พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 232 เนื่องจากระดับความสามารถเขาต่ำ

บทที่ 232 เนื่องจากระดับความสามารถเขาต่ำ

บทที่ 232 เนื่องจากระดับความสามารถเขาต่ำ

ทุกคนมองไปที่โทรศัพท์มือถือของรพีพงษ์ หลังจากที่มอง เห็นมือของญาธิปในวิดีโอ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตะลึง

“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการส่งสัญญาณนะ มีการสั่นอยู่ ตลอด มันไม่เหมือนปฏิกิริยาธรรมดาเลย”

“เฮ้ย ที่นวัสสัยสามารถเอาชนะญาดาได้ ก็เพราะได้การ ชี้แนะจากท่านอาจารย์ญาธิปเหรอ? ท่านอาจารย์ญาธิปคนที่ มีชื่อเสียงขนาดนี้ น่าจะไม่ทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงตัวเอง แบบนี้นะ?”

ญาธิปและนวัสสัยคิดไม่ถึงว่าการสื่อสารระหว่างทั้งสองคน จะถูกรพีพงษ์จับได้ และที่สำคัญยังถูกรพีพงษ์ถ่ายไว้บันทึก ไว้ในโทรศัพท์ ตอนนี้ถ้าหากทุกคนรู้ว่าพวกเขาชนะด้วยวิธี

นี้ ในอนาคตชื่อเสียงของญาธิปก็จะเสียหาย

ญาดาเดินไปตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วจ้องที่หน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นหันไปมองญาธิป และถามว่า: “ขอถามหน่อยนี่คือ อะไรคะ?”

ญาธิปทำเสียงห์ ใบหน้าดูเคร่งเครียด และคิดไม่ออกว่าจะ ควรอธิบายยังไงดี

ในตอนนี้นวัสสัยก็กลอกตาไปมา และรีบพูดว่า: “นี่เป็นโรค

ที่ซ่อนอยู่ในตัวอาจารย์ในช่วงปีแรกๆ ในช่วงปีนั้นนิ้วมือ

อาจารย์เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน ปกติแล้วนิ้วก็จะสั่นโดยไม่

ตั้งใจ รพีพงษ์ นายเอาเรื่องโรคของอาจารย์มาล้อเล่นเหรอแบบนี้มันเกินไปหรือเปล่า?”

เมื่อทุกคนได้ยิน ก็คิดว่ามีความเป็นไปได้เล็กน้อย เนื่องจากพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าญาธิปจะทำอะไรที่น่าขาย ชื่อเสียงตัวเอง

“ก็ใช่ๆ รพีพงษ์เกินไปแล้ว เอาเรื่องแบบนี้ของท่านอาจารย์ มาล้อเล่น สมควรที่จะตาย”

“ฉันว่าเขาน่าจะอิจฉานวัสสัย จงใจจับผิดมากกว่า”

รพีพงษ์คิดอยู่แล้วว่าท่าทางของทุกคนต้องเป็นแบบนี้ ดัง นั้นเขาจึงยิ้ม จากนั้นก็พูดว่า: “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือน ว่าฉันจะเข้าใจท่านอาจารย์ญาธิปผิดไป แต่ฉันก็ยังค่อนข้าง สงสัยในความสามารถของลูกศิษย์ท่านอาจารย์ญาธิป ระดับ ความสามารถอย่างนาย ไม่มีทางที่จะชนะญาดาได้”

นวัสสัยหรี่ตามอง แล้วพูดอย่างเย็นชา: “ทำไมล่ะ? นายจะ หาเรื่องให้ได้ใช่มั้ย?”

“ก็ไม่ได้จะหาเรื่อง เพียงแค่สงสัยเอง ถ้าหากญาดาแต่งกับ นาย ฉันคิดว่าอีกหน่อยเธอคงจะเสียใจ ไม่ว่ายังไงฉันก็ถือว่า เป็นพี่ชายเธอ คงไม่สามารถผลักเธอลงไปในหลุมไฟได้”รพี พงษ์กล่าว

“รพีพงษ์ นายเป็นเชี้ยอะไร ถึงกล้ามาสงสัยฉัน? นายไม่ พอใจ ก็มาแข่งสักเกมกับฉัน ถ้านายสามารถเอาชนะฉันได้ วันนี้ฉันก็จะไม่ขอญาดาแต่งงาน นายกล้ามั้ย?”นวัสสัย ตะโกนใส่รพีพงษ์

“มีความคิดที่เช่นนี้เหมือน”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เขาก็ต้องการจะแข่งขันกับนวัสสัยหนึ่งเกมอยู่แล้ว เพื่อให้ญาดาได้รู้ถึงระดับความสามารถที่แท้จริงของนวัสสัย มี เพียงวิธีนี้เท่านั้น ทุกคนถึงจะเชื่อ ไม่เช่นนั้นไม่ว่าเขาจะพูด ยังไง ทุกคนก็ไม่เชื่อ

เมื่อญาดาได้ยินรพีพงษ์พูดว่าตัวเองเป็นพี่ชายของเธอ

หัวใจของเธอก็กระตุก แม้ว่าเธอจะไม่อยากยอมรับ แต่นี่เป็น

ความจริงที่เธอต้องยอมรับ

นวัสสัยเห็นว่ารพีพงษ์ตอบตกลง ก็ส่งเสียตะโกนอย่างเย็น ชา จัดการเก็บกระดานหมากรุกบนโต๊ะให้ดี และนั่งลงอีก ครั้ง

เดิมทีรพีพงษ์ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย ในความคิด ของเขา อยากจะเอาชนะรพีพงษ์ เป็นเรื่องที่ใช้เวลาเพียงไม่ กี่นาที

รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล เดินไป นั่งตรงข้ามกับนวัสสัย

เมื่อทุกคนเห็นว่ารพีพงษ์กล้าที่จะแข่งขันกับนวัสสัยจริงๆ บนใบหน้าของพวกเขาสายตาก็แสดงถึงการดูถูก ในสายตา ของพวกเขา รพีพงษ์เป็นเพียงเศษสวะที่ถูกขับไล่ออกจาก บ้าน แม้ว่าเขาจะเคยเรียนรู้หมากล้อมมาบ้าง แต่เขาก็ไม่ สามารถเทียบกับนวัสสัยลูกศิษย์ของญาธิปได้

“ไอ้เศษสวะนี่ยังกล้าท้าทายลูกศิษย์ท่านอาจารย์ญาธิป ตลกสิ้นดี เขาก็ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเอง เลย คงจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ”

“ดูเหมือนว่ารพีพงษ์ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์อย่าง ไม่มีเหตุผลด้วย ระดับสติปัญญาของเขา คงจะอยู่ที่ไหนได้ ไม่นาน”
“อันที่จริงฉันชอบการแข่งขันแบบนี้ดี รพีพงษ์ก็อวดเก่ง ขนาดนี้ ฉันจะรอดูเขาโดนตบหน้า”

ญาธิปจ้องมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด จากนั้น พูดกับนวัสสัย: “ถ้าวันนี้นายไม่สามารถเอาชนะเขาได้ นับแต่ นี้ไปอย่าบอกว่าเป็นลูกศิษย์ของฉันญาธิป”

เมื่อกี้การกระทำของเขาและนวัสสัยเกือบถูกจับได้ ถ้า หากว่าถูกเปิดเผยจริงๆ หลังจากนี้ชื่อเสียงในแวดวงของ หมากล้อมคงจะเสียหายหมด ยังดีที่ปฏิกิริยาของนวัสสัยไว ไม่อย่างนั้นวันนี้คงจะแย่มาก

ดังนั้นตอนนี้เขาก็ไม่พอใจรพีพงษ์มาก อยากจะเห็นรพีพงษ์

พ่ายแพ้อยู่ใต้เงื้อมมือของลูกศิษย์ตัวเอง ไม่ว่าจะยังไง ไปเป็นไม่ได้ที่ลูกศิษย์ของเขาจะสู้รพีพงษ์ ลูกชายที่ถูกตระกูลลัดดาวัลย์ทอดทิ้งไม่ได้ ถ้าเขาแพ้ นั้นก็

หมายความว่าระดับความสามารถของเขาเองมีปัญหา

รพีพงษ์เดินหมากดำก่อน ท่าทีของนวัสสัยเต็มไปด้วยความ ดูถูกเหยียดหยาม รพีพงษ์ไม่ได้อยู่ในสายตาเลย

รพีพงษ์เหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า: “ถ้านายยัง คงมีท่าทีเช่นนี้ นานอาจจะแพ้อีกในไม่ช้า”

“อย่ามาโอ้อวด ระดับความสามารถอย่างนาย ต่อให้ฉัน หลับตาเล่นก็ชนะได้!”นวัสสัยกล่าวด้วยความเหยียดหยาม รพีพงษ์ก็ไม่ได้พูดอะไร เริ่มเล่นหมากรุกอยากจริงจัง การเล่นหมากรุกก็เหมือนกับการต่อสู้การต่อสู้ มันไม่ใช่แค่การทดสอบทักษะการเล่นหมากรุกเท่านั้น แต่ยังเป็นการ ทดสอบนิสัยส่วนตัวด้วย ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะอยู่ในระดับใดก็ตาม ก็จะต้องได้เล่นด้วยอย่างจริงจัง

แม้แต่ผู้เล่นที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังเป็นไปได้ที่จะย้อนกลับมา

ฆ่า ดังนั้นในการเล่น ต้องปรับความคิดของตัวเองให้ดีใน

ระหว่างเกม

ยิ่งคู่ต่อสู้ที่มีบุคลิกภาพการทำตัวแบบนวัสสัย ก็เป็นสิ่ง ต้องห้ามทำในการเล่นหมากล้อม แม้ว่าเขาจะมีทักษะการเล่น หมากรุกที่ดีที่สุดก็ตาม แต่ถ้าบุคลิกภาพไม่ดี ยังคงเป็นเรื่อง ยากที่จะไปถึงระดับดั้งมืออาชีพได้ยาก

แม้แต่รางวัลชนะเลิศที่เขาได้มา ก็ได้มาจากการพึ่งพา

ญาธิป ห้านาทีต่อมา ทุกคนที่อยู่ในที่นี้รู้สึกได้แล้วว่านวัสสัยตกอยู่ ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แต่มีเพียงนวัสสัยที่ยังไม่ได้สติ โดยยังคงคิดว่าเขาสามารถเอาชนะรพีพงษ์ได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่ญาธิปเห็นความประมาทของนวัสสัย ก็ขมวดคิ้ว ขึ้นมา และต้องการส่งสัญญาณชี้นำให้นวัสสัยอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหากนวัสสัยแพ้ ชื่อเสียงของเขาก็จะเสียหาย ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ญาดาเห็นว่ามือของญาธิปสั่นอีกครั้ง และเธอกลอกตาไป มา แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อในสิ่งที่รพีพงษ์พูด แต่เธอก็ยังคงชื่น ชมญาธิปอยู่ แต่ก็เห็นว่ามือของญาธิปสั่นก็ต่อเมื่อตอนที่ นวัสสัยแข่งขันเท่านั้น ในใจก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ

ดังนั้นเธอเลยเดินไปที่ข้างๆญาธิป แล้วจงใจปิดบังมือของญาธิปไว้โดยเฉพาะ

จนถึงในเวลานี้ นวัสสัยถึงค่อยรู้ตัว ว่าเขาทำผิดพลาด เหมือนกับเมื่อกี้ ขั้นตอนการเดินหมากของรพีพงษ์ เหมือนกับ ของญาดาทั้งหมด

นวัสสัยไม่พอใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ลูกที่ถูกตระกูล ทอดทิ้ง ทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้

เขาไม่อยากแพ้ ดังนั้นจึงขอความช่วยเหลือจากญาธิป แต่เมื่อตอนที่เขาเหลือบมองไปที่ญาธิป ก็พบว่าญาดาไป บดบังมือของญาธิปไว้พอดี

ตอนนี้เขาก็ตื่นตระหนกจริงๆ และหากไม่มีความช่วยเหลือ จากญาธิป เขาจะไม่มีวันเอาชนะรพีพงษ์ได้ สถานการณ์ที่เขากำลังเจอในครั้งล่าสุดนั้นเหมือนกับตอน

นี้เลย แต่เขาก็เอาแต่สนใจแค่ชัยชนะเท่านั้น เลยจำไม่ได้ว่า

ญาธิปพลิกเกมให้มีชีวิตยังไง รพีพงษ์จ้องมองไปที่นวัสสัยแล้วขำ แล้วพูด: ” รู้สึกมั้ยว่า เกมนี้มันคุ้นๆนะ ไม่รู้ว่ารอบนี้นายจะสามารถชนะได้หรือ เปล่า”

“ฉันอยากชนะนายมันไม่ง่าย นายอยากมาอวดเก่งใส่ฉันที่ นี่ ฉันมีวิธีเป็นร้อยๆวิธีที่ทำให้นายแพ้ได้!”ถึงขนาดนี้แล้วนวัส สัย ยังคิดว่าตัวเองจะสามารถชนะรพีพงษ์ได้

ผู้คนรอบข้างก็คิดเช่นเดียวกัน พวกเขาทุกคนมองออก ความคล้ายคลึงกันระหว่างเกมนี้กับเกมก่อนหน้า และรู้สึกว่า นวัสสัยสามารถเอาชนะเกมก่อนหน้านั้นได้ และเกมนี้ก็ สามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน
“เกมนี้เหมือนกับเกมก่อนหน้าเลย นวัสสัยชนะอย่าง แน่นอน เขาน่าจะเก่งในวิธีการประหารชีวิตด้วยวิธีนี้ รพีพงษ์ ได้เห็นเกมก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้ยังกล้าเล่นกับแบบนี้กับ นวัสสัย ครั้งนี้เขาแพ้อย่างแน่นอน”

“พูดถูกแล้ว เหมือนกันทุกอย่าง นวัสสัยคงจะคิดหาวิธีอะไร เล็กน้อย ก็สามารถพลิกเกมได้”

นวัสสัยได้ยินคนรอบข้างพูดคุย สีหน้าก็เต็มไปด้วยความ กังวล ถ้าหากว่าเป็นญาธิป สามารถพลิกเกมตานี้ได้อย่าง แน่นอน แต่ระดับความสามารถอย่างเขายังไงก็ไม่พอ

เขาก็ยังไม่เข้าใจ ว่ารพีพงษ์ทำไมถึงมีระดับความสามารถ ที่สูงขนาดนี้ ถึงขนาดที่ว่าสามารถใช้วิธีเดียวกันกับญาดา

ถ้าหากเขารู้ว่าเกมนี้รพีพงษ์จงใจทำให้เขากลายเป็นแบบนี้ การพัฒนาของทั้งกระดานหมากรุก ขึ้นอยู่กับการควบคุม ทั้งหมดของรพีพงษ์ เขาก็คงตะลึงจนตาค้างแน่นอน

พรสวรรค์ในการเล่นหมากล้อมของรพีพงษ์ แสดงออกมา ตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆที่เขาแสดงออกมาให้ญาดาเห็น ก็น่าจะ ตามทันความสามารถระดับของอาจารย์แล้ว

เพียงแต่ว่าญาดายังเด็กเกินไป เลยรู้เพียงแต่ว่ารพีพงษ์เก่ง แต่ไม่รู้ว่ารพีพงษ์เก่งขนาดไหน ตอนนี้เติบโตแล้ว ในสมองก็ คิดแต่ว่าตอนนั้นตัวเองยังเด็กมากเกินไป ดังนั้นเลยคิดว่ารพี พงษ์เก่ง

อันที่จริงถ้าหากตอนนี้ให้เธอไปแข่งสักเกมกับรพีพงษ์ใน

เมื่อก่อน ก็ไม่รู้ว่าเธอจะชนะได้หรือไม่ ญาดาเฝ้าดูรพีพงษ์ทำให้เข้าสู่เหมือนกับเกมรอบก่อนหน้านี้ทีละขั้นตอน แล้วก็ค่อยๆขมวดคิ้ว

เธออยากจะรู้ว่าถ้าเกมเป็นเหมือนสถานการณ์เดียวกัน ไม่ อย่างนั้นก็คือโชคดี เจอกับเหตุการณ์เรื่องเล็กน้อย ไม่ก็คือ พวกเขาทั้งสองมีใครคนหนึ่งที่ทักษะหมากรุกที่ดีสามารถ ควบคุมการเปลี่ยนแปลงของบนกระดานได้

เห็นได้ชัดว่านวัสสัยไม่มีความสามารถนี่

หรือว่าจะเป็นไปได้ไหมว่า ว่ารพีพงษ์เป็นดั้งมืออาชีพหมาก ล้อม?

ญาดาไม่รู้เลยว่า ที่รพีพงษ์ทำให้เกมตรงหน้าเป็นเช่นนี้ เพื่อ ต้องการสอนให้เธอรู้ว่าจะชนะเกมนี้ได้อย่างไร

นวัสสัยกัดฟันแล้วนึกไปถึงรายละเอียดเกมก่อนหน้านั้น แทบจะไม่สามารถเผชิญหน้าต่อไปกับรพีพงษ์ได้อีก

ในช่วงเวลาช้าๆ ทุกคนคิดว่านวัสสัยจะพลิกเกมให้ฟื้น คืนชีพได้อีกครั้ง สีหน้าที่กังวลของญาธิปก็ผ่อนคลายลง

มาก

อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเอง รพีพงษ์วางเม็ดหมากรุกลง และปิดล้อมทางรอดของนวัสสัยหมดเลย และยิ่งไปกว่านั้น นวัสสัยก็ไม่มีความหวังที่จะรอดชีวิต

ทุกคนก็ตกตะลึง พวกเขาคิดไม่ถึงเลย หมากรุกเกมนี้จะจบ ลงรวดเร็วขนาดนี้ ที่สำคัญเป็นวิธีการที่ฆ่าได้สะอาด เรียบร้อย ตามความคิดของคนทั่วไปจะคิดไม่ถึงเรื่องนี้เลย

ช่วงเวลาที่ญาดาเห็นรพีพงษ์วางหมาก ก็รู้สึกว่าร่างกาย ของตัวเองแข็งที่อ และมีแสงสว่างจ้าปรากฏขึ้นในจิตใจ ราวกับการตรัสรู้ของพระเจ้า และความสงสัยมากมายในใจ ก็คลี่คลาย

ที่แท้หมากล้อมก็สามารถลงหมากแบบนี้ได้? หน้าอกของ ญาดาขยับขึ้นลง ในใจก็ตื่นเต้น

แต่ใบหน้าของนวัสสัยซีดเซียวลง ดวงตาทั้งสองข้างจ้อง มองไปที่กระดานหมากรุกบอกโต๊ะ อย่างไม่น่าเชื่อ เขาก็แพ้ แบบนี้เลยเหรอ

ญาธิปเห็นว่านวัสสัยแพ้ให้กับการแข่งขันครั้งนี้ ก็กัดฟัน ด้วยความโกรธ แล้วด่า: “แกนี่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี แม้แต่มัน ก็เอาชนะไม่ได้ อีกหน่อยอย่าบอกนะว่าเป็นลูกศิษย์ของฉัน ญาธิป!”

“แต่ฉันกลับรู้สึกว่าไม่ควรไปโทษเขา เนื่องจากระดับความ สามารถของเขาต่ำ แล้วคุณก็ไม่ได้สอนเขาดีๆ แพ้ก็เป็นเรื่อง ปกติ”รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แกพูดจาเหลวไหลอะไรของแก ฉันสอนนักเรียน ก็สอน อย่างพิถีพิถัน สติปัญญาของเขาโง่เอง ไม่สามารถเรียนรู้ได้ เกี่ยวอะไรกับฉัน”ญาธิปกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ รพีพงษ์ยิ้ม แล้วพูด: “พูดแบบนี้แสดงว่าระดับความสามารถ

ของท่านอาจารย์ญาธิปอยู่สูง ไม่รู้ว่าจะกล้าแข่งขันกับคนที่

ทุกคนเรียกว่าไอ้เศษสวะหรือเปล่า?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท