก็ไม่ผิด เงินหนึ่งหยวนเป็นเพียงแค่ สัญลักษณ์เท่านั้นเอง คนในตระกูลฉัตรมงคลโกงเงินไป แล้วห้าสิบล้านจากโครงการ ซึ่งเทียบเท่ากับที่พวกเขา ขายบริษัทไปแล้ว

“เขาไม่ยอมขายบริษัทออกไปในราคาหนึ่งหยวน ถึงยัง ไง คุณก็ต้องจ่ายให้หน่อยนะ”
“ใช่แล้ว บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปของพวกคุณมีเงิน มากมายขนาดนั้น ให้พวกเราจะเป็นไร”

“ใช่ แม้ว่าเราจะโกงเงิน แต่มันก็เป็นเงินที่เราสามารถ โกงมาเองได้ ตอนนี้พวกคุณอยากจะซื้อบริษัทของเรายัง ไงก็ต้องให้เงิน”

เมื่อธายุกรได้ยินคำพูดของญาติตัวเอง เขาก็ทำอะไรไม่ ถูก คิดว่าคนพวกนี้ไร้ยางอายจริงๆ มาถึงขนาดนี้แล้ว ยัง คงคิดเรื่องเงินบางส่วนจากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป

“พวกคุณก็อย่าคิดที่จะขอเงินเพิ่มอีก ถ้าพวกเขาไม่ให้ เงิน พวกคุณยังอยากติดคุกอยู่เหรอ พวกเราไม่มีสิทธิ์พอที่ ต่อรองกับคนอื่น” ธายุกรกล่าว

“ทำไมถึงไม่มีสิทธิ์ไปต่อรอง ครอบครัวเราได้เงินจาก บริษัทเพียงแค่สามแสนเอง เมื่อเทียบกับห้าสิบล้านแล้ว ก็ เทียบไม่ได้เลย ดังนั้นเงินห้าสิบล้านนั้นยังไม่ได้ใช้ ฉันขอ เงินเพิ่มอีกหน่อยแล้วจะทำไม? ”

“พูดถูก ครอบครัวเราก็ได้มาแค่สองแสนกว่า…

“ครอบครัวฉันก็..”

ผู้คนก็เริ่มแข่งกันเทียบใครได้เงินน้อยกว่าใคร

“ไม่สนว่าพวกคุณจะได้เงินไปแล้วเท่าไหร่ ถ้ารวมกันแล้ว ก็เท่ากับห้าสิบล้านอย่ามาสร้างปัญหาที่นี่”ธายุกรพูดพร้อม ขมวดคิ้ว
“ธายุกร คุณพูดอะไรนะ ห้าสิบล้านคุณเอาไปแล้ว สามสิบล้าน ตัวคุณเองก็ใช้ไปมากขนาดนั้น ตอนนี้มาพูด แบบนี้ ผมไม่ยอมกับการขายบริษัทในราคาหนึ่งหยวน ยัง ไงก็ต้องให้เงิน”

“ผมก็ไม่ยอม!”คนกลุ่มหนึ่งตะโกนพร้อมเพรียงกัน

จู่ๆธายุกรก็ปวดหัว เมื่อตอนที่ปกติคนพวกนี้เมื่อประจบ เขาพูดอะไรไปก็เชื่อฟังอย่างกับเป็นหลานชาย ตอนนี้เกิด ปัญหา กลับต่อต้านเขาแล้วไม่ยอมรับ

“ถ้าพวกคุณไม่ยอม อย่างนั้นพวกคุณก็รอการฟ้องร้อง จากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปได้เลย ถึงตอนนั้นถ้าเกิดติดคุก พวกเราก็ติดไปด้วยกันทั้งหมดเนี่ยแหละ!”ธายุกรตะโกน ขึ้น เขาก็ทนญาติพี่น้องพวกนี้ไม่ไหวแล้ว คิดว่าถ้าอย่างนั้น ก็ติดคุกไปเลยดีกว่า

แต่ว่าหลังจากที่เขาพูดออกไป เพราะเงินที่เขาเอาไปมาก ที่สุด ถ้าหากถูกตัดสินจำคุกจริงๆ ชาตินี้ทั้งชาติเขาก็ออก มาไม่ได้

แต่เมื่อหลังจากที่ญาติพี่น้องของธายุกรได้ฟังเช่นนี้ ก็ไม่

กล้าพูดจาเหลวไหล แม้ว่าพวกเขาจะเอาเงินมาน้อย แต่ถึง

จะน้อย พวกเขาก็ไม่อยากติดคุก

“ผมว่าทางที่ดีพวกคุณไปตกลงกันให้ดี ผมก็ไม่มีเวลา มากนักที่จะมานั่งเสียเวลากับพวกคุณ ผมให้เวลาพวกคุณ เพียงห้านาที หลังจากห้านาทีแล้ว ถ้าพวกคุณยังตกลงกัน ไม่ได้ ผมก็จะไม่พิจารณาที่จะซื้อกิจการของบริษัท”เธียร
วิชญ์กล่าว
ธายุกรหันไปมองทุกคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็น: “พวกคุณมีใครอยากติดคุกมั้ย? ”

ห้างสรรพสินค้า รพีพงษ์และอารียาทั้งคู่กำลังเดินซื้อ ของในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม

“รพีพงษ์ เสื้อผ้าที่นี่แพงเกินไปจริงๆ แค่กางเกงตัวเดียวก็ หลายหมื่นแล้ว เราไปร้านที่ถูกกว่านี้ดีกว่า”อารียาไปที่ เสื้อผ้าในร้าน และพูด

“เธอกำลังจะเป็นประธานแล้วนะ ไม่มีเสื้อผ้าที่เหมาะสม เลยสักชุดได้ยังไง รีบเลือกเลย ดูซิว่าชอบตัวไหน”รพี พงษ์กล่าวด้วยรอย

“อย่าพูดอะไรไปก่อน นายสามารถซื้อกิจบริษัทของ ตระกูลฉัตรมงคลได้จริงๆเหรอ ฉันรู้สึกว่ามันเสี่ยงว่าไป

นะ”อารียากล่าว

ในตอนนั้น โทรศัพท์ของรพีพงษ์ก็ดังขึ้น คือเธียรวิชญ์ โทรมานั่นเอง

“พี่รพี ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ประธานคนใหม่ สามารถเข้ารับตำแหน่งได้ทุกเมื่อ”

รพีพงษ์ตอบกลับ อีเมล์ หลังจากที่วางสาย ยิ้มแล้วกล่าวกับ อารียาว่า: “ยินดีกับเธอด้วย ตอนนี้เธอเป็นประธานคนใหม่ ของตระกูลฉัตรมงคล”

อารียาอึ้ง แล้วก็ถามอย่างตกใจ: “จริง…จริงเหรอ?”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูด: “อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้ พวกเรา มาเลือกเสื้อสูทกันก่อน ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานฉันก็ จัดการให้เธอแล้ว”

อารียาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เนื่องจากเธอไม่เคยคิดมา

ก่อนเลยว่า ตัวเองจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานของบริษัท

ของฉัตรมงคลได้

ทั้งคู่เลือกไปหลายชุด รพีพงษ์ก็ถาม: “ชอบชุดไหน?”

“รู้สึกก็ดีไปหมดนะ แบบนี้จะเลือกยังไงดี”อารียากล่าวอ ย่างค่อนข้างน่าเศร้า

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “แบบนี้เลือกง่ายมาก ฉันช่วยเธอ เลือกเอง”

“หา? นายจะเลือกยังไง? “อารียาถาม

รพีพงษ์กวักมือเรียกพนักงานในร้าน พนักงานในร้านก็วิ่ง มา แล้วถาม: “คุณผู้ชาย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยเหรอคะ”

“ผมจะซื้อร้านของพวกคุณ ให้ผู้จัดของพวกคุณมาคุย กับผมหน่อย”รพีพงษ์กล่าว

พนักงานร้านก็นิ่งอึ้ง อารียาก็อึ้งเช่นกัน นี่คือวิธีการเลือก เสื้อเหรอ แบบนี้มันก็เกินไปหรือเปล่า?

ตอนที่ออกมาจากห้างสรรพสินค้า อารียาก็ยังคงอึ้งอยู่ รพีพงษ์ถือกระเป๋าสองสามใบ ที่มีเสื้อผ้าสองชิ้นอยู่ข้างใน เขาเอาเสื้อผ้าสองสามชุดให้อารียาใส่ก่อน หลังจากนี้ไป ร้านจะส่งเสื้อผ้าให้อารียาใส่ทุกเดือน
“รพีพงษ์ แบบนี้ก็ฟุ่มเฟือยมากไปแล้ว”อารียาก็ยังรู้สึกรับ

ไม่ได้

“ไม่ฟุ่มเฟือยเลย ให้เธอ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสุด แบบนี้จะ ฟุ่มเฟือยได้ยังไง”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในเวลานี้มีเสียงทะเลาะดังขึ้นอยู่ไม่ไกล รพีพงษ์และอารี ยาต่างก็หันหน้าไปมอง และพบว่าที่หน้าห้างมีผู้คนรุมล้อม อยู่ โดยไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่

“ที่นั่นเกิดอะไรขึ้น เราไปดูกันเถอะ”อารียากล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า หลังจากนั้นก็เดินไปพร้อมกัน

เมื่อถึงที่ผู้คน รพีพงษ์เห็นหญิงสาวที่แต่งตัวดูดีสดใสดึง หญิงวัยกลางคนที่มีเสื้อผ้าซอมซ่อ และยังมีรอยซ่อมเป็น ผมผู้หญิงวัยกลาง ด้วยใบหน้าที่โกรธ

“แกนี่มันไอ้ขอทาน จงใจกล้าทำเสื้อผ้าฉันสกปรก รู้หรือ เปล่าว่าเสื้อผ้าของฉันราคาเท่าไหร่ ชุดที่แกทำสกปรก แบบนี้ราคาตั้งห้าพันกว่า แกรีบคืนเงินมาเลยนะ ไม่อย่าง นั้นวันนี้อยากคิดที่จะไปจากที่นี่! “หญิงสาวที่แต่งตัวดูดี กล่าว

“ขอโทษค่ะ ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ บ้านฉันจน ฉันออกมาหางานทำ ฉันยัง ต้องส่งเสียลูกสาวฉันเรียนมหาลัย มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะ สอบเข้ามหาลัยได้ ฉันไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นจริงๆค่ะ ถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจ ฉันช่วยซักให้คุณเอง ขอร้องละ ค่ะปล่อยฉันไปเถอะ”หญิงสาวใส่ชุดซอมซ่ออ้อนวอน
ผู้หญิงคนนี้ดูแลเป็นคนเรียบง่าย ฝ่ามือที่หยาบกร้าน ไม่ เหมือนกับจงใจทำให้เสื้อผ้าของคนอื่นสกปรก

“อย่ามาทำตัวน่าสงสารกับฉันนะ ฉันว่าแกเห็นว่าฉันใส่ เสื้อผ้าดี แล้วแกไม่มีปัญญาซื้อ เลยจงใจทำเสื้อผ้าฉัน สกปรก ที่สำคัญแกไม่ดูตัวเองเลยว่าสกปรกแค่ไหน แกมี สิทธิ์อะไรมาซักเสื้อให้ฉันเหรอ? “หญิงสาวแต่งตัวดีท่าทาง ดุดัน “คุณพี่ คือฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ที่สำคัญคือเสื้อผ้าคุณ ไม่ได้สกปรกตรงไหนเลย คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า”หญิง สาวแต่งตัวซอมซ่อกล่าว

เธอแค่ปัดไหล่ผู้หญิงแต่งตัวดีคนนี้เอง แต่ก็ไม่ได้แตะ ต้องตัวเธอเลย ไม่รู้ทำไมจู่ๆเธอก็บอกว่าเสื้อผ้าของเธอ สกปรก

เมื่อผู้หญิงแต่งตัวดีได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงแต่งตัวซอมซ่อพูด เธอก็โกรธทันที ตบหน้าของหล่อนและด่า: “แกนี่มันไร้ยาง อายจริงๆ ทำให้เสื้อผ้าของฉันสกปรกและไม่กล้ายอมรับ ฉันเพิ่งซื้อชุดนี้วันนี้นี่เอง และมันก็แพงมากด้วย แม้ว่าจะ เป็นเพียงฝุ่นละออง แต่มันก็สกปรกอยู่ดี แล้วดูสาระรูปที่ เหมือนขอทานอย่างปกติ ไม่ควรจะมาเดินอยู่ที่นี่เลย!”

อันที่จริงแล้วผู้หญิงแต่งตัวซอมซ่อไม่ได้ทำเสื้อผ้าเธอ สกปรกเลย วันนี้เพิ่งซื้อเสื้อผ้ามาใหม่ และอยากจะอวด ดัง นั้นจึงจงใจทำให้ผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าซอมซ่ออับอาย เพื่อ ให้ทุกคนสังเกตเห็นเสื้อผ้าของเธอแค่นั้นเอง

หญิงสาวที่แต่งตัวซอมซ่อยกมือปิดหน้าตัวเอง ที่เต็มไป ด้วยความลำบากใจ เธอแค่อยากหางานทำ และหาค่าเล่าเรียนให้ลูกสาวตัวเอง ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

“ถ้าแกไม่อยากคืนเงินก็ได้ เห็นรองเท้าของฉันมั้ย แก คุกเข่าลงแล้วเลียรองเท้าฉันให้สะอาด ฉันก็จะไม่เอาเรื่อง แก”หญิงสาวแต่งตัวดีกล่าว

อารียาทนดูต่อไปไม่ไหว แล้วพูดว่า: “แบบนี้ก็ทำเกินไป แล้ว รังแกขนาดนี้เลยเหรอ”

รพีพงษ์ยื่นถุงเสื้อผ้าในมือให้กับอารียา แล้วกล่าวว่า “ฉันจะไปไกล่เกลี่ยเอง”

จากนั้นก็เดินเข้าไปหาทั้งสองคน ผู้หญิงแต่งตัวดีกำลัง จะยกเท้าให้ผู้หญิงอีกคนเลีย คิดว่าถ้าเธอไม่เลีย จะเตะ เธอไปหนึ่งที

ในตอนนี้ รพีพงษ์เดินมาถึงที่คนทั้งสอง และพูดว่า: “ฉัน ไม่เห็นว่าเสื้อผ้าของคุณมันจะสกปรกตรงไหนเลย ถ้าคุณ ทำแบบนี้ มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?”

หญิงสาวที่แต่งตัวดีมองไปที่รพีพงษ์สักครู่ และด่า: “แล้ว แกเป็นใคร กล้ามายุ่งของกู? ถ้าเสื้อผ้าของฉันไม่สกปรก แล้วจะทำไม คนที่ยากจนอย่างหล่อน ไม่ควรมาเดินอยู่ที่นี่ ฉันจะสั่งสอนหล่อน แกมีปัญหาอะไร?”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว และพูดอย่างเย็นชา: “ถ้าเป็นแบบนี้ ถ้า คุณยังทำแบบนี้กับเธอต่อไป ฉันรับรองว่าคุณได้เห็นดี แน่”

“แกนี่มันเก่งจริงๆ ยังกล้ามาพูดจาแบบนี้กับฉัน ทำไม แก เห็นคนอื่นถูกรังแก ดังนั้นเลยทุกข์ใจเหรอ? แกก็แต่งตัวก็ดูเชย ก็เป็นคนอนาถา ไอ้คนจนอย่างพวกแก ก็เหมือนกัน หมด น่าจะตายๆไปตั้งนานแล้ว”หญิงสาวที่แต่งตัวดูดีพูด ออกมาด้วยความเลวทราม ในตอนนั้นอารียาก็วิ่งมา แล้วพูด: “ทำไมคุณพูดจาแบบนี้

ถ้าคุณคิดว่าเสื้อผ้าของคุณแพง ฉันก็สามารถเอาเสื้อผ้า

ของฉันให้คุณได้ คุณก็อย่าทำให้เธอลำบากใจอีกเลย”

ด้วยเหตุนี้ อารียาจึงยื่นเสื้อผ้าในมือของเธอไปให้

ผู้หญิงที่แต่งตัวดีก็จ้องมองไปที่เสื้อผ้าในมืออารียา ยื่น มือออกไปรับมา แล้วพูด: “นี่มันเสื้อผ้าบ้าอะไรของเธอ กล้า เอามาเทียบกับเสื้อผ้าของฉัน เสื้อผ้าขอฉันตั้งห้าพันกว่า นะ”

แต่เมื่อเธอเห็นราคาบนป้ายเสื้อผ้า ก็ตกใจ

“อะไรนะ ชุดนี้ชุดเดียวราคา ….หนึ่งหมื่นสามพัน

กว่า? !!!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท