พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่227 กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย

บทที่227 กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย

บทที่227 กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย

ชิตวรตะลึงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จ้องไปที่รพีพงษ์แล้วไม่ พูดอะไรอยู่นาน

ถึงแม้จะไร้เงาวรมันของสำนักบูโด แต่จากคำพูดของรพี ะ พงษ์นั้นสามารถรับรู้ได้ว่า วรมันได้แพ้รพีพงษ์แล้ว ตอนนี้น่า จะกำลังหนีไปแล้ว

สุดท้าย คนของตระกูลลัดดาวัลย์ ที่โดนไล่ออกไปนั้น รพี

พงษ์ก็ยังมีสายเลือดของตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ ความเก่งกาจ ของเขา คนธรรมดาอย่างพวกเขาไม่มีทางจินตนาการได้ อย่างแน่นอน

“คุณชาย ดูๆแล้วผมคงจะดูถูกคุณเกินไป ขอโทษครับ” ชิต วรกล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร ฉันเคยชินไปแล้ว ตอนที่ อยู่เมืองริเวอร์ คนพวกนั้นไม่เห็นฉันอยู่ในสายตายิ่งกว่า” ตรีภพที่นอนกองอยู่กับพื้นกัดฟัน แล้วกล่าว “รพีพงษ์ มึงร้า ยกาจจริงๆ แม้แต่ถิรมันของสำนักบูโดก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของมึง แต่ไม่ว่าจะยังไง ถึงก็โดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว

ไม่มีตระกูลลัดดาวัลย์คุ้มกะลาหัว มึงก็เป็นได้แค่คนธรรมดา

ที่มีฝีมือเท่านั้น แต่ของกูมีลูกน้องมากมายคอยสนับสนุนอยู่!”

“แม้วันนี้กูจะจัดการชิตวรไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ยังมี แต่มึงไม่ สามารถปกป้องชิตวรได้ทุกวันหรอก ยังช้าก็เร็วกูจะให้ชิตวร ลิ้มรสของความเจ็บปวด!”

รพีพงษ์จ้องไปที่ตรีภพ แล้วกล่าว “ถ้ามึงยังพูดแบบนี้ล่ะก็งั้นกูก็ตัดไฟเสียแต่ต้นลมเลยล่ะกัน”

ตรีภพหัวเราะเสียงดัง แล้วกล่าว “ตัดไฟเสียแต่ต้นลม? ถึง จะจัดการกูยังไง? รพีพงษ์ ถึงมันไอ้สวะที่ถูกไล่ออกจาก ตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว ถึงแค่คนเดียว มากสุดก็แค่ต่อยกหนึ่ง ยก อยากจะเก็บกู แม้แต่ชิตวรยังไม่กล้าพูดประโยคนี้เลย แล้วมึงกล้าดีมาจากไหน?”

รพีพงษ์บึนปาก แต่ไหนแต่ไรเขาไม่รู้สึกว่าการที่จัดการใคร สักคนเป็นเรื่องยากเลย ถึงแม้จะมีเขาแค่คนเดียว ก็ยัง สามารถทำได้

ความคิดของตรีภพถูกจำกัดไว้แค่ในอดีตเท่านั้น ความ อดทนอดกลั้นของรพีพงษ์ในช่วงหลายปีมานี้ ต่างจากเมื่อ ก่อนเป็นอย่างมาก การฆ่าฟันเป็นเรื่องพริบตาเดียวเท่านั้น อยากจะกำจัดใครสักคน ก็แค่จัดการกับชีวิตของมันก็ได้แล้ว

“คุณชาย ตรีภพพูดไว้ไม่มีผิด เขายังมีลูกน้องมากมาย อยากกำจัดเขาเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย แต่คุณชายวางใจได้ วัน นี้คุณช่วยผมจัดการมัน วันข้างหน้าผมไม่มีทางให้มันได้มี โอกาสเข้ามาที่นี่ได้ตามอำเถอใจ” ติชวรกล่าว

รพีพงษ์จ้องไปที่ตรีภพ แล้วกล่าว “ไม่จำเป็น เขาจะไม่มีวัน ข้างหน้าอีกต่อไป”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกจริงๆเลยหวะ แกไอ้เด็กกำพร้าชั่งหัวลั้นจริงๆ นั้น กูก็อยากรู้ แค่ถึงคนเดียว จะจัดการกูได้ยังไง ต่อยกูหรอ? หรือจะฆ่ากหรอ? หรือถึงจะพึ่งตระกูลลัดดาวัลย์? ตระกูลลัด ดาวัลย์กำจัดกได้จริงๆ แต่ถึงถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดา วัลย์แล้ว ตื่นเถอะ ถึงก็แค่ไอ้เด็กกำพร้าของตระกูลลัดดาวัลย์ เท่านั้น ถึงไม่มีปัญญากำจัดกูได้หรอก!”
ตรีภพไม่หวาดหวั่น มั่นใจว่ารพีพงษ์ไม่มีปัญญามากพอที่จะ จัดการเขาได้ แล้วทุกคนในเกียวโตก็รู้เรื่องที่รพีพงษ์โดนไล่ ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องเป็น กังวล

หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้เสร็จแล้ว รถโฟร์คสวาเกนสีดำ ค้นหนึ่งได้จอดอยู่ตรงประตูของjanhao ktv จากนั้นก็มีคนใส่ ชุดสูทสีดำทั้งตัวลงมาจากรถ เป็นผู้ชายสวมแว่นกรอบสีดำ

ชายคนนั้นมองไปที่รพีพงษ์ แล้วรีบเดินไป

หลังจากที่ชิตวรเห็นชายคนนั้นแล้ว ก็หน้าถอดสี แล้วกล่าว “นภาดล ทำไมเขามาที่นี่? คุณชาย นภาดลนี้เป็นการ์ดข้าง กายติดตามของแม่ของคุณชาย เขามาทางคุณหรือเปล่า คุณจะ….”

รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วกล่าว “ไม่ต้องกังวล เขามารับฉัน”

ชิตวรชะงัก ไม่คาดคิดว่าคนของตระกูลลัดดาวัลย์จะมารับ รพีพงษ์ ถ้าแบบนี้ รพีพงษ์ดีกับตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว?

ถ้าเป็นความจริงล่ะก็ งั้นคำพูดที่ตรีภพพูดเมื่อกี้ ก็เหมือน กับหาที่ตายให้ตัวเองแล้วแท้ๆ ตอนนี้ก็รอแค่ให้เขาโดนเก็บก็ เท่านั้น

เขาเยาะเย้ยไปที่ตรีภพ รู้สึกว่าวันนี้โชคดีมาก ไม่แน่อาจจะ ยืมมือรพีพงษ์ มาเก็บตรีภพซะ ตรีภพก็มองไป หลังจากเห็นว่าเป็นนภาดลแล้ว ก็ชะงักไป

ครู่ เขาเดาว่าเพราะนภาดลได้ยินว่ารพีพงษ์กลับมาเกียวโต

ดังนั้นจึงมาเพื่อฆ่าเขา แล้วมองไปที่รพีพงษ์อย่างเยาะเย้ย

“รพีพงษ์ มึงหยุดพูดว่าจะจัดการกูได้ล่ะ กูว่าวันี้มีงน่าจะลำบากล่ะ เห็นคนนั้นที่เดินเข้ามาไหม นั้นคือการ์ดของ ตระกูลลัดดาวัลย์ เขามาจัดการมึงแน่นอน ถึงรีบหนีไปเถอะ!” ตรีภพเหยียดหยาม

รพีพงษ์ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ในขณะนี้นภาดลเดินมาตรง หน้าของรพิพงษ์ คำนับเขา แล้วกล่าว คุณชาย ผมมาช้าไป”

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “มาช้าไปหน่อยจริงๆ ถ้าแกมาเร็ว กว่านี้สักหน่อย ฉันก็ไม่ต้องลงมือเองแล้ว”

เมื่อนภาดลได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ก็ชะงัก เมื่อกี้เขาก็ได้ สังเกตการณ์ที่นี่แล้ว ในใจก็พอจะเดาได้บ้าง แล้วถาม “คุณชายประสบปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ? บอกผมได้ เดี๋ยว ผมช่วยคุณจัดการ”

เมื่อตรีภพได้ยินนภาดลเรียกรพีพงษ์ว่าคุณชายก็งงงวยขึ้น มาทันที เขามองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง แล้วพูดไปที่ นภาดล “พี่ดน ไอ้รพืพงษ์นี้ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ แล้วไม่ใช่หรอ ทำไมคุณยังเรียกเขาว่าคุณชายอยู่อีกล่ะ มัน เป็นไอ้กำพร้าของตระกูลลัดดาวัลย์นะ”

เมื่อนภาดลได้ยินคำพูดของตรีภพแล้ว ไม่ต่อความยาวสาว ความยืด ก็ถีบลงไปที่หน้าเขาโดยตรง แล้วกล่าว “พูดมากไร้ สาระ หาที่ตาย!”

“คุณชาย เมื่อกี้มันล่วงละเมิดท่าน ท่านจะจัดการมันยัง ไง?” นภาดลหันไปมองรพีพงษ์

“เก็บมันซะ” รพีพงษ์พูดสั้นๆสามคำ

“ครับ! หลังจากวันนี้ไป เกียวโตจะมีคนนี้อยู่อีกต่อไป” นภา ดลตอบรับทันที
จากนั้นเขาก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วโทรออก

“คุณคือชิตวรใช่ไหม เดี่ยวอีกแป๊ปคนของตระกูลัดดาวัลย์ จะมาถึง คุณเฝ้ามันอยู่ที่นี่หน่อยล่ะกันนะ ตอนนี้ผมต้องไปส่ง คุณชายกลับบ้านก่อน” นภาดลมองไปที่ชิตวร

ซิตวรพยักหน้า แล้วกล่าว “ไม่มีปัญหา! มีผมดูมันอยู่ตรงนี้ เขาหนีไปไหนไม่ได้แน่!

“ถ้ามีโอกาสเจอกันใหม่” รพีพงษ์หันไปมองชิตวร ยิ้มให้เขา แล้วเดินไปที่รถโฟร์คสวาเกน นภาดลรีบเดินตามไป

ตรีภพสิ้นหวัง แล้วพูดออกมา “รพีพงษ์ ผมผิดไปแล้ว คุณ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมจะไม่พูดมั่วๆแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”

ชิตวรถีบไปที่หน้าของตรีภพ แล้วยิ้ม “ตรีภพ ถึงรนหาที่ ตายเอง ถึงคงเข้าใจหลักธรรมนี้นะ เสียดาย หลักธรรมง่ายๆ แบบนี้ ต้องแลกกับชีวิตของแก ตอนนี้ไม่ว่าแกจะขอร้องใคร ก็ไม่มีใครช่วยแกได้”

คฤหาสน์ใหญ่ตะกูลลัดดาวัลย์ตั้งอยู่ที่เจริญรุ่งเรืองในเขต ตะวันตกของเกียวโต เนื้อที่ประมาณห้าหมู่ คฤหาสน์หลังนี้ ได้ยินมาว่าเป็นตำหนักอ่องโบราณแห่งหนึ่ง ต่อมาตระกูลลัด ดาวัลย์ได้ซื้อไว้ แล้วเปลี่ยนออกมาเป็นอย่างในปัจจุบัน

คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้เก็บรักษาตำหนักอ๋อง โบราณนั้นไว้ด้วย เพียงแค่ปรับแต่งเพิ่มเติมในส่วนของ โครงสร้างเท่านั้น กังนั้นคฤหาสน์หลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ในตอนนี้ยังคงมีกลิ่นอายโบราณอยู่

ถ้าทำตรงนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจจะต้องบูมมากแน่ๆ แต่ทว่าทุกคนก็รู้ นี่เป็นถิ่นของตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าใครกล้าบุกรุกเข้ามางั้นก็มี เพียงรอความตายได้เลย

รถโฟร์คสวาเกนจอดที่ประตูคฤหาสน์ใหญ่ลัดดาวัลย์ รพี พงษ์ลงมาจากรถ กำลังมองไปที่คฤหาสน์หลังนี้ที่เค้าได้ อาศัยตั้งแต่เด็กจนโต ในใจเต็มไปด้วยความหดหู

ยังจำได้ในตอนนั้นที่พ่อเขาชอบพาเขาไปนั่งอยู่บนดาดฟ้า ของคฤหาสน์เพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน เวลาผ่านไป ตระกูล ลัดดาวัลย์ได้ถูกเปลี่ยนถ่ายอำนาจ แต่พ่อของเขาไม่รู้ว่าไป อยู่มีไหนแล้ว

“คุณชาย คุณเข้าไปเองแล้วกัน ผมไปจอดรถ หัวหน้าวงศ์ ตระกูลได้กำชับไว้แล้ว คุณชายกลับมา ก็ไปหาเธอที่ห้อง ของเธอได้เลน แน่นอน ถ้าคุณชายยังไม่อยากเจอคุณท่าน ล่ะก็ สามารถเดินเล่นๆในบริเวณคฤหาสน์ เพื่อระลึกความ หลังก็ได้” นภาดลกล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม ในใจคิดวีธราอยากเอาอดีตมาทำให้ตนเอง ใจอ่อนหรอ เสียดาย หลายปีที่อยู่เมืองริเวอร์นั้น รพีพงษ์ได้ เปลี่ยนเป็นคนที่จิตใจแข็งกระด้างไปแล้ว ความอ่อนโยนของ เขา จะมีให้เพียงอารียาคนเดียวเท่านั้น

รพีพงษ์เดินตรงไปที่คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ทันใด นั้นความอัดอั้นที่อยู่ในตัวก็ระเบิดออกมา ความเกรี้ยวกราด ราวกับราชาที่เคยอยู่ในตัวเขาได้กลับมาอีกครั้ง ในขณะนี้ เขาไม่ใช่ไอ้สวะของเมืองริเวอร์อีกต่อไป และเขาก็จะไม่ทน อีกต่อไป

ตระกูลลัดดาวัลย์ กูรพีพงษ์กลับมาแล้วโว้ย!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท