พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 239 สู้แล้วก็จะรู้เอง

บทที่ 239 สู้แล้วก็จะรู้เอง

บทที่ 239 สู้แล้วก็จะรู้เอง

ทุกคนตกตะลึงจ้องมองไปที่รพีพงษ์ขณะที่เดินออกจาก คุก ดวงตาแทบจะหลุดออกมา

โดยเฉพาะผู้ชายที่อ้างตัวว่าเป็นหัวขโมยอันดับหนึ่งใน เกียวโต เขาอ้าปากค้าง สิ่งที่ยังพูดไม่จบชาตินี้ก็คงไม่กล้า พูดออกมา

ประดิพุทธิ์จ้องไปที่ประตูคุกที่เปิดอยู่ด้วยใบหน้าที่ตก ตะลึง และในตอนนี้ไม่รู้ว่าจะใช้อะไรมาอธิบายกับรพีพงษ์ ดี

พวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน และได้ลองใช้วิธีการ ต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถปลดล็อกกุญแจได้ ดังนั้นในที่สุด ทุกคนก็รู้สึกว่าไม่สามารถปลดล็อกกุญแจประตูนี้ได้ ผู้ท นอกจากจะต้องใช้ลูกกุญแจ และไม่สามารถใช้สิ่งอื่นใดมา เปิดได้

แต่ในวันแรกที่รพีพงษ์เข้ามาอยู่ที่ กลับใช้เข็มกลัดเล็กๆ เปิดออกได้ทั้งที่หัวขโมยอันดับ หนึ่งในเกียวโตไม่สามารถ ปลดล็อกกุญแจได้

ตามคาดได้รับการยกย่องจากประดิพุทธิ์ว่าเป็นผู้ชายที่ เทพเจ้า

ประดิพุทธิ์รีบเดินตามรพีพงษ์ออกมา พูดด้วยรอยยิ้ม: “พี่รพี ไปกับพี่ยังไงก็ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ผมถูกขังไว้ที่นี่

สามเดือนแล้ว แต่วันแรกที่พี่มาถึงที่นี่ ก็สามารถพาผมออก ไปจากที่นี่ได้” รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไรสำหรับเขาต้องการล็อกกุญแจ แบบนี้ ก็ถือได้ว่าไม่อะไร ตอนเด็กๆเขาก็เป็นคนที่ทำกล่อง

สมบัติ กลไกการล็อกขนาดเล็กแบบนี้ สำหรับเขาแล้วก็

เหมือนกับเป็นของเล่น

ชายที่อ้างตัวว่าเป็นขโมยก็รีบออกไปตามประดิพุทธิ์ โดยยังคงยิ้มและพูดว่า: “พี่ใหญ่ พี่เป็นผู้มีพระคุณของพวก เราจริงๆ พวกเราออกไปจากที่นี่วันนี้ ถึงเวลาจะตอบแทน น้ำใจอันยิ่งใหญ่ของพี่อย่างแน่นอน”

เมื่อเห็นสิ่งนี้รพีพงษ์ ก็เตะเขากลับไป จากนั้นก็ใส่กุญแจ ล็อกคืนกลับไปอีกครั้ง

คนในคุกมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความหดหู่ คิดไม่ถึงว่าเขา จะไม่คิดจะพาพวกเขาออกไปด้วย

“ขอโทษทุกๆท่านด้วยนะ พวกคุณถูกจับมาขังไว้ที่นี่ ก็ เพราะว่ามีความแค้นกับหอการค้าสมน. ฉันไม่สามารถ ปล่อยพวกคุณแทนพวกเขาได้ ดังนั้นถ้าพวกคุณอยาก ออกไป ก็ใช้ความสามารถของตัวเองแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ รพีพงษ์ก็หันกลับมาและเดินออกไป

เมื่อประดิพุทธิ์เห็นสิ่งนี้ ก็ยิ้มให้กับคนในคุก แล้วพูด ว่า: “ทุกคน มีโอกาสค่อยเจอกันใหม่!”

จากนั้นเขาก็รีบตามรพีพงษ์
เขาและผู้คนในคุกเพิ่งพบกัน และคนพวกนี้กลัวหมัดของ เขา ก็เรียกเขาว่าพี่ใหญ่ เขาไม่จำเป็นต้องถือว่าคนพวกนี้ เป็นพี่น้อง

สามารถเป็นพี่น้องกับเขาประดิพุทธิ์ได้ ก็มีเพียงแค่รพี พงษ์คนเดียวเท่านั้น

รพีพงษ์และประดิพุทธิ์ทั้งสองเดินมาถึงประตูใหญ่ของ คุก ยังมีกุญแจล็อกอยู่ตรงนั้น รพีพงษ์ก็ใช้เข็มกลัดปลด ล็อกอีกครั้ง หลังจากออกไป ก็พบว่าที่แท้นี้คุกอยู่ห้อง ใต้ดิน

และประตูที่จะออกไป ก็เป็นบันไดเดินขึ้นไปบนพื้น ทั้ง สองคนขึ้นบันไดไป แล้วไปโผล่บนลานจอดรถใต้ดิน

รพีพงษ์มองสำรวจไปรอบๆ ถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ที่นี่น่า จะเป็นสำนักงานใหญ่ของหอการค้าสมน. ลานจอดรถ ของอาคารTY

“พี่รพี ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”ประดิพุทธิ์ถาม

“ออกไปจากที่นี่ก่อน ถ้าหากเดาไม่ผิดล่ะก็ คนของหอ การค้าสมน.ต้องจ้องมองทางออกนี้อยู่ตลอดเวลายี่สิบสี่ ชั่วโมงแน่นอน ตอนนี้เราออกมาจากที่นี่ พวกเขาก็คงจะ รู้ตัวแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

ทันทีที่คำพูดของเขาจบลง หลายคนในเครื่องแบบรักษา ความปลอดภัยในมือถือกระบองอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ลาน จอดรถและรีบวิ่งพุ่งเข้าหาทั้งสองคน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ประดิพุทธิ์ ก็ยิ้มแล้วพูด: “พี่รพีไม่ต้องกังวล ก็แค่นักเลงกระจอกๆ สำหรับเราแล้ว ไม่มีภัยอะไร”

เมื่อพูดจบ ประดิพุทธิ์ก็รีบพุ่งไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัย

เขาถูกรพีพงษ์ทุบตีจนแข็งแกร่งตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยใช้ อาวุธในการต่อสู้ใช้แต่หมัดต่อสู้กับผู้คนอย่างหนัก ดังนั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถือกระบองรีบเร่งพุ่ง เข้าไป

ฤทธิ์ยาของรพีพงษ์ยังหายไปไม่หมด ถ้าหากลงมือใน เวลานี้ ทำให้เรี่ยวแรงของเขาใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว ถ้า หากหลังจากนี้เจอปัญหาใดๆ มันจะค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ห้ามประดิพุทธิ์ไว้ และปล่อยให้เขาพุ่งออก ไป

ไม่พูดไม่ได้ ว่าความแข็งแกร่งของประดิพุทธิ์ไม่ควรถูก มองข้ามจริงๆ จากที่รพีพงษ์ประเมินดู ระดับความ แข็งแกร่งของประดิพุทธิ์น่าจะอยู่ถึงในระดับของเขาใน ตอนนั้นก่อนที่จะพบกับโอกาสหนึ่งนั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะโอกาส ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ก็คงจะ เท่ากับรพีพงษ์ตอนนี้

ในเวลาไม่ถึงห้านาที รพีพงษ์ก็จัดการกับเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัยทั้งหมดที่วิ่งพุ่งมาได้ เขาหันหน้ามองไปที่ รพีพงษ์อย่างภูมิใจ และโอ้อวดว่า: “พี่รพี เป็นยังไงบ้าง ความแข็งแกร่งของผมก็ไม่ได้แย่ไปกว่าของพี่ใช่มั้ย ใน

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมพยายามมากเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง เพื่อที่วันหนึ่งผมจะเป็นมือขวาของพี่ ได้”

“ความแข็งแกร่งของนายพัฒนาขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบกับ ฉันก็ยังห่างไกลอีกมาก นายอย่าเพิ่งอวดเพราะเรื่องนี้ เลย” รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ประดิพุทธิ์รู้สึกว่ารพีพงษ์จงใจที่จะพูดแบบนี้ เนื่องจาก ในความทรงจำของประดิพุทธิ์ ในตอนนั้นระดับของรพี พงษ์ก็สูงเท่านี้ รพีพงษ์น่าจะกลัวว่าตัวเองจะเสียหน้า ดัง นั้นจึงพูดเช่นนี้

“พี่รพี ผมรู้ว่าพี่อายที่จะยอมรับ แต่ว่าไม่เป็นไร ต่อให้ ความแข็งแกร่งของผมจะอยู่เหนือกว่าพี่ ผมก็ยังจะยอมรับ พี่เป็นพี่ใหญ่ของผมคนเดียว”ประดิพุทธิ์กล่าวอย่าง จริงจัง

รพีพงษ์ยิ้ม แล้วก็ไม่เถียงอะไรต่อ และเดินออกจากลาน จอดรถ

ประดิพุทธิ์ก็รีบตามไป ก็คิดในใจว่ารพีพงษ์คงจะว่าตัว เองพูดถูกแล้ว ก็เลยไม่สนใจเขา

ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินออกจากที่จอดรถ มีร่างหนึ่ง ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสองคน และขวางทางพวกเขาสอง คน

“พวกแกสองคนหนึ่งคนทำให้ประธานของเราบาดเจ็บ อีกคนก็ฆ่าลูกสาวของประธานพวกเรา พวกแกก็อย่าออกจากที่ไปได้ง่ายๆเลย นอกจากนี้ก็ยังไม่เอาหอการค้า สมน.ของฉันอยู่ในสายตาอีกมากเกินไปแล้ว”

ประดิพุทธิ์หรี่ตามองชายคนนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยน ไป และเขาก็พูดว่า: “พี่รพี เรารีบหนีไปทางนี้เถอะ ชายคน นี้เป็นบอดี้การ์ดของประธานหอการค้าสมน, ชื่อของเขาคือ กรฤทธ์ ครั้งก่อนผมก็ถูกเขาจับกลับมาเอง ความ แข็งแกร่งของเขาสุดยอดมาก ผมรู้สึกว่าต่อให้เราทั้งคู่ร่วม มือกัน ก็คงจะสู้เขาไม่ได้”

กรฤทธ์ก็แสดงสีหน้าแสยะยิ้มออกมา แล้วพูด: “ดูเหมือน ว่าแกน่าจะรู้ความแข็งแกร่งของตัวเองดีเช่นเดียวกัน ไอ้ เศษขยะอย่างพวกแก ก็จริงที่ว่าร่วมมือกันทั้งสองก็ไม่ใช่คู่ ต่อสู้ของฉัน”

รพีพงษ์หรี่ตามองไปที่กรฤทธ์ แล้วถาม: “ก็มีเพียงแค่แก คนเดียวเหรอ?”

“ทำไม หรือแกคิดว่าฉันจับขยะอย่างพวกแกยังต้องใช้ คนจำนวนมากเหรอ? ฉันคนเดียว ก็พอแล้ว”กรฤทธ์เต็มไป ด้วยความมั่นใจ

เขาเป็นบอดี้การ์ดของประธานหอการค้าสมน. ความ แข็งแกร่งก็สุดยอดมาก ครั้งนี้ประธานออกไปทำธุระ หอ การค้าสมน.ทั้งหมดต้องฟังเขา เมื่อวานตระกูลลัดดาวัลย์ ส่งมอบตัวรพีพงษ์ให้เขา เขาต้องการให้ประธานมาจัดการ รพีพงษ์ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงนำตัวรพีพงษ์ไปขังไว้ก่อน

แต่คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์กลับพาตัวเองหนีออกมาได้ และ

ยังพาประดิพุทธิ์ออกมาด้วยคนหนึ่ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้รับการท้าทาย

ดังนั้นวันนี้ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่ปล่อยรพีพงษ์และประดิพุ ทธิ์ทั้งสองคนนี้ไปแน่ ต่อให้ต้องฆ่าพวกเขาสองคน

ประธานก็ไม่ว่าอะไร

เมื่อตอนรพีพงษ์ได้ยินว่ากรฤทธ์มาเพียงคนเดียว เขาก็ สบายใจขึ้นมา จากนั้นก็อธิบาย: “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่า ลูกสาวประธานของพวกแก นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ลูกสาว ประธานของพวกแกยังไม่ตาย ยังอยู่ในมือของตระกูลลัด ดาวัลย์ พวกเขาให้ฉันมาเป็นแพะรับบาป เพื่อที่ใครบางคน จะได้ตัวลูกสาวของประธานของพวกแก”

เมื่อหลังจากกรฤทธ์ได้ยินคำพูดรพีพงษ์ ก็หัวเราะเยาะ แล้วพูด: “แกคิดว่าฉันจะสนใจเหรอว่าเรื่องมันเป็นยังไง? ลูกสาวประธานใช่แกฆ่าหรือเปล่ามันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉัน แค่ต้องการเอาใจประธานด้วยการส่งมอบตัวแก หรือว่า เพราะคำพูดไม่กี่คำของแกฉันก็ต้อง ตรวจสอบเรื่องนี้ ของ ตระกูลลัดดาวัลย์อย่างถี่ถ้วนเหรอ? เลิกพูดเล่นสักทีเถอะ นั่นคือลูกสาวประธาน ไม่ใช่ลูกสาวของฉัน ฉันก็ไม่อยาก หาเรื่องให้กับตัวเอง”

รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วทันที คิดไม่ถึงว่ากรฤทธ์จะเป็นคนเห็น แก่ตัวขนาดนี้ ที่สำคัญฟังจากน้ำเสียงของเขา ก็รู้ว่าเรื่องนี้ มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากเสีย เวลาไปสนใจเรื่องนี้

“ดูเหมือนว่าหอการค้าสมน.จะเลี้ยงคนอกตัญญูไว้ด้วยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของลูกสาวของเขา แต่ แกกลับไม่ใส่ใจเลย ไม่รู้ว่าถ้าประธานพวกแกรู้เรื่องนี้จะ คิดยังไง?”รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา

“เรื่องนี้ประธานของพวกเราไม่มีทางรู้แน่นอน ผ่านวันนี้ ไป พวกแกก็กลายเป็นคนตายแล้ว ที่สำคัญประธานก็คิด ว่าแกฆ่าลูกสาวของเขา แกตาย เรื่องก็ถือว่าจบลง”กรฤทธ์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไงซะบอกแกไว้เลย ฉันรู้ว่าลูกสาว ประธานยังไม่ตาย ที่สำคัญก็รู้ด้วยว่าเธออยู่ที่ไหน แกคิด ว่าตระกูลลัดดาวัลย์กล้าทำแบบนี้ ทุกคนในหอการค้า สมน.ถูกอาคมเหรอ ประธานถึงเชื่อ?”

รพีพงษ์ก็ตกตะลึง ความหมายกรฤทธ์นั้นชัดเจนมาก เหตุการณ์ของตระกูลลัดดาวัลย์ พวกเขาก็ร่วมด้วย

“ประธานพวกแกก็ตาบอดจริงๆ ที่เลี้ยงคนกอบโกยผล ประโยชน์เข้าหาตัวเองแบบแกไว้”รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงที่ เย็นชา ตอนนี้สำหรับเขาใครที่สมรู้ร่วมคิดกับวีธราก็เป็น ศัตรูหมด

ประดิพุทธิ์เห็นว่ารพีพงษ์พูดเรื่องนี้กับกรฤทธ์ขึ้นมา ใน ใจรู้สึกกังวล และพูดอย่างรวดเร็วว่า: “พี่รพี ไอ้กรฤทธ์คนนี้ มีปัญหาจริงๆด้วย แต่ว่าตอนนี้ไม่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้นะ ความแข็งแกร่งของเขาสุดยอดมากก็จริง เรารีบหนีกันดี กว่า”

รพีพงษ์หรี่ตาแล้วมองกรฤทธ์ พูดอย่างเย็นชา: “ก็แค่ หมาที่กอบโกยแต่ผลประโยชน์เอง จะเก่งสักแค่ไหนกัน ที่สำคัญมีแค่เขาคนเดียว เราไม่มีความจำเป็นต้องไปกลัว”

กรฤทธ์ตะคอก และพูดว่า: “แกยังคิดว่าจะหนีออกมา จากคุกได้ ก็ถือว่ามีความสามารถล่ะเหรอ? ถ้าหากว่าฉัน จำไม่ผิด แกก็เป็นเพียงไอ้เศษสวะที่ถูกขับไล่ออกจาก ตระกูลลัดดาวัลย์ แกก็มีสิทธิ์ที่จะท้าทายอยู่ฉันที่นี่เห รอ?”

“มีสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์ สู้กันแล้วก็จะรู้เอง”รพีพงษ์ตะคอกอย่าง เย็นชา

สีหน้ากรฤทธิ์เต็มไปดูความดูถูก แล้วก็ไม่ได้มองรพีพงษ์

เลย

ประดิพุทธิ์กังวลจนจะเป็นบ้าแล้ว เขาก็คิดไม่ถึงว่ารพี พงษ์จะสู้กับกรฤทธ์ จากที่เขาดูแล้ว ก็เท่ากับรนหาที่ตาย

แต่ตอนนี้อยากจะหนีดูแล้วน่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เนื่องจากรพีพงษ์จะลงมือกับกรฤทธ์ อย่างนั้นเขาก็ไม่กลัว ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต วันนี้เขาก็รับรองได้ว่าสามารถให้ รพีพงษ์หนีออกจากที่นี่

“พี่รพี เดี๋ยวผมจะจับตัวเขาไว้ พี่ก็หาโอกาสหนีไป เรา ตราบใดที่ยังมีชีวิตย่อมต้องมีหวัง อีกหน่อยพี่ก็แก้แค้น แทนผมด้วยก็พอ” ประดิพุทธิ์กล่าว

รพีพงษ์ยิ้ม ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กล่าวด้วยรอย ยิ้ม: “นายยืมดูเฉยๆอยู่ข้างๆก่อนก็พอแล้ว ฉันคนเดียวสู้กับ เขาเอง ฉันก็บอกนายแล้วว่าความแข็งแกร่งของนายยัง

ห่างไกลจากฉันอยู่ คือไม่ได้พูดเล่นๆนะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท