พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่218 ร้อยล้านนี่เยอะมากเลยหรอ

บทที่218 ร้อยล้านนี่เยอะมากเลยหรอ

บทที่218 ร้อยล้านนี่เยอะมากเลยหรอ

เมืองริเวอร์ ณ ธนาคารแห่งหนึ่ง

รพีพงษ์เดินเข้าไปในห้องโถง เมื่อผู้จัดการหน้าฟ ร้อนเห็นรพีพงษ์ ตาประกายลุกวาว แล้วรีบเดินเข้าไป

“คุณรพี มาทำธุรกรรมการเงินหรอครับ คุณมาหา เรา ถือว่าเป็นเกียรติมากครับ” ผู้จัดการหน้าฟร้อนยิ้ม พลางกล่าว

เมื่อก่อนรพีพงษ์เคยมาที่ธนาคารนี้แล้ว ผู้จัดการ หน้าฟร้อนรู้ว่าในมือของรพีพงษ์นั้นมีบัตรสีดำของ ธนาคารโลกอยู่ ดังนั้นท่าทีที่มีต่อเห็นรพีพงษ์จึงดู ต้อนรับขับสู้

“ผมมาฝากเงินให้กับภรรยา” รพีพงษ์กล่าว

“ไม่มีปัญหา ฉันจะจัดพนักงานพิเศษดูแลคุณครับ

ไม่ต้องนั่งรอคิว” ผู้จัดการหน้าฟร้อนกล่าว

“เอิ่มวงเงินที่ผมจะฝากมันค่อนข้างมากนิดนึง ไม่ น่าจะทำได้ที่ห้องโถงนี้ เรียกผู้จัดการให้ผมหน่อยล่ะกัน ให้เขามาช่วยผม” รพีพงพษ์กล่าว

ผู้จัดการหน้าฟร้อนพยักหน้า แล้วกล่าว “ตอนนี้ผู้ จัดการของเรากำลังยุ่งอยู่ อาจจะต้องรอสักนิด ฉันพา คุณไปพักผ่อนที่ห้องรับรองVIPก่อนล่ะกันครับ รอผู้ จัดการเสร็จธุระ ฉันจะเรียกคุณในทันที”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเดินไปพร้อมกับผู้จัดการหน้าฟร้อน

ครั้งนี้ที่เขามาธนาคาร ก็เพื่อมาฝากเงินแทนอารี ยา เขารู้สึกเสมอมาการไปเกี่ยวโตครั้งนี้จะต้องเผชิญกับ อันตราย ดังนั้นก่อนที่จะจากไป เขาจะต้องเตรียมการ รับมือให้กับอารียาอย่างเพียงพอ แบบนี้เขาถึงจะ สบายใจ

ถึงห้องรับรองVIP รพีพงษ์นั่งบนโซฟา เห็นใน ห้องรับรองVIPก็มีหนึ่งคนที่รออยู่

คนๆนี้มีลักษณะร่างท้วมเอวกลม ใบหน้าทรงไข่ กลม ลงพุงจากการดื่มสุรา ดูๆแล้วน่าจะอายุราวๆสีสิบ กว่าปี

เมื่อคนนั้นเห็นรพีพงษ์เข้ามาในห้องรับรองVIP ก็ รีบมองไปที่เขาทันที เพราะคนที่สามารถเข้ามาในห้อง รับรองได้นั้นไม่ธรรมดา เขาก็อยากฉวยโอกาสนี้ ทำความรู้จักสักหน่อย

แต่ไม่นานเขาก็พบว่า คนที่เข้ามานี้สวมใส่ชุดที่ ซื้อมาจากข้างถนน ดูๆไปก็ธรรมดา ไม่เหมือนกับคนมี ตั้งค์แม้แต่น้อย

หรือเป็นญาติของพนักงานในธนาคาร ดังนั้นถึง ได้เข้ามาในห้องรับรองVIPนี้ได้?

คนวัยกลางคิดในใจว่าเหตุผลนี้น่าจะเป็นไปได้ อยู่ เพราะถ้าไม่มีเงิน อยากเข้ามาห้องรับรองนี้ ก็มีแค่มี ความสัมพันธ์กับพนักงานธนาคารนี่แหละ

เขามองไปรอบๆ แล้วเดินไปที่ข้างหน้าของรพีพงษ์ ยื่นมาออกไป ยิ้มพลางกล่าว “สวัสดีครับ ผมชื่อ ปวิธ คุณก็ทำธุรกรรมที่นี่เหมือนกันหรอ?”

รพีพงษ์จับมือเขา แล้วกล่าว “ผมชื่อรพีพงษ์ มานี่ เพื่อฝากเงินนิดหน่อย”

หลังจากที่ปวิธได้ยินชื่อของรพีพงษ์แล้วนั้น รู้สึก คุ้นๆ แล้วนึกออกอย่างรวดเร็วว่าเป็นไอ้สวะนั่นของเมือง ริเวอร์

เขาเป็นคนปากไว ไม่ได้คิดถีถ้วน แล้วถามออก มาว่า “รพีพงษ์ ชื่อนี้คุ้นหูมาก ผมจำได้ว่าเมืองริเวอร์มีไอ้ สวะตัวหนึ่งที่ขึ้นชื่อ ก็ชื่อนี้เหมือนกัน”

รพีพงษ์ไม่สนใจ แล้วกล่าว “คนนั้นก็คือผมนี่ แหละ”

ปวิธชะงัก ไม่คิดมาก่อนว่าคนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขา นั้นก็คือสวะขึ้นชื่อเมืองริเวอร์นั่นเอง มิน่าล่ะที่เขาจะสวม ใส่ชุดข้างถนน

“ที่แท้ก็เป็นคุณ พรรคพวก คุณเป็นผู้มีชื่อเสียง ของเมืองริเวอร์นะ ไม่คาดคิดว่าผมจะเจอคุณที่นี่” ปวิธ นั่งลงข้างๆของรพีพงษ์

เขาคนนี้แลดูเป็นคนแปลกประหลาด คำพูดเมื่อ สักครู่ที่เขากล่าวไปก็มิใช่เป็นการดูถูกรพีพุงษ์ เพียงแค่ เก็บไว้ในไม่ได้อีกเท่านั้นเอง

ไม่คาดคิดว่าคุณมาธนาคารเพื่อฝากเงินแล้วได้ มาห้องรับรองนี้ ดูไปล้วคุณก็ไม่ธรรมดานะ จากที่ผมดู น่าจะถูกบิดเบือนทั้งนั้น ไม่งั้นคุณก็ไม่สามารถอยู่ในห้องรับรองแบบนี้ได้หรอก” ปวิธกล่าว

รพีพงษ์หัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คุณน่าจะเป็นญาติของ พนักงานธนาคารคนหนึ่ง ความจริงถ้าเป็นไปตามที่ผิด คิด คุณแค่ฝากเงินไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ ไปเคาน์เตอร์ ข้างนอกก็ทำได้แล้ว ทำไมต้องมารอที่นี่ นอกเสียจาก เงินที่คุณต้องการฝากนั้นมีจำนวนค่อนข้างมาก เช่นผม ผมมาครั้งนี้ ต้องการฝากมากกว่าห้าล้าน ไง สุดยอดอะดิ จะบอกให้นะ นี่เป็นแค่กำไรหนึ่งปีของบริษัทผมเท่านั้น ต่อไปเงินที่ผมจะฝากนั้นมากกว่านี้แน่นอน”

ปวิธพูดไปพูดมา ก็กลายเป็นเหยียดหยามรพี พงษ์ เขาเปิดบริษัท ได้กำไรมาไม่น้อย ตอนนี้ก็เป็นช่วง ที่เชิดหน้าชูตาที่สุด ปกติผู้คนที่เขาพบปะด้วยนั้นก็จะ เป็นคนในระดับนี้ โอ้อวดอะไรไม่ได้ วันนี้ได้เจอกับรพี พงษ์ แน่นอนว่าต้องโอ้อวดสักหน่อย เพราะชื่อเสียงของ รพีพงษ์ไม่ดี ปวิธรู้สึกว่าเขามีเงินไม่เท่าไหร่แน่นอน ที่ เข้ามาห้องรับรองได้นั้น ต้องพึ่งความสัมพันธ์ฉันท์ ญาติมิตรเป็นมิตร

รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของปวิธแล้ว ก็หัวเราะ แล้ว กล่าว “ครั้งนึงฝากห้าล้าน ก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว”

ปวิธกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ก็ใช่สิ อายุปูนนี้ถึงแม้จะ หาเงินได้ไม่ง่าย แต่คนที่มีมันสมองอย่างผม ก็ไม่มีทาง เครียดกับเรื่องทำนองนี้หรอก ชื่อเสียงของคุณไม่ดี ต้องหางานยากแน่ๆ ต่อไปถ้าคุณยากลำบาก มาหาผม ได้นะ ผมจะหางานให้คุณ ไม่กล้ารับรองว่าคุณจะได้เงินเยอะ แต่ในหนึ่งเดือนเจ็ดแปดพันได้แน่นอน”

รพีพงษ์คิดในใจว่าปวิธนี่ถึงแม้จะพูดขวานผ่าซาก ไปหน่อย แต่ลึกๆก็ยังเป็นคนดี ก็หัวเราะพลางพยักหน้า

“เออ คุณคิดว่าจะฝากเท่าไหร่หรอ?” ปวิธถาม

ต่อ

“ก็ไม่ได้มากอะไร” รพีพงษ์กล่าว

เพราะปวิธได้รู้ข้อมูลเบื้องต้นของรพีพงษ์บ้าง แล้ว ดังนั้นที่รพีพงษ์พูดว่าไม่เยอะนั้น ก็คิดว่าเขาไม่น่า จะฝากอะไรเยอะ ยังไงก็ไม่เหมือนเขาที่ฝากห้าล้าน แน่นอน

ผ่านไปไม่นาน ผู้จัดการจัดการธุระของเขาเสร็จ แล้ว ก็มาที่ห้องรับรอง เมื่อเห็นรพีพงษ์แล้ว แล้วรีบเจ้า ไปจับมืออย่างรวดเร็ว

“คุณรพี ให้คุณรอนานไปแล้ว” ผู้จัดการกล่าว

ปวิธเห็นเหตุการณ์นี้ ตาก็กลมโตทันที ในใจคิด ตนเองจะฝากเงินห้าล้าน แต่รพีพงษ์พึ่งความสัมพันธ์ ของญาติเข้ามา แต่ผู้จัดการกลับไปจับมือกับรพีพงษ์แต่ ไม่หาตนเอง ชั่งไม่รู้จักอันไหนสำคัญไม่สำคัญเอาเสีย เลย

เขาตั้งใจไอออกมาสองครั้ง เพื่อให้ผู้จัดการมาจับ มือเขาเช่นกัน

ผู้จัดการได้ยินปวิธไอ ก็หันไปมองเขา ด้วยความ สงสัย
“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณเจ็บคอหรอครับ?” ผู้จัดการ

ถาม

ปวิธเห็นผู้จัดการไม่มาจับมือเขา ในใจก็รู้สึกไม่ พอใจขึ้นมา แล้วพูดออกไปตรงๆว่า “ไม่เป็นไร รอให้คุณ จับมือผมอยู่หนะ”

ผู้จัดการหุบยิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าแค่จับมือก็ไม่ต้อง หรอกครับ ตอนนี้ผมต้องรีบทำธุรกรรมให้กับคุณรพีก่อน คุณรอที่นี่ก่อนล่ะกัน รอให้ผมทำให้คุณรพีเสร็จแล้วจะ กลับมาหาคุณ”

ปวิธโมโหขึ้นมาทันใด แล้วตะคอก “แก หมายความว่าไง ผมมาก่อนแท้ๆ ทำไมต้องทำให้เขา ก่อน แล้ววันนี้ผมก็จะฝากเงินกับพวกคุณที่นี่ตั้งห้าล้าน นะ ถ้าคุณชักช้ากับผม ผมจะไปฝากที่ธนาคารอื่น”

“ขอโทษครับคุณผู้ชาย ที่นี่คุณรพีมีสิทธิ์ที่สูง ที่สุดได้ก่อนใครเสมอ ไม่ใช่ว่าคุณมาก่อนแล้วจะได้” ผู้ จัดการอธิบาย

ปวิธชักตา คิดว่ารพีพงษ์ที่พึ่งความสัมพันธ์ของ ญาตินั้นจะได้สิทธิ์มากขนาดนี้ ยังได้สิทธิ์ก่อนใครอีก

รพีพงษ์เห็นปวิธไม่พอใจ ก็ยิ้มพลางกล่าว “ให้ เขามาด้วยกันก็ได้ เขามาก่อน ก็ทำให้เขาก่อน”

ผู้จัดการเห็นรพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ทำได้เพียงพยัก หน้า

ปวิธรู้สึกกีขึ้นมานิดนึง แล้วกล่าว “จำไว้ ผมนี่สิ เป็นลูกค้าคนสำคัญของพวกคุณ เขาก็แค่พึ่งความสัมพันธ์ของญาติเข้ามา พวกแกต้องแยกให้ออกว่าอัน ไหนสำคัญไม่สำคัญ

ผู้จัดการแปลกใจ ไม่รู้ว่าปวิธพูดอะไร

รพีพงษ์แสดงท่าทางให้เขาเห็นว่าอย่าไปใส่ใจ เรื่องพวกนี้ ผู้จัดการจึงได้หันหลังกลับพาทั้งคู่ไปทำ ธุรกรรม

เมื่อถึงห้องทำงาน รพีพงษ์ให้ผู้จัดการฝากเงินให้ กับปวิธก่อน ผู้จัดการก็ไม่กล้าเชื่องช้า รีบนำเงินห้าล้าน ที่อยู่ในบัตรธนาคารของปวิธฝากที่ธนาคารของพวกเขา ฝากไว้ช่วงเวลาหนึ่ง ผู้จัดการให้เกียรติกับรพีพงษ์ จึงได้ ให้ดอกเบี้ยที่สูงที่สุดกับปวิธ

“ผมทำในแบบฝากเงินแล้วได้ดอกเบี้ยสูงที่สุด ของธนาคารเรากับคุณ ห้าล้านในหนึ่งปี เบ็ดเสร็จแล้วจะ ได้ดอกเบี้ยอยู่ที่สองแสนกว่า” ผู้จัดการกล่าว

“รู้กาละเทศะ ผมเป็นลูกค้าคนสำคัญของพวกคุณ คุณให้ดอกเบี้ยสูงที่สุดก็เหมาะสมแล้ว เห็นแก่คุณ ผมจะ ไม่ร้องเรียนคุณแล้ว” ปวิธพูดอย่างมั่นใจ

ผู้จัดการรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลูกค้าแบบ ปวิธนี้ ที่ธนาคารของเขาก็มีไม่น้อย เพราะเจ้าของบริษัท ที่ค่อนข้างใหญ่ขึ้นมาหน่อยมักจะมาทำธุรกรรมที่นี่ รายการห้าล้านที่อยู่ในมือของผู้จัดการ ถือว่าไม่เยอะเลย

แต่ท่าทีที่รพีพงษ์มีต่อปวิธนั้นถือว่าค่อนข้างโอเค ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยกล้าพูดอะไรมากมาย ปวิธยืนข้างจากเก้าอี้ แล้วหันไปที่รพีพงษ์ กล่าว”รพีพงษ์ ผมทำเสร็จแล้ว คุณมาทำต่อเถอะ ความจริง ตามที่ผมพูดไว้แหละ คุณไปทำที่เคาน์เตอร์ก็ได้แล้ว ทำไมต้องมาตรงนี้ให้มันเหนื่อย คุณไปทำที่เคาน์เตอร์ เกรงว่าตอนนี้คงจะฝากเสร็จแล้วแหละ”

รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “กลัวก็แต่เคาน์เตอร์จะ ทำธุรกรรมนี้ของผมไม่ได้นะสิ ดังนั้นไม่มาตรงนี้ไม่ได้”

“ทำไม หรือคุณคิดว่าคุณเหมือนผมหรอ จะฝาก ห้าล้านหรอ? อย่ามาตลก ชื่อเสียงของคุณผมก็รู้อยู่” เกรงว่าตอนนี้คุณยังเกาะภรรยากินอยู่หนะ ไม่จำเป็น ต้องทำให้ตัวเองดูดี เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้ เหนื่อย ใช้ ชีวิตอยู่บนความจริงดีกว่า” ปวิธเสมือนตนเองเป็นครูที่ ปรึกษาอย่างไรอย่างนั้น

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วก็นั่งลงตรงหน้าของผู้จัดการ

ผู้จัดการมองไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “คุณรพี ไม่ ทราบว่าคุณจะทำธุรกรรมอะไรบ้าง?”

“ผมอยากฝากเงินในนามของภรรยาผม” รพีพงษ์ กล่าว

“ฝากเท่าไหร่ครับ?” ผู้จัดการถาม

“ฝากก่อนร้อยล้านล่ะกัน ถ้ามากกว่ามากกว่านี้ กลัวว่าธนาคารจะทำให้ไม่ได้” รพีพงษ์กล่าว

เมื่อปวิธได้ยินรพีพงษ์พูด ตาก็ลุกวาว แล้วพูด อย่างตกใจ “คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณฝากเงินเท่าไหร่ นะ?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท