พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่220 ไม่ใช่ที่ๆพวกมึงจะทำอะไรก็ได้

บทที่220 ไม่ใช่ที่ๆพวกมึงจะทำอะไรก็ได้

บทที่220 ไม่ใช่ที่ๆพวกมึงจะทำอะไรก็ได้

“ไม่มีปัญหาครับ เชิญที่ห้องรับรองพิเศษครับ” ผู้ จัดการกล่าวเคารพนอบน้อมต่ออารียา

ผู้จัดการหน้าฟร้อนเห็นดังนี้ก็ชะงักงัน ยังไงเขาก็ ไม่คาดคิด ว่าผู้จัดการทั่วไปของพวกเขาจะพูดว่าไม่ว่า จะเป็นยอดเท่าไหร่ก็ต้องให้อารียากู้

“ผู้จัดการ สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทเธอไม่ ค่อยสู้ดีจริงๆ คุณไตร่ตรองอีกครั้งดีไหม…” ผู้จัดการ หน้าฟร้อนกล่าว

ผู้จัดการชักตาไปที่เขา แล้วกล่าว “ต่อไปถ้าคุณ ยังกล้าพูดแบบนี้ ก็กลับไปเป็นพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ สักกี่ปีล่ะกัน คุณอารียาเป็นลูกค้าคนสำคัญของธนาคาร เรา ต่อไปเพียงแค่เธอมาทำธุรกรรมในธนาคารของพวก เรา ต้องพาไปที่ห้องรับรองให้ฉัน ได้ยินหรือยัง!”

ผู้จัดการหน้าฟร้อนได้ยินดังนี้ ตกใจจนรีบพยัก หน้า แล้วกล่าว “รับทราบครับ รับทราบ”

ธายุกรมองไปที่ผู้จัดการอย่างไม่เข้าใจ แล้วกล่าว “บริษัทของเธอกำลังจะล้มละลายแล้ว ตอนนี้คุณให้เธอ กู้เกรงว่าเมื่อถึงเวลานั้นแม้แต่เงินต้นก็เอากลับมาไม่ได้ นะ”

“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณอารียาคือลูกค้าคนสำคัญ ของธนาคารเรา ถึงแม้มีความเสียง ธนาคารของพวกเรา ก็ให้เธอกู้ ขอคุณได้โปรดหยุดปล่อยข่าวลอยได้แล้ว” ผู้จัดการกล่าวกับธายุกรอย่างเยือกเย็น

“ทำไม? เธอถึงได้เป็นลูกค้าคนสำคัญของ ธนาคารพวกคุณแล้ว?” ธายุกรถามอีกครั้ง

“เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ ขอคุณได้โปรดอย่าขัด ขวางผมในการช่วยคุณอารียากู้อีก” ผู้จัดการผลักธายุ กรออกไป พาอารียาเดินไปที่ห้องรับรอง

อารียาหันไปดูธายุกร ยิ้มแล้วกล่าว “ไม่ต้อง อ้อนวอนแก ฉันก็ยังคงทำให้บริษัทดำเนินการต่อไปได้ ความฝันอันสวยงามของแก ถูกทำลายลงอีกแล้ว”

ธายุกรกำหมัดแน่นทันที มองไปที่แผ่นหลังของ อารียาอย่างโกรธแค้น ความเกลียดชังในใจได้ถึงจุด สูงสุดแล้ว

“แกสะใจไปเถอะ แม้ฉันจะกลับไปบริษัทไม่ได้ ใน มือฉันก็ยังคงมีเงินไม่น้อยเหมือนเดิม เงินจำนวนนี้ก็ เพียงพอที่ฉันจะใช้ไปตลอดชีวิตแล้ว กูก็ไม่แคร์เหมือน เดิม!”

ธายุกรด่า จากนั้นก็เดินออกจากธนาคารไป

เดินไปที่ถนนใหญ่ ธายุกรนึกถึงคำพูดที่อารียา พูดกับเขาตอนอยู่ในธนาคาร ก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมา

ขณะนี้เองมือถือเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู พบ ว่าเป็นข้อความจากธนาคารส่งมา

“บัญชีธนาคารของคุณมีธุรกรรมต้องสงสัย ตอนนี้ ได้ถูกอายัดไว้แล้ว”
ธายุกรตกตะลึงขึ้นในทันใด อ้างปากกว้างมากจน แทบจะวางไข่ไก่ได้ทั้งฟอง

“เช็ดแม่! ใครแม่งอายัดบัญชีธนาคารก!”

ในขณะนี้เอง มีคนกลุ่มหนึ่งที่ใส่เครื่องแบบ ตำรวจวิ่งเข้ามารอบๆธายุกรไว้ แล้วล้อมเขาไว้ในทันที

ธายุกรมองคนเหล่านั้นอย่างผวา แล้วกล่าว

“คุณ….พวกคุณเป็นใคร? ต้องการอะไร?”

ผู้ที่นำทีมมาเดินตรงไปด้านหน้าของธายุกร เอา เอกสารของตนเองชูขึ้นมา แล้วกล่าว “พวกเราได้รับการ ร้องเรียน ยืนยันว่าคุณได้ใช้ทรัพย์สินของบริษัทเค้า เชิญคุณไปกับพวกเราด้วยครับ”

คนเหล่านั้นไม่ให้โอกาสธายุกรได้อธิบายใดๆ ก็ จับเขาไว้โดยตรง แล้วพาไปยังรถที่จอดอยู่ข้างๆถนน

ธายุกรต่อต้าน แต่ทว่าเธอก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของคน พวกนี้ เค้าเห็นเขาต่อต้าน ก็รีบลงมือกับเขา คนกลุ่มนี้ พายุกรกฎไว้ที่ตัวรถ แล้วต่อยเขาอย่างแรง ไม่นาน เขาก็นิ่งสงบ

“อารียา ถึงทำร้าย ฝากไว้ก่อนเหอะ กูจะไม่มี ทางปล่อยถึงเอาไว้แน่!” ธายุกรตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

แต่ทว่าอารียาไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาโชคร้ายขนาด ไหน ถึงแม้รับรู้ เกรงว่าก็จะไม่รู้สึกเสียใจใดๆ

สนามบินเมืองริเวอร์
รพีพงษ์และอารียาเดินเข้าไปในสนามบิน วันนี้ เป็นวันที่รพีพงษ์กลับเกี่ยวโต อารียาอาลัยอาวรณ์รพี พงษ์ ดังนั้นจึงได้มาส่งเขาที่สนามบิน

รพีพงษ์ได้กำจัดภัยรอบๆตัวของอารียาหมดแล้ว ในระยะเวลาอันสั้นนี้ น่าจะไม่มีใครสามารถข่มขู่อารียา เขาได้กำชับธฤตญาณและเธียรวิชญ์ทั้งสองไว้ ว่าช่วงที่ เขาไม่อยู่ในเมืองริเวอร์นี้ ความปลอดภัยของอารียา ให้

พวกเขาเข้ามาดูแล “ส่งแค่นี้แล้วกัน ผมต้องเข้าไปแล้ว คุณไม่ต้อง เป็นห่วงนะ รอจัดการธุระทางนั้นเสร็จแล้ว ผมจะรีบกลับ มาทันที” รพีพงษ์กล่าว

อารียาพยักหน้า นัยน์ตาก็ยังคงอาลัยอาวรณ์ เธอ ลังเลสักพัก แล้วเดินไปด้านหน้า โอบคอของรพีพงษ์ไว้ แล้วจูบ

รพีพงษ์โดนจูบโดยไม่ทันตั้งตัว เขาอึ้งอยู่สักพัก ถึงจะรู้สึกตัว จากนั้นก็เริ่มโอบเอวของอารียาแล้วจูบกัน

คนรอบๆเห็นดังนี้ ก็ต่างอิจฉา แน่นอนว่าต้องมี เสียงของพวกคนโสดพึมพำออกมา โมโหที่สวีทกัน เหลือเกินแม้อยู่สนามบินยังจะสวีทกันอีก

ผ่านไปสักพัก รพีพงษ์ปล่อยอารียาออกอย่าง อาลัยอาวรณ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ

อารียาไปที่ข้างหูของรพีพงษ์ แล้วกล่าวอย่าง เขินอายว่า “รอครั้งนี้ให้คุณกลับมา ฉันว่าพวกเรามีลูก กันได้แล้วนะ”
รพีพงษ์สะดุ้งขึ้นมา เหมือนจะลอยขึ้น คิดไม่ ถึงว่าอารียาจะบอกเขาว่ารอเขากลับมาแล้วจะมีลูกด้วย กัน สำหรับรพีพงษ์แล้ว นี่เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจอย่างหาที่ เปรียบไม่ได้

แลดูแล้วครั้งนี้ที่ไปเกียวโต ต้องรีบจัดการธุระให้ เสร็จเร็วๆเสียแล้ว เพียงแค่ได้รับจดหมายฉบับนั้นที่พ่อ ทิ้งไว้ให้ เขาก็จะกลับมาเมืองริเวอร์ทันที

สุดท้าย รพีพงษ์ก็เดินเข้าไปในสนามบิน อารียาม องดูอยู่ข้างนอกอยู่นาน จึงจะเดินออกไปจากที่นี่

ในห้องโถงรอขึ้นเครื่อง รพีพงษ์นั่ง เพื่อรอเช็ค

ตัว

ในขณะนี้เองมีผู้หญิงหนึ่งคนเดินมาข้างๆ ยังอยู่ ตรงหน้าของรพีพงษ์

ผู้หญิงมีลักษณะสวยงาม รูปร่างดีมาก ใส่ กระโปรงพลีสขาว ขายาวทั้งสองข้างสวยงามดึงดูดคน

ภายนอก

ผู้หญิงคนนี้มีนามว่าอันนา เป็นคนเกี่ยวโต ครั้งนี้ มาเมืองริเวอร์ เพื่อท่องเที่ยว ตั๋วเครื่องบินที่กลับเกียวโต

วันนี้ ดูๆแล้ว น่าจะเป็นไฟร์ทเดียวกับรพีพงษ์

รพีพงษ์เพ่งมองไปที่อันนา ในมือเธอได้ถือมัน ฝรั่งแผ่นทอดกรอบไว้หนึ่งถุง รพีพงษ์เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าตนเองยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง เริ่มรู้สึกหิว

อันนาเห็นรพีพงษ์มองไปที่เธอ ก็มองบนไปที่รพี พงษ์ แล้วกล่าว “ดูอะไร ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง ไอ้กระจอก

รพีพงษ์ยิ้ม ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด อันนาจะสวย ไม่สวยเขาไม่สนใจ เพียงแค่เขาอยากกินมันฝรั่งทอดใน มือของอันนาเท่านั้นเอง

อันนาเห็นรพีพงษ์ไม่โต้ตอบ ก็เดินไปหารพีพงษ์ เอง แล้วยื่นมันฝรั่งทอดกรอบในมือให้กับรพีพงษ์ แล้ว กล่าว “ดูๆแล้วคุณก็นิ่งๆดีนะ น่าจะหิวล่ะซิ ให้คุณกินสัก หน่อย คุณอย่าคิดว่าฉันคิดอะไรกับคุณเป็นอันขาดนะ ฉันก็แค่เห็นว่าคุณน่าสงสารก็แค่นั้น ดูการแต่งกายของ คุณก็รู้ว่าเป็นคนจน ฉันไม่มีทางชอบคุณหรอก”

รพีพงษ์ก็ไม่ได้เกรงใจใดๆ หยิบมันฝรั่งทอดจาก ถุงที่อยู่ในมือมาสองแผ่น แล้วใส่ลงไปในปากของตัว เอง

“คุณเป็คนเมืองริเวอร์?” อันนาถาม เธอเป็นพวก เฟรนด์ลี่ แล้วก็ไม่ชอบอยู่คนเดียว ครั้งนี้มาเที่ยวโดย ลำพัง ทำให้เธอได้รู้ว่าความเปล่าเปลี่ยวที่แท้จริงคือ อะไร ดังนั้นถึงแม้ไม่ชอบรพีพงษ์ ก็สามารถทำให้เธอ พูดคุยกับรพีพงษ์ได้

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วถาม “คุณก็ใช่หรอ?”

“ฉันไม่ใช่ ฉันเป็นคนเกียวโต มาเที่ยวที่เมืองริ เวอร์ ฉันว่า เมืองริเวอร์ของพวกเธอไม่มีอะไรที่น่าสนุก เลย ฉันมานี่ตั้งกี่วัน ก็ไม่เคยเห็นสิ่งที่ดึงดูดใจเลย มี เพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันตลกได้ก็คือ เมืองริเวอร์ของ พวกเธอมีไอ้สวะคนหนึ่งชื่อรพีพงษ์ คนๆนึ่งที่ไร้ประโยชน์ได้ถึงขั้นคนทั้งเมืองเรียนกว่าไอ้สวะนี่ ก็ถือว่า ยอดเยี่ยมจริงๆ คุณน่าจะได้ยินชื่อเสียงคนนี้มาบ้างแล้ว สิ” อันนากล่าว

รพีพงษ์ก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

“คุณถอนหายใจทำไม?” อันนาถามอย่างไม่ เข้าใจ

“ผมนี่แหละรพีพงษ์” รพีพงษ์กล่าว

อันนาชะงัก แล้วก็หัวเราะออกมาทันที แล้วกล่าว “พระเจ้า ไม่น่าจะบังเอิญขนาดนี้มั้ง คุณก็คือไอ้สวะที่ขึ้น ชื่อนั้นนะหรอ นี่ฉันโชคดีหรือโชคร้ายเนี่ย คิดไม่ถึงว่าจะ ได้เจอคุณที่นี่”

รพีพงษ์มองเธออย่างเสียอารมณ์ แล้วกล่าว “ผม คือรพีพงษ์ แต่ผมไม่ใช่สวะ”

“คุณหยุดหาข้ออ้างได้แล้ว เรื่องราวของคุณได้ ถูกเผยแพร่เป็นทั้งเมืองริเวอร์แล้ว ครั้งนี้ที่ฉันมา สิ่ง เดียวที่จำได้คือ เป็นพวกเรื่องราวเหล่านั้นของคุณ ฉัน ได้บอกเพื่อนฉันทางมือถือแล้ว พวกเขาได้ยินก็ต่าง แปลกประหลาดใจกัน ถ้าฉันบอกกับพวกเขาว่าฉันเจอ คุณที่สนามบินล่ะก็ พวกเขาต้องคิดว่าสนุกมากแน่ๆ” อัน นายิ้มพลางกล่าว

รพีพงษ์ไม่อยากแก้ตัวอะไร แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ

อันนาเห็นรพีพงษ์ได้พูด ก็บึนปากอย่างไม่เข้าใจ แล้วพึมพำ “ยังไม่ให้ว่าด้วย ไม่อยากให้คนอื่นพูดแบบนี้ งั้นคุณก็ทำอะไรที่เป็นจุดเด่นขึ้นมาสิ ตัวเองไม่มีน้ำยาแล้วยังโทษคนอื่นอีก”

ผ่านไปไม่นาน ถึงเวลาเช็คตั๋วแล้ว รพีพงษ์ก็ไป เช็คตั๋วโดยตรง หลังจากเช็คตั๋วแล้ว ก็ขึ้นเครื่องบิน

เขานั่งในที่ของเขา ไม่นาน อันนาก็เดินมาถึงตรง นี้ คิดไม่ถึงว่าที่นั่งของเธอจะอยู่ข้างๆของรพีพงษ์

“ทำไมฉันโชคร้ายขนาดนี้ ยังต้องนั่งข้างๆคุณอีก คงไม่ใช่เพราะชอบในความสวยงามของฉันนะ ถึงได้ ตั้งใจตามฉันมา” อันนานั่งลงข้างๆรพีพงษ์

“ผมไม่ได้เบื่อถึงขึ้นนั้น” รพีพงษ์กล่าว

“ชิ ใครจะรู้ คนแบบนี้ ในใจมืดมนเป็นเรื่องปกติ โชคร้ายจริงๆ นั่งกับคุณ ฉันต้องระวังตัวตลอดทาง จะ บอกให้นะ คุณอย่าลงไม้ลงมือกับฉัน ไม่งั้นรอให้ถึงเกีย วโต ฉันจะเรียกคนมาจัดการกับคุณทันที” อันนากล่าว

รพีพงษ์รู้สึกว่าเธอไร้เหตุผล ก็ไม่ได้สนใจเธอ แล้วหลับตาลงทันที

ผ่านไปไม่นาน บนเครื่องมีชาวต่างชาติขึ้นมาสอง คน ชาวต่างชาติสองคนนั้นร่างกายกำยำ แขนเต็มไป ด้วยกล้ามเนื้อ และหล่อเหลา เมื่อพวกเขาทั้งสองขึ้นมา ก็ดึงดูดดวงตาของผู้หญิงมากมายบนเครื่อง

อันนาก็ถูกความหล่อเหลาของชาวต่างชาติทั้ง สองดึงดูดเช่นกัน แล้วยังกรี๊ดออกมาด้วย

ชาวต่างชาติทั้งคู่สนใจอันนา เห็นว่าเธอก็ดูดี ใช้ได้ ก็ยิ้มแบบมีนัยยะไปที่อันนา
หนึ่งในชาวต่างชาตินั้นนั่งข้างๆของอันนา แล้ว อีกคนก็ใช้เท้าเตะไปที่รองเท้าของรพีพงษ์ ส่งสายตาไป ให้เขา แล้วชี้ไปที่นั่งด้านหลัง ดูออกชัดเจนว่าอยากให้ รพีพงษ์ไปนั่งข้างหลัง

อันนาเห็นดังนี้ ก็ตื่นเต้น แล้วรีบบอกรพีพงษ์ว่า “แกยังอยู่ตรงนี้อีกทำไม รีบไปนั่งด้านหลังสิ ฉันอยาก นั่งกับสุดหล่อสองคนนี้

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร ก็ยืนขึ้น แล้วไปนั่งที่ด้าน หลัง

ชาวต่างชาติคนนั้นเห็นรพีพงษ์เชื่อฟัง เต็มไป ด้วยใบหน้าที่เหยียดหยาม แล้วพูดภาษาอังกฤษว่า “อ่อนหัดจริงๆ”

ถึงแม้รพีพงษ์จะเข้าใจที่ชาวต่างชาติพูด แต่ก็ไม่ ได้ใส่ใจอะไร ตอนนี้เขาคิดแต่เรื่องของพ่อเขา กลับไป ครั้งนี้ ถ้าได้เห็นจดหมายที่พ่อทิ้งไว้ให้จริงๆล่ะก็ ไม่แน่ อาจจะมีเบาะแสบ้างก็ได้

โยษิตาบอกว่าพ่อเขายังไม่เสียชีวิต เพียงแค่ หายตัวไป ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ รพีพงษ์จะต้องทำทุกวิถี ทางเพื่อที่จะหาพ่อเขาให้เจออย่างแน่นอน เพราะใน โลกนี้ รพีพงษ์นอกจากอารียาแล้ว ก็มีแค่พ่อที่เป็นญาติ เท่านั้น

แม่ของเขา ตั้งแต่ปีนั้นที่เขาได้โดนไล่ออกจาก ตระกูลลัดดาวัลย์ เขาได้ตัดความสัมพันธ์กับเธอแล้ว ไม่ ว่าจะร้ายขนาดไหนก็ไม่มีทางทำร้ายลูกตัวเองได้ แต่วีธรากลับใจร้ายกับเขา แล้วรพีพงษ์จะนับถือเธอเป็นแม่ ได้อย่างไร

ก่อนที่เครื่องบินจะบินขึ้น อันนากรีดร้องขึ้นมา แล้วยืนขึ้น มองไปที่ชาวต่างชาติที่นั่งข้างเธอด้วยความ โกรธ แล้วด่า “มือแกคลำอะไร? แกอย่าคิดว่าฉันเห็นว่า แกหล่อแล้วแกจะทำอะไรกับฉันก็ได้นะ คิดไม่ถึงจริงๆว่า แกจะลามกได้ขนาดนี้”

ชาวต่างชาติคนนั้นฟังภาษาจีนออกเล็กน้อย เห็นอันนาว่าเขาต่อหน้าคนในเครื่องบินทั้งลำแบบนี้ ก็ รีบด่าเธอเป็นกระหรี่ในภาษาอังกฤษทันทีว่า ไอ้ใจง่าย

อันนาโมโหเกรี้ยวกราด เธอชอบผู้ชายหล่อจริงๆ แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย แต่ชาวต่างชาตินี้กลับว่าเธอ เป็นกระหรี่ นี่เธอยอมไม่ได้จริงๆ

“ถึงรีบกลับไปที่นั่งถึงเลยนะ กูไม่อยากนั่งข้าง

จึง” อันนาตะคอก

แอร์ฮอสเตสเดินเข้ามา อยากที่จะเคลียร์ปัญหา ให้กับพวกเขา แต่ชาวต่างชาตินี้ถือว่าตัวเองเป็นคนต่าง ชาติ

ขณะนี้รพีพงษ์ยืนขึ้น เขาเดินไปข้างหน้าของชาว ต่างชาติ แล้วกล่าว “ไสหัวไปนั่งที่เดิมของแกไป”

อันนาเห็นรพีพงษ์ออกหน้า ก็ไม่ได้แสดงอาการ ใดๆ เพราะเธอรู้ว่ารพีพงษ์เป็นสวะของเมืองริเวอร์ ถึงแม้ เขาจะออกหน้า ก็ไม่มีทางด้านทานชาวต่างชาติที่ร่าง ใหญ่บึกบึนได้หรอก
“แกไม่ต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้หรอ เขาบึก เสียขนาดนั้น แกจะมีแรงที่ไหนไปต่อกลอน แกรีบกลับ ไปเถอะ” อันนากล่าว

รพีพงษ์ไม่ได้ฟังคำพูดของอันนาแต่อย่างใด ถึง แม้จะทำเพื่อมันฝรั่งทอดกรอบสองแผ่นนั้น รพีพงษ์ก็ ไม่มีทางที่จะให้ชาวต่างสองทั้งสองเหิมเกริมได้

ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ใช่ที่ๆชาว ต่างชาติจะทำอะไรตามใจตัวเองได้

คนบนเครื่องบินดูร่างกายที่ต่างกันระหว่างรพี พงษ์กับชาวต่างชาตินั้น ก็ไม่กล้าคาดหวังอะไรกับรพี พงษ์มากนัก

ตอนนี้ชาวต่างชาติเริ่มรำคาญขึ้นมา ก็ยื่นมือออก ไป อยากจะผลักรพีพงษ์ รพีพงษ์ยั้งข้อมือเขาไว้ แล้วบิด ร่างกายหนึ่งเมตรเก้าของชาวต่างชาตินั้น ก็หมุนทันที แล้วล้มลงไปที่พื้น

“ไสหัวไปยังที่นั่งของถึง ไม่งั้นกูจะโยนถึงออก จากเครื่องบิน จีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ใช่ที่ๆพวกมึงจะทำ อะไรก็ได้!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท