พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 265 เอาคืน100เท่า

บทที่ 265 เอาคืน100เท่า

บทที่ 265 เอาคืน100เท่า

หลังจากที่อารียากับรพีพงษ์กอดกันอยู่ครู่ใหญ่ รพีพงษ์ผละออกจากเธอ แล้วบอกให้เธอนอนพักบน เตียง

“คุณนอนพักผ่อนสักหน่อยเถอะ ผมจะไปต้มซุป ให้คุณทาน” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

อารียาพยักหน้าแล้วนอนพักผ่อนบนเตียงอย่าง

ว่าง่าย

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์สังเกตเห็นว่าใบหน้าของ อารียาบวมเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วแล้วยื่นมือไปลูบ

“หน้าคุณเป็นอะไร” สีหน้าของอารียาแสดงความน้อยใจออกมา “วัน นี้โดนคนที่ชื่อจักรพันธ์ตบหน้า”

ความโกรธก่อตัวขึ้นในใจของรพีพงษ์ หลังจาก ที่เขาลูบใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา จึงพูดออกมา ว่า “มันกล้าตบภรรยาของผม ผมจะเอาคืนมันร้อย

เท่า”

ตอนนี้จักรพันธ์อยู่ในมือของธฤตญาณ อาจ กล่าวได้ว่าจักรพันธ์จะอยู่หรือตายขึ้นอยู่กับคำสั่งของรพีพงษ์

รพีพงษ์เข้าไปหยิบไข่ในห้องครัวมาประคบ ใบหน้าของอารียา จากนั้นจึงไปต้มซุปให้เธอ

ศศินัดดาเห็นรพีพงษ์ออกมา ก็รีบวิ่งตามหลังเขา มาทันที เธอเอาแต่ถามไม่หยุด “แกทำอะไรลูกสาว ฉัน แกแตะต้องตัวเธอแล้วใช่ไหม รพีพงษ์ ไอ้เลว แก ทำอย่างนี้เป็นการทำลายชีวิตของอารียาเลยนะ!”

“ผมทำให้เธอมีความสุข” รพีพงษ์พูดพลางต้ม ซุปไปพลาง

“แกเอาความสุขที่ไหนมาให้เธอ รีบตื่นเถอะ แก ไม่ใช่ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว แกมันก็แค่ ลูกที่โดนไล่ออกจากบ้าน คนอย่างแก่ไม่มีอนาคต หรอก!” ศศินัดดาเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์หันมามองศศินัดดาแล้วพูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา “ถึงผมโดนที่บ้านไล่ออกมาแล้วมันยังไงเหรอ นี่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการที่ผมจะทำให้อารียามี ความสุข สิ่งที่ผมมีในตอนนี้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่า ตระกูลลัดดาวัลย์”

“อวดดี ไม่พูดอวดดีแกจะตายไหม ขนาดเงินไม่ กี่ล้านแกยังหาไม่ได้ ยังจะกล้าพูดว่าสิ่งที่ตัวเองมีก็ ไม่น้อยไปกว่าตระกูลลัดดาวัลย์ แกไปส่องกระจก ชะโงกดูเงาตัวเองบ้างนะ!” ศศินัดดาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ก็แค่เงินไม่กี่ล้าน พรุ่งนี้ผมจะไปถอนเงินมาให้ คุณ แต่ถ้าผมให้เงินคุณ คุณรับประกันได้ไหมว่าจะ ไม่มาก้าวก่ายเรื่องระหว่างผมกับอารีอีก” ,

เมื่อศศินัดดาเห็นว่ารพีพงษ์พูดเช่นนั้น ตาของ เธอก็เป็นประกาย “ขอแค่แกให้เงินฉันมาสามล้าน ต่อจากนี้ฉันจะไม่ก้าวก่ายเรื่องระหว่างแกกับอารีอีก”

“ได้ คำไหนคำนั้น พรุ่งนี้ผมจะเอาเงินมาให้คุณ สามล้าน” รพีพงษ์พูด

“ฉันต้องการเงินสด ถ้าไม่เห็นเงิน ถึงแม้อารีจะ ไม่ยอม ฉันก็จะไล่แกออกจากบ้านให้ได้” ศศินัดดา เอ่ยขึ้น

ถึงแม้ว่าในบ้านของศศินัดดาจะมีวัตถุโบราณที่ มีมูลค่าร้อยล้านขึ้นไป แต่เมื่อรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้เป็น ทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ ศศินัดดาจึงไม่กล้า คิดถึงวัตถุโบราณพวกนั้นอีก

มีโศกนาฏกรรมของครอบครัวชรินทร์ทิพย์ให้ เห็นแล้ว ถึงจะตีเธอให้ตาย ตอนนี้เธอก็ไม่กล้าเอา วัตถุโบราณพวกนั้นไปขาย

เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอไม่มีเงินอยู่ในมือ มีเพียง เครื่องประดับที่รพีพงษ์ซื้อให้ก่อนหน้านี้
นี่คือเหตุผลที่เธออยากได้เงินสด ถึงแม้การโอน เงินให้ในมือถือมันก็เหมือนกัน แต่จำนวนเงินสามล้า มที่เป็นตัวเลขกับเงินสดสามล้านมันให้อารมณ์ที่ แตกต่างกัน

อีกอย่างศศินัดดากลัวว่ารพีพงษ์จะใช้ตัวเลข ปลอมหลอกเธอ เพราะเธอไม่เก่งเรื่องการใช้มือถือ

หลังจากที่รพีพงษ์ตอบตกลง ศศินัดดาจึงไม่ เซ้าซี้เขาอีก

รพีพงษ์ต้มซุปให้อารียาต่อไป ขณะนั้นเองประตู คฤหาสน์เปิดออก ชนิสราเดินเข้ามาด้วยใบหน้า ซีดเซียว

“พี่สา กลับมาแล้วเหรอ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ชนิสราหันไปหารพีพงษ์ เธออึ้งแล้วพูดออกมา ด้วยความตกใจว่า “รพีพงษ์ กลับมาแล้วเหรอ”

รพีพงษ์ยิ้มและพยักหน้า “กลับมาวันนี้ครับ กำลังต้มซุปให้อารียา”

ชนิสรารีบวางของในมือลงแล้วเอ่ยขึ้นว่า “มา

เดี๋ยวฉันทำเอง คุณไปพักผ่อนเถอะ”

“ไม่ต้องหรอก แต่ต้มซุปเอง ผมทำเองได้” รพี พงษ์เอ่ยขึ้น “พี่สา ดูสีหน้าพี่ไม่ดีเลยนะ ช่วงนี้เจอ เรื่องอะไรมาหรือเปล่า ผมได้ยินอารีบอกว่าพี่ออกไปแต่เช้ากลับมาอีกทีก็ค่ำแล้ว”

ชนิสรามีสีหน้าลำบากใจ เธอเอ่ยออกมาว่า “มะ ไม่มีอะไร พอดีมีญาติมาหาที่บ้านน่ะ กลางวันฉันต้อง ออกไปหาพวกเขา ถ้าคุณคิดว่ามันกระทษกับงานที่ บ้าน พรุ่งนี้ฉันจะบอกให้พวกเขากลับไป”

“ไม่ต้องหรอก ในเมื่อมีญาติมาหา สองสามวันนี้ พี่ไม่ต้องทำงานก็ได้ ผมให้พี่ลาหยุดสักสองสามวัน พี่ไปต้อนรับพวกเขาเถอะ ถ้าไม่ได้จริงๆ พี่พาพวก เขามาที่บ้านก็ได้” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ชนิสรารีบส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ พรุ่งนี้ พวกเขาน่าจะกลับ”

หลังจากพูดจบไม่รู้ทำไมชนิสราจึงถอนหายใจ ออกมา

รพีพงษ์รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เมื่อ คิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของชนิสรา เขาจึงไม่ถาม อะไรออกไปอีก

หลังจากที่ต้มซุปเสร็จ รพีพงษ์รีบยกไปให้อารี ยาดื่ม จากนั้นก็นวดให้เธอ จนทำให้เธอผ่อนคลาย และหลับไป

เช้าวันต่อมา ศศินัดดาวิ่งมาเคาะประตูห้องรพี พงษ์ ตะโกนให้เขารีบออกไปถอนเงินที่ธนาคาร
รพีพงษ์อาบน้ำและทานข้าวเสร็จ จึงออกไปข้าง

นอก

นอกจากวันนี้เขาจะไปถอนเงินที่ธนาคารยังมี เรื่องสำคัญที่เขาต้องจัดการ นั่นก็คือการสั่งสอนไอ้ จักรพันธ์

มันกล้าลงมือกับอารียา นี่เป็นสิ่งที่เขายอมไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจักรพันธ์กับวีธราร่วมมือกันทำร้ายเขา ความแค้นครั้งนี้เขาต้องชำระ

รพีพงษ์ขับรถมาถึงสถานบันเทิงสตาร์กาย เขา เดินเข้าไปข้างในทันที ลูกน้องของธฤตญาณ ทักทายรพีพงษ์ด้วยท่าทางนอบน้อม

ธฤตญาณเดินออกมาจากข้างใน เมื่อเห็นรพี พงษ์เขาจึงยิ้มแหยๆ ออกมา “ยังดีที่เมื่อวานพี่มาทัน ไม่งั้นตอนนี้พวกเราคงไปเข้าเฝ้ายมบาลแล้ว”

รพีพงษ์หัวเราะ “แผลบนตัวไม่สาหัสใช่ไหม ไตรทศเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่สาหัสครับ ไตรทศหนักกว่าผมนิดหน่อย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล แต่อาการปลอดภัยแล้ว

ครับ” ธฤตญาณตอบ

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

“นี่มันยิ่งกว่าตอนที่ผมอยู่เมืองกรีนโคล ตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะใกล้ชิดกับตระกูลลัดดา วัลย์และคนของหอการค้าสมน” ธฤตญาณพูดด้วย น้ำเสียงหดหู

รพีพงษ์หัวเราะ “หลังจากนี้เรื่องแบบนี้จะยิ่งเยอะ ขึ้น ทางที่ดีนายเตรียมใจไว้เถอะ”

เรื่องครั้งนี้ทำให้รพีพงษ์รู้ถึงข้อจำกัดของสถาน ที่เล็กๆ ถึงตอนนี้เขาจะเป็นผู้ควบคุมเมืองริเวอร์ แต่ ทว่ากำลังของที่นี่เทียบไม่ได้กับเกียวโต

ถ้ารพีพงษ์อยากทำให้เมืองริเวอร์เป็นแหล่งทำ เงินที่มั่นคง สิ่งแรกที่ต้องทำ คือต้องยกระดับพละ กำลังของพวกธฤตญาณ

เขากำลังคิดอยู่ว่าจะทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้ อย่างไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นเขาจึง ไม่รีบร้อน

ธฤตญาณไม่ได้กลัวกับสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมา เพราะหลังจากที่เขาตัดสินใจเข้ามาพัวพันกับรพี พงษ์ เขาได้มอบชีวิตให้เขาไปโดยปริยาย

“พาฉันไปหาจักรพันธ์หน่อย ครั้งนี้ต้องคิดบัญชี ให้สาสม” รพีพงษ์พูด

ธฤตญาณพยักหน้า แล้วพารพีพงษ์เข้าไปใน

ห้องที่อยู่ข้างใน
ประตูห้องถูกเปิดออก ภายในห้องมีเพียงความ มืด จักรพันธ์นอนอยู่บนเตียงไม้ ในห้องนี้นอกจาก เตียงก็ไม่มีอะไรอีก

มือของจักรพันธ์ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ เขาไม่ได้มี ความสามารถอะไร เมื่อโดนล่ามไว้แบบนี้ ไม่มีความ เป็นไปได้ที่เขาจะหนีออกไป

จักรพันธ์เห็นประตูห้องเปิดออก เขารีบลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องรพีพงษ์เขม็ง “รพีพงษ์ แกรีบปล่อยฉันเลย นะ ฉันจะบอกแกไว้ ฉันคือทายาทของตระกูลลัดดา วัลย์ ไม่ว่ายังไงแกก็ไม่สามารถฆ่าฉันได้หรอก ถ้า เกิดฉันเป็นอะไรไป ตระกูลลัดดาวัลย์ต้องพังเมืองริ เวอร์ให้ราบเป็นหน้ากลอง เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนต้อง ซวยเพราะแก!”

รพีพงษ์มองจักรพันธ์ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้น เขาจึงเดินเข้าไปตรงหน้าจักรพันธ์ เขายกมือตบลง ไปบนใบหน้าของจักรพันธ์ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ทันใดนั้นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของ จักรพันธ์ ใบหน้าข้างที่โดนตบบวมเป่ง

“ไอ้เลว แกกล้าตบฉันเหรอ ฉันจะให้แม่มาฆ่าแก แม่เป็นหัวหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่เห็นคนในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์อยู่ในสายตาหรอก!” จักรพันธ์ ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง
รพีพงษ์หัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าเทียบกับเกียวโต เมืองริเวอร์ก็แค่เมืองเล็กๆ แต่แกอย่าคิดว่าจะทำ อะไรคนในเมืองเล็กๆ ได้นะ แกกล้าตบใบหน้าอัน งดงามของภรรยาฉัน แกว่าฉันจะปล่อยแกไว้เหรอ”

“แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำไมจะตบไม่ได้ ฉันไม่ฆ่า มันก็บุญแล้ว!” จักรพันธ์ยังพูดอย่างหยิ่งยโส

เพียะ!

เขาตบลงไปอีกหนึ่งครั้ง หน้าของจักรพันธ์ชาไป ทั้งสองข้าง

“เมื่อวานฉันสัญญากับภรรยาว่า การที่แกตบเธอ ฉันจะเอาคืนร้อยเท่า สองครั้งนี่แค่เริ่มต้น ยังเหลือ อีก 98 ครั้ง ฉันจะไม่ให้ขาดตกไปแม้แต่ครั้งเดียว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท