พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 204

บทที่ 204

บทที่ 204 หนึ่งพันล้าน มากมายเหรอ

คนดูทั้งหมดหลงใหล!

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่พื้นผิวของหิน หมายเลขสามสิบหกที่ถูกผ่าออกมา และสีเขียวที่มี เสน่ห์ทำให้การเต้นของหัวใจของทุกคนเร็วขึ้นมาก

ทุกคนก็เป็นผู้ชำนาญอยู่ในแวดวงของการพนัน หินมาหลายปี ต่างก็ต้องรู้ดีหยกจักรพรรดิมูลค่าแค่ ไหน หินก้อนใหญ่เท่ากำปั้นขนาดนี้ สามารถขายได้ใน ราคาหลายร้อยล้าน

ตามปริมาณของหินหมายเลขสามสิบหกแล้ว อย่างน้อยก็สามารถขายได้มากกว่าหนึ่งพันล้าน

ก้อนเนื้อแก้วใส่เมื่อกี้ของทิวัตถ์ เมื่อเทียบกับก้อน นี้ แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

ทิวัตถ์ที่ยังอยู่ในท่ามกลางที่ตื่นเต้น แต่เมื่อหลัง จากเห็นหินหมายเลขสามสิบหกผ่าออกมาเป็นหยก จักรพรรดิ ก็ตกตะลึงทันที

ในตอนนั้นเขายังคงเยาะเย้ยจิรายุศว่าวันนี้เทียบ เขาไม่ได้ เพราะเขาดูแล้วว่าหินหมายเลขสามสิบหกก็ เป็นแค่หินเสีย ยังไงก็ไม่สามารถผ่าออกมาเป็นเนื้อ น้ำดีได้

ไม่ใช่มีเพียงเขาที่คิดแบบนี้ ผู้คนที่อยู่ในที่นี้ก็รู้สึก ว่าหินหมายเลขสามสิบหกเป็นแค่หินเสีย กล่าวได้ว่าหินหมายเลขสามสิบหก นั้นภายนอกแย่ที่สุดในบรรดา หินทั้งหมดในที่นี้

ดังนั้นทุกคนจึงไม่มีความหวังกับหินก้อนนี้

แต่ตอนนี้หินก้อนนี้กลับผ่าออกมาเป็นหยก จักรพรรดิ ความตกใจนี้ เหมือนกับระเบิดปรมาณูที่ ระเบิดในฝูงชนคนมากมาย”

เมื่อตอนที่จิรายุศเห็นหินหมายเลขสามสิบหกผ่าสี เขียวออกมา ก็อ้าปากค้าง ตาของเขาจ้องมองนิ่งๆ อย่างกับวัว จากนั้น ตัวของเขาก็เริ่มสั่น

“หยก…หยกจักรพรรดิ!พี่รพี คือหยก จักรพรรดิ! พวกเราผ่าออกมาเป็นหยกจักรพรรดิ ผม อยู่ในแวดวงหินหยกมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ผ่าออก มาเป็นหยกจักรพรรดิพี่รพี พี่เป็นดาวนำโชคของผม จริงๆ!”

จิรายุศตื่นเต้นมาก จนแทบจะกระโดดกอดรพี

พงษ์

“สุดยอดจริงๆ เปิดออกมาเป็นหยกจักรพรรดิ นี่ ถือเป็นประวัติศาสตร์ของอำเภอหยกของเราเลย เป็น หยกจักรพรรดิที่ก้อนที่ใหญ่ที่สุดเลย” “โอ้พระเจ้า ฉันได้เห็นหยกจักรพรรดิของจริง

ก้อนนี้มูลค่าน่าจะเริ่มต้นที่หนึ่งพันล้าน ทำให้คนอิจฉา

จริงๆ”

“ชายหนุ่มคนนี้สุดยอดจริงๆ ทุกคนต่างก็ไม่ได้สนใจมองหินก้อนนี้ มีเพียงเขาที่เสียเงินหนึ่งล้านเพื่อ ประมูลหินก้อนนี้ลงมา ตอนนี้เปิดออกมาเป็นหยก จักรพรรดิ ทำกำไรได้ง่ายๆเลยนะ”

“นี่คือผู้ชำนาญการพนันหินที่แท้จริง หนึ่งล้าน กลายเป็นหนึ่งพันล้าน นี่คือผลตอบแทนที่น่ากลัว อาจ ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ก่อนเลย”

ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ และแสดงออกทางสายตา ชื่นชมและอิจฉารพีพงษ์

จารุพิชญ์และจารุกิตติ์ทั้งคู่มีใบหน้าที่ซีดจาง เมื่อ ก็จารุพิชญ์แสร้งทำเป็นยกย่องรพีพงษ์อย่างถ่อมตัว แม้ว่ารพีพงษ์จะประเมินของโบราณเก่ง แต่พนันหินก็ ยังห่างไกลอีกเยอะ คิดไม่ถึงว่าจะโดนตบหน้าเร็ว ขนาดนี้

ที่สำคัญหินหมายเลขสามสิบเป็นหินที่ทุกคนดูถูก มีเพียงรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้นที่คิดว่ามันน่าสนใจ แม้แต่จารุพิชญ์ก็มั่นใจมาก ว่าหินก้อนนี้ไม่สามารถ ออกเนื้อน้ำที่ดีได้ แต่รพีพงษ์ก็ยืนยันที่จะประมูลหิน ก้อนนี้ลงมา

นี่แสดงให้เห็นว่าวันนี้ในหมู่คนทั้งหมดที่มีอยู่ใน ตอนนี้รพีพงษ์ เป็นนักชำนาญการพนันหินที่แท้จริง

จารุพิชญ์และรพีพงษ์เทียบกันแล้ว ยังห่างไกลกันมาก

ถ้าวันนี้รพีพงษ์ไม่มา ก้อนหินที่สวยงามเช่นนี้ สำหรับคนอื่นคงจะมองว่าเป็นขยะ และถูกโยนลงถัง ขยะ

“อาจารย์ นี่รพีพงษ์คนนี้ ….ตกลงว่าเป็นใครกัน

แน่? ทำไมเขาสามารถมองออกในสิ่งที่เรามองไม่ออก เขายังเป็นแค่คนที่อายุใกล้เคียงกับผมจริงๆเหรอ?” จารุกิตติ์จ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างว่างเปล่า ทั้ง

สองครั้งที่แข่งกับรพีพงษ์ ทำให้เขาเริ่มสงสัยกับชีวิต

จารุพิชญ์จ้องมองรพีพงษ์ด้วยอารมณ์ ณ ตอนนี้ เขาไม่รู้สึกเกลียดชังรพีพงษ์ ได้อีกต่อไป เพราะฝีมือ ระดับรพีพงษ์ นั่นสูงกว่าเขาไปเยอะมาก

เมื่อคนคนหนึ่งที่ดีเลิศเหนือคนรอบข้างขนาดนี้ คนรอบข้างเขาก็ต้องรู้สึกอิจฉา ริษยา อยากเหนือ กว่าเขา และพิสูจน์ตัวเอง

แต่เมื่อคนคนหนึ่งมีความเป็นเลิศเหนือคนรอบข้าง

ทุกคนจะชื่นชมเขา และเคารพเขา นี่คือความประทับ

ใจอย่างสุดซึ้ง เพราะทุกคนรู้ดีว่า ไม่ว่าพวกเขาจะ

พยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถอยู่เหนือคนคนนี้ไปได้ ตอนนี้จิตใจของจารุพิชญ์ก็เป็นแบบนี้ เขาได้ ตระหนักว่า ตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะเปรียบเทียบกับ รพีพงษ์ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการพนันหินและการ ประเมินวัตถุโบราณ รพีพงษ์เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง แต่จารุพิชญ์นั้นแค่มีชื่อเสียงที่เมืองริ เวอร์เท่านั้นเอง และเมื่อเทียบกับท่านอาจารย์จริงๆ ก็ยังห่างไกลอีกมาก

บางทีนี้อาจจะเป็นความอัจฉริยะ บางคนเกิดมา ก็เก่งกว่าเรามาก นี่คืออิจฉาแต่ก็ริษยาไม่ลง”จารุพิชญ์ พูดพำพึม

จารุกิตติ์กำหมัดแน่น เขามองไปที่รพีพงษ์อย่าง ดุร้ายด้วยตาทั้งสองข้าง เขารู้สึกว่าอายุของตัวเองไม่ ต่างจากรพีพงษ์มากนัก ที่สำคัญตัวเองก็ได้รับการ ยกย่องว่าเป็นเก่งจากคนอื่นมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาคิดว่า เขาสามารถเทียบกับรพีพงษ์ได้

แต่หลังจากจ้องมองไปที่รพีพงษ์สักพัก หมัดของ จารุกิตติ์ก็คลายออกอีกครั้ง และบนใบหน้าของเขาก็ ปรากฏความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้น เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะใช้ เวลาทั้งชีวิตไล่ตามรพีพงษ์ แต่เขาก็ไม่อาจตามทัน ได้..

ที่สำคัญคือเขาทำได้เพียงแค่พัฒนาตัวเองอย่าง ต่อเนื่องในด้านการประเมินวัตถุโบราณ

ขณะที่รพีพงษ์มีความเชี่ยวชาญในทุกสิ่ง ซึ่งไม่ใช่ สิ่งที่สามารถเอาชนะได้ด้วยความพยายาม

ทิวัตถ์มองไปที่หินหมายเลขสามสิบหกอย่างรับไม่ ได้ที่ผ่าออกเนื้อน้ำดี คนทั้งคนก็ตะลึงอึ้งไปเลย
เดิมที่เขาคิดว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากการ ประมูลในวันนี้ เพื่อเอาชนะจิรายุศได้ แบบนี้เขาจะมี โอกาสเปิดช่องทางในตลาดหยกของอำเภอหยกได้ และเขาพอจะสามารถแข่งขันธุรกิจหยกกับจิรายุศได้ ในอนาคต

แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่า ทุกสิ่งที่เขาทำ มา ทั้งหมดนี้กลับกลายเป็นสะพานให้จิรายุศเหยียบไป ถึงฝั่ง หินที่ประมูลคืนนี้ก็สามารถขายได้ในราคาที่ดี พอสมควร แต่ว่าคืนนี้จิรายุศเปิดออกมาเป็นหยก จักรพรรดิ ในคืนนี้สายตาของทุกคนจดจ่อไปที่จิรายุศ ดังนั้นตำแหน่งของจิรายุศในแวดวงหยกของอำเภอ หยกจะสั่นคลอนได้ยากขึ้น

บางทีเขาอาจจะทำธุรกิจหยกในอำเภอหยก แต่ ยังไงก็ไม่สามารถเหยียบหัวเขาเข้าแวดวงนี้ได้ เพียง แค่จิรายุศต้องการ ก็สามารถขับไล่เขาออกจากอำเภอ หยกได้ตลอดเวลา

“เถ้าแก่ทิวัตถ์ ขอโทษด้วยจริงๆนะ หินหมายเลข สามสิบหกที่คุณไม่สนใจ แต่กลับเปิดออกมาเป็นเนื้อ น้ำดีอย่างหยกจักรพรรดิ ที่สำคัญยังเป็นก้อนใหญ่ ขนาดนี้ด้วย แม้แต่พระเจ้ายังไม่ต้องการให้ผมแพ้ให้ คุณเลย”จิรายุศยิ้มแล้วมองไปที่ทิวัตถ์

สีหน้าทิวัตถ์เคร่งเครียด จากนั้นจ้องมองจิรายุศอ ย่างเคียดแค้น สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร และสะบัดแขน เสื้อแล้วออกจากที่นี่
จารุพิชญ์และจารุกิตติ์ตามออกไปด้วยความ

อับอาย วันนี้เป็นช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิตของพวก เขาอย่างไม่ต้องสงสัย

จิรายุศเห็นว่าทิวัตถ์ออกไปด้วยความโมโห สีหน้า ก็เต็มไปด้วยชัยชนะ หันกลับไปมองรพีพงษ์ ยิ้มแล้ว พูด: “พี่รพี หยกจักรพรรดินี่พี่เป็นคนเปิดออก ก้อนนี้ก็ เป็นของพี่ พี่เอาไปเถอะ ผมไม่รู้สึกทุกข์ใจหรอกครับ แค่วันนี้ทำให้ไอ้หลานอย่างทิวัตถ์ไม่ประสบความ สำเร็จ ก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “แค่หินก้อนเดียวเอง ฉันหา ได้ไม่ยาก นายเก็บไว้เถอะ

สีหน้าจิรายุศเต็มไปด้วยความตะลึง คิดไม่ถึงว่า รพีพงษ์จะไม่สนใจหินก้อนนี้ นี่หยกมันมูลค่าหนึ่งพัน

ล้านเลยนะ

“พี่รพี พี่ก็อย่าปฏิเสธเลย หินก้อนนี้มีมูลค่าตั้งหนึ่ง พันล้านเลยนะ ผมไม่สามารถรับไว้ได้ หินก้อนนี้พี่เป็น คนประมูลมาเอง พี่ไม่ต้องเกรงใจผม”จิรายุศพูด

“หนึ่งพันล้าน มากมายเหรอ?” รพีพงษ์ถาม

จู่ๆจิรายุศก็รู้สึกหายใจไม่ออกทันที เขามองไปที่ รพีพงษ์ด้วยความตกใจ ชายที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง มีชีวิต แบบไหนกันนะ นี่คือหนึ่งพันล้านเลยนะ แล้วเขารู้สึก ว่าหนึ่งพันล้านไม่มาก?
“ไม่ต้องรบเร้าแล้ว เงินหนึ่งพันล้านนั้นไม่มากเกิน ไปสำหรับฉันจริงๆ นายเก็บหินก้อนนี้ไว้เถอะ แค่วันใด ฉันขอให้นายช่วยในอนาคต นายแค่อย่าปฏิเสธก็ พอ”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

จิรายุศแสดงออกถึงความขอบคุณ มองไปที่รพี พงษ์อย่าวจริงจัง แล้วพูด: “พี่รพี พี่สบายใจได้ ผมจิรา ยุศถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อพี่ อย่าง แน่นอน!”

รพีพงษ์พยักหน้า การประมูลของวันนี้สิ้นสุดลง แล้ว และถึงเวลาที่ต้องกลับไป

ในตอนนั้นโทรศัพท์ของจิรายุศก็ดังขึ้น เขารับ โทรศัพท์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเคร่งขรึมขึ้นมา

รพีพงษ์ดูท่าทางของเขาแบบนี้ ในใจก็รู้สึกแปลกๆ และถามว่า:”เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

จิรายุศวางสายไป แล้วพูด: ฝั่งพี่สะใภ้เกิดปัญหา

นิดหน่อย”

ใบหน้าที่นิ่งสงบอยู่รพีพงษ์ก็เป็นกังวล “เกิดอะไร ขึ้น?”

“เอ่อ พี่รพี พี่ไม่ต้องกังวล พี่สะใภ้พวกเขาไม่ได้ เกิดได้เป็นอะไร บอดี้การ์ดทั้งหกคนที่ผมจัดเตรียมไว้ จัดการแก้ปัญหาได้แล้ว เรากลับไปก่อน หลังจากกลับ ไปก็จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”จิรายุศพูด LEGO

รพีพงษ์พยักหน้า จิรายุศก็ไปจัดการสั่งการเรื่องพวกก้อนหิน จากนั้นก็ออกจากห้องนิทรรศการพร้อม รพีพงษ์และขับรถเข้าไปยังในเมืองของอำเภอ

Rose&Mary Hostel อารียาและศศินัดดาศักดา ทั้งสามคนต่างก็เข้าพักในห้องชุดด้วยความกลัว สิ่งที่ เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้พวกเขารู้สึกกลัวเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่ คนทั้งหกที่ปรากฏตัวกะทันหัน ตอนนี้ไม่รู้จุดจบของ พวกเขาจะเป็นเช่นไร

ในตอนนี้รพีพงษ์ก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู หลังจาก เปิดประตู เห็นว่าทั้งสามคนไม่ได้เป็นอะไร เขาก็รู้สึก โล่งใจ

อารียาเห็นรพีพงษ์กลับมา ก็รีบลุกขึ้น วิ่งไปหารพี

พงษ์ และกอดเขา

“รพีพงษ์ วันนี้ฉันเกือบจะไม่ได้เจอนายแล้ว

นะ “อารียาพูด

รพีพงษ์ยิ้ม และพูดปลอบโยน: “ไม่เป็นไรแล้วนะ เธอสบายใจได้แล้ว ไม่มีอะไรอันตรายแล้ว หลังจากวัน นี้ไปเราก็จะกลับเมืองริเวอร์แล้ว”

อารียาพยักหน้า รู้สึกว่ามีรพีพงษ์อยู่ ถึงจะ

ปลอดภัยที่สุด

“ลูกลูกถอยห่างออกมาจากไอ้ขยะนี่เลยนะ รพี พงษ์แกมันก็หน้าไม่อายจริงๆ กอดอารีต่อหน้าเรา แกก็ ไม่ถามความเห็นคิดจากเราหน่อยเหรอ?”สีหน้าของศศินัดดาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

ทั้งคู่ถอยออกจากกัน รพีพงษ์ก็ยิ้มอย่างเขินอาย อารียามองไปที่ศศินัดดา แล้วพูดว่า: “แม่ค่ะ แบบนี้หนู ทำอะไรก็ต้องผ่านความคิดเห็นทุกอย่างจากแม่เหรอ คะ หนูก็อายุยี่สิบกว่าแล้วนะคะ”

ศศินัดดาบ่นพึมพำและไม่พูดอะไร

รพีพงษ์มองไปที่อารียา แล้วพูดว่า: “พวกคุณอยู่ที่ นี่ไปก่อนนะ ผมจะออกไปข้างนอก จัดการเรื่องบาง อย่าง แล้วจะรีบกลับมา”

อารียาพยักหน้า รู้ดีว่ารพีพงษ์กำลังจะไปจัดการ กับคนที่มาสร้างปัญหาให้กับพวกเขาในวันนี้

ในตอนนี้รพีพงษ์รู้แล้ว คนที่ว่างจ้างฌัลล์ให้ทำ เรื่องนี้ รพีพงษ์เป็นคนชอบตัดหญ้าถอนโคนเสมอ ตอนนี้เขาวางแผนที่จะกลับไปเมืองริเวอร์ เขาก็ต้อง สะสางปัญหาที่นี่ให้หมดก่อน

กล้าว่าจ้างให้คนมาจัดการอารียา รพีพงษ์จะไม่

ทน!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท