พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 261 ไม่แน่อาจจะท้องแล้ว

บทที่ 261 ไม่แน่อาจจะท้องแล้ว

บทที่ 261 ไม่แน่อาจจะท้องแล้ว

ผู้คนภายในห้องอึ้งกับคำพูดของจารุณี ห้องที่เต็มไปด้วยเสียงดังโหวกเหวกของผู้คนกลับเงียบลงอย่างฉับพลัน

บรรยากาศอันครึกครื้นมลายหายไปเพราะการมาถึงของจารุณี

ทุกคนต่างหันไปมองจารุณี สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“คุณผู้หญิง เป็นคุณจริงๆ ใช่ไหมครับ ที่แท้คุณยังไม่ตาย ดีจังเลยครับ” ชายชราตะโกนออกมาก่อนใคร

“โอ๊ย ตาแก่นี่อยากให้ฉันตายจริงๆ ใช่ไหม” จารุณีมองบนใส่เขา

ชายแก่สีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความดีใจที่ไม่สามารถปิดเอาไว้ได้

รพีพงษ์มองจารุณีอย่างอึ้งๆ เช่นกัน คิดไม่ถึงว่าหล่อนกับประธานหอการค้าสมน.จะเป็นพ่อลูกกัน อย่าบอกนะว่าผู้หญิงที่เป็นหุ้นส่วนหอการค้าสมน.ที่จักรพันธ์กับวีธราลักพาตัวมาคือจารุณีอย่างนั้นเหรอ

ประธานหอการค้าสมน. มองไปยังจารุณีด้วยความตกตะลึง เขายื่นมือออกไปลูบใบหน้าของเธอ เมื่อแน่ใจแล้วว่านี่คือลูกสาวของตัวเอง น้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าตาจึงไหลพรั่งพรูออกมา

“นี ดีเหลือเกินที่ลูกปลอดภัย ช่วงที่ผ่านมาพ่อเจ็บปวดใจมาก พ่อนึกว่าจะไม่ได้เจอลูกอีกแล้ว แถมยังสาบานด้วยว่าจะเอาคนที่ทำร้ายลูกมาฆ่าให้ได้ ตอนนี้เมื่อเห็นว่าลูกปลอดภัยดีพ่อก็โล่งใจมากเลย” ประธานพูดด้วยความตื้นตัน

จารุณีถอยหลังไปสองสามก้าว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจผู้เป็นพ่อ “เหอะ ถ้าพ่อไม่ขังหนูให้อยู่แต่ที่บ้าน ไม่ยอมให้หนูออกมา หนูคงไม่หนีออกจากบ้านจนถูกไอ้เลวพวกนั้นจับตัวไปหรอก”

สีหน้าของประธานเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “นี พ่อผิดเอง พ่อสัญญาว่าต่อจากนี้จะไม่ขังลูกไว้อีกแล้ว สำหรับไอ้พวกเลวที่ลักพาตัวลูก พวกมันน่าจะอยู่ที่นี่ พ่อจะฆ่ามันแทนลูกเอง”

ขณะนั้นเองจักรพันธ์กลัวจนเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผาก ประธานไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ทำร้ายลูกสาวของเขา แต่จารุณีต้องรู้อย่างแน่นอน เขาจะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจารุณีจะหลุดจากเงื้อมมือของวีธราแล้วจะมาโผล่ที่นี่

เขากลืนน้ำลายลงคอ จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับไปตรงหน้าประตู

รพีพงษ์เห็นเช่นนั้น จึงเดินเข้าไปจับจักรพันธ์ เขาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “อยากไปตอนนี้ เกรงว่าคงจะไปทันแล้วล่ะ”

“รพีพงษ์ แกคิดจะทำอะไร ตอนนี้ลูกสาวของประธานกลับมาแล้ว ถึงแกจะมาเล่นลิ้นอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว แกจะมาจับฉันไว้ทำไม ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับฉันแล้ว ประธานจะลงโทษแก ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องอยู่ที่นี่อีก แกรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

จักรพันธ์ตะโกนใส่รพีพงษ์อย่างหัวชนฝา จากนั้นเขาจึงดึงมือของรพีพงษ์ออกแล้วรีบออกไปจากที่นี่

ประธานหันมาเห็นรพีพงษ์ ท่าทีของเขายังคงเย็นชา “รพีพงษ์ ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกสาวฉันจะไม่เป็นอะไร แต่ฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้หรอกนะ วันนี้คนที่เกี่ยวข้องกับนายทุกคน ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แกรีบปล่อยเขาเลยนะ อย่าคิดว่าเมื่อหลุดรอดสายตาของฉัน แล้วแกจะหาแพะรับบาปได้นะ!”

ชายชรากับคนของประธานหอการค้าสมน. ล้อมรพีพงษ์เอาไว้อีกครั้ง ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รพีพงษ์ ยอมรับความตายเสียดีๆ เถอะ”

จารุณีเห็นเช่นนั้น เธอร้อนใจขึ้นมา รีบวิ่งไปข้างหน้าชายชรา “ตาแก่นี่ โง่หรือเปล่า รพีพงษ์เป็นคนของฉัน ถ้านายกล้าแตะตัวเขา วันนี้ฉันกับนายไม่จบแน่”

ธีรศานติ์กับชายชราอึ้งไปอีกครั้ง ธีรศานติ์พูดว่า “นี ทำไมมันถึงเป็นคนของลูก มันเป็นตัวการในการลักพาตัวลูกนะ อย่าบอกนะว่าลูกไม่อยากให้พ่อลงโทษมัน?”

จารุณีถอนหายใจใส่ธีรศานติ์แล้วพูดว่า “รพีพงษ์ไม่ใช่คนที่ลักพาตัวหนู ทำไมหนูต้องมีพ่อที่โง่แบบนี้ด้วย คนที่ลักพาตัวหนูคือผู้หญิงสารเลวของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่เกี่ยวกับรพีพงษ์”

ตอนที่จารุณีถูกลักพาตัว เธอเห็นแค่วีธรา ไม่เห็นจักรพันธ์ เรื่องนี้วีธราจะต้องเป็นคนวางแผน บวกกับตอนนี้ใบหน้าของจักรพันธ์เขียวช้ำจนไม่เหลือเค้าเดิม จารุณีจึงไม่สนใจเขา

ทันใดนั้นสีหน้าของธีรศานติ์เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน โดนจารุณีด่าว่าโง่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ประธานหอการค้าสมน.ไม่มีความโกรธเลยสักนิด

“นี ลูกบอกว่าคนที่ลักพาตัวไปคือผู้หญิงของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่ใช่รพีพงษ์อย่างนั้นเหรอ” ธีรศานติ์เอ่ยขึ้น

“ใช่ คนที่เป็นหัวหน้าของตระกูลลัดดาวัลย์ในตอนนี้นั่นแหละ ดูสวยมากนะ แต่คิดไม่ถึงว่าจะโหดร้ายขนาดนี้” จารุณีเอ่ยขึ้นมา

“แต่ว่ารพีพงษ์ก็เป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์เหมือนกัน แถมยังเป็นลูกชายของหัวหน้าตระกูลลัดดาวัลย์ มันต้องสมรู้ร่วมคิดด้วยอยู่แล้ว” ธีรศานติ์พูดต่อ

รพีพงษ์เหลือบมองธีรศานติ์แล้วพูดว่า “ประธานน่าจะรู้เรื่องในปีนั้นที่ผมโดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ อีกอย่างคนของตระกูลลัดดาวัลย์พวกนี้ทำเพื่อใคร คุณไม่น่าจะดูไม่ออกนะ”

มีอะไรแวบเข้ามาในหัวของธีรศานติ์ ทันใดนั้นเขาจึงเข้าใจทันที ก่อนหน้านี้เขาเสียใจกับการที่ลูกสาวโดนฆ่า จึงไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด แต่ทว่าตอนนี้จารุณีกลับมาแล้ว เขาจึงใจเย็นลง บวกกับคำพูดของรพีพงษ์ เขาจึงเข้าใจทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ธีรศานติ์หันไปมองจักรพันธ์ แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไอ้ระยำ แกกล้าหลอกฉันเหรอ! ฉันจะสับแกเป็นหมื่นชิ้น!”

สีหน้าของจักรพันธ์เต็มไปด้วยความตึงเครียด เขาพูดออกมาว่า “ประธาน นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ คนร้ายคือรพีพงษ์ มันแอบวางแผนลักพาตัวลูกสาวของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับผมทั้งนั้น”

“แกเลิกพูดจามั่วๆ ได้แล้ว ช่วงนี้ฉันอยู่กับรพีพงษ์ตลอด ถ้าเขาคิดจะทำอะไรฉันจริงๆ เขาคงทำไปนานแล้ว เหอะ พูดแล้วก็โมโห ฉันเนี่ยยอมมอบกายให้เขาแต่เขาก็ไม่เอา” จารุณีพูดด้วยความหงุดหงิด

คนที่อยู่ตรงนั้นตลกกับคำพูดของจารุณี รพีพงษ์ทำหน้าเหนื่อยใจ แต่ว่าบรรยากาศจะตึงเครียดแค่ไหน ขอแค่มีจารุณีอยู่ ความตึงเครียดนั้นก็หายไป

จักรพันธ์รู้ว่าวันนี้เขาคงพูดกลับกลอกไม่ได้แล้ว สีหน้าของเขาแสดงความร้ายกาจออกมา “ถึงผมจะเป็นคนลักพาตัวไป แล้วมันยังไงเหรอครับ ผมเป็นทายาทของตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าพวกหอการค้าสมน.กล้าทำอะไรผม แม่ผมไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่!”

สีหน้าของธีรศานติ์ตึงเครียด เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ตระกูลลัดดาวัลย์แล้วไง วีธรามาแตะต้องตัวลูกสาวฉัน ฉันจะแตะตัวตัวลูกชายเขาไม่ได้หรือไง หอการค้าสมน. ไม่กลัวตระกูลลัดดาวัลย์หรอก”

เมื่อเขาพูดจบ ชายชราพาคนของหอการค้าสมน.มาจับตัวจักรพันธ์เอาไว้ ขณะที่กำลังจะพาจักรพันธ์ไปจัดการ

รพีพงษ์เดินขึ้นมาแล้วพูดว่า “ประธาน ส่งเขามาให้ผมเถอะครับ ความแค้นระหว่างผมกับเขา ก็จำเป็นต้องสะสางเหมือนกัน”

ธีรศานติ์ยังไม่ทันพูดอะไร จารุณีก็พูดขึ้นมาว่า “ยังจะยืนอึ้งอะไรอยู่อีก เอาไอ้หมอนี่ให้รพีพงษ์สิ ถ้าพ่อส่งเขามา หนูจะไม่กลับไปกับพ่ออีกแล้ว”

ธีรศานติ์ไม่มีทางเลือก จึงตอบตกลงรพีพงษ์

ในเวลานี้ถือว่าเป็นจุดจบของเรื่องนี้ ธฤตญาณลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วพาจักรพันธ์กลับสถานบันเทิงสตาร์กายตามคำสั่งของรพีพงษ์

ธีรศานติ์ให้ชายชราจัดการกับคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจุดจบของพวกมันจะเป็นอย่างไร

หลังจากที่จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย รพีพงษ์รีบเดินไปที่หน้าโซฟาแล้วแกะเชือกที่มัดอารียาออก เขาถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ผมทำให้คุณตกใจ”

อารียากอดรพีพงษ์ เธอเอาหน้าซบตรงไหล่ของเขาแล้วร้องไห้ออกมา

“ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอนายอีกแล้ว นายรู้ไหมว่าสองวันนี้ฉันเป็นยังไง ฉันกลัวว่าจะเสียนายไป ถ้าไม่มีนายแล้วฉันจะอยู่ยังไง” อารียาร้องไห้พลางพูดตำหนิ

รพีพงษ์ยื่นมือออกไปกอดเธอ เขาปวดใจมาก “ผมจะไม่จากคุณไปไหน พวกเรายังไม่มีลูกเลย แล้วผมจะตายได้อย่างไรกันล่ะ”

อารียากอดรพีพงษ์แน่น เธอกดใบหน้าแนบอก

ในเวลานี้ในห้องเหลือเพียงรพีพงษ์ อารียา จารุณีและธีรศานติ์สี่คน ธีรศานติ์มองรพีพงษ์และอารียา ในใจเต็มไปด้วยความหดหู่ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ยังดีที่ลูกมาทันนะ ไม่อย่างนั้นสามีภรรยาคู่นี้คงจะถูกพ่อแยกออกจากกัน”

จารุณีสีหน้าเต็มไปด้วยความริษยา เธอแบะปากแล้วพูดว่า “ให้พ่อแยกพวกเขาออกจากกันยังดีเสียกว่า”

ธีรศานติ์อึ้งไปแล้วพูดว่า “ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ อ้อ เมื่อกี้ลูกบอกว่ารพีพงษ์เป็นคนของลูก มันเกิดอะไรขึ้น”

“รพีพงษ์เป็นของหนู เรานอนเตียงเดียวกัน ในชีวิตของหนูยอมรับเขาแค่คนเดียว ไม่ได้การแล้ว หนูต้องแย่งชิงความสุขของหนู”

พูดจบ จารุณีรีบเดินเข้าไปข้างโซฟา มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าน้อยใจ “ฉันก็อยากกอดเหมือนกัน!”

ธีรศานติ์มองลูกสาวด้วยความตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าการที่ไม่ได้เจอลูกสาวเพียงระยะหนึ่ง ทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้

รพีพงษ์เห็นจารุณีเดินมา เรื่องใหญ่กำลังมาถึงแล้ว ขณะนั้นอารียาหยุดร้องพอดี เธอได้ยินเสียงของจารุณีจึงรีบหันไปมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย แววตาของเธอเหมือนกำลังสอบถามรพีพงษ์ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

สีหน้าของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความลำบากใจ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “เธอแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น ยัยเด็กนั่นยังเด็กมาก เลยไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ”

“ใครล้อเล่นกันล่ะ รพีพงษ์ ฉันเป็นคนที่เคยนอนเตียงเดียวกับนาย อย่าบอกนะว่านายจะไม่รับผิดชอบฉัน” จารุณีพูดด้วยความหงุดหงิด

สีหน้าของอารียาเปลี่ยนไป เธอผลักรพีพงษ์ออกจากตัวแล้วพูดด้วยความโมโห “รพีพงษ์ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

หลายปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่รพีพงษ์ตื่นตระหนก เขารีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ ผมกับเธอไม่ได้มีอะไรกัน”

“นายนอนเตียงเดียวกับเขาแล้วยังเรียกว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ รพีพงษ์ นะ นายตายไปเสียดีกว่า” อารียาร้อนใจจนจะร้องไห้ออกมาอีก

“นี่พี่สาว อย่าเพิ่งร้อนใจไป ถึงแม้ว่ารพีพงษ์ควรจะรับผิดชอบฉัน แต่ฉันจะไม่แยกพวกพี่ออกจากกันหรอกนะ จากนี้ไปเราจะรับใช้ไอ้เลวนี่ด้วยกัน ฉันรับรองว่าจะแบ่งเวลาของรพีพงษ์กับพี่อย่างเท่าเทียม” จารุณีพูดด้วยท่าทีแน่วแน่

ธีรศานติ์ก็เดินเข้ามาหารพีพงษ์ เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าตีงเครียด “รพีพงษ์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น แกมีภรรยาอยู่แล้วทำไมยังมามีอะไรกับลูกสาวฉันอีก ตอนแรกฉันนึกว่าฉันจะเข้าใจแกผิด ตอนนี้ดูเหมือนว่าแกก็ไม่ใช่คนดีอะไร!”

รพีพงษ์รีบเราเรื่องทั้งหมดออกมา เพื่อยืนยันว่าตัวเองกับจารุณีไม่ได้มีอะไรกัน ก็แค่ยัยเด็กคนนี้ดูละครมากจนอินกับละคร

หลังจากที่อารียาและธีรศานติ์ได้ฟังสิ่งที่รพีพงษ์อธิบาย สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่ายัยเด็กคนนี้จะคิดไปไกลขนาดนั้น

หลังจากที่อารียารู้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร เธอจึงโล่งอก แถมยังคิดว่ามันตลกมาก

ธีรศานติ์มีสีหน้าลำบากใจ เขารีบพูดขอโทษที่เข้าใจผิดรพีพงษ์

“หนูพูดผิดเหรอ ในละครเขาก็พูดแบบนี้ คนที่แต่งงานกันแล้วถึงจะนอนเตียงเดียวกันได้ แล้วก็ท้องได้ด้วย ไม่แน่หนูอาจจะท้องลูกของรพีพงษ์แล้วนะ!” จารุณีเห็นทั้งสามคนหัวเราะเธอ เธอจึงกระวนกระวายใจแล้วพูดออกไปด้วยความน้อยใจ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท