พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 485 หักหลัง

บทที่ 485 หักหลัง

บทที่ 485 หักหลัง

รพีพงษ์มองกลุ่มคนพวกญาดา ภายในใจก็เข้าใจว่าใครอยากจะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์แตกแยกล่ะ

เขาหรี่ตามองญาดาเพียงชั่วพริบตา ครั้งที่แล้วรพีพงษ์ได้แย่งอำนาจการควบคุมของตระกูลลัดดาวัลย์กลับไป ญาดายังคิดจะตีสนิทกับรพีพงษ์ ทว่าถูกรพีพงษ์ทำให้ไม่เห็นในสายตา นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ถูกกรุ๊ปKINจ้องจะหาเรื่อง ญาดากลับยังเป็นผู้นำที่อยากจะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์เกิดการแตกแยก ดูๆ แล้วตนเองดูลูกพี่ลูกน้องตรงหน้าต่อไป

ตอนเด็กๆ ญาดามักจะตามอยู่ข้างหลังตนเองตลอดเวลา และเห็นรพีพงษ์เป็นไอดอลของเธอ หลังจากรพีพงษ์ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ ญาดาก็นึกว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นหนึ่งขั้น จึงเริ่มคิดว่ารพีพงษ์ไม่ควรที่จะได้รับการสรรเสริญจากเธอ

ครั้งแรกที่รพีพงษ์กลับตระกูลลัดดาวัลย์ ญาดาก็แสดงทีท่าที่ดูถูกรพีพงษ์จริงๆ ทว่าหลังจากที่รพีพงษ์ชนะอาจารย์หมากล้อมญาธิป เธอก็ทำท่าทีที่มีต่อรพีพงษ์นั้นเปลี่ยนไป

หลังจากรพีพงษ์ยึดอำนาจของตระกูลลัดดาวัลย์กลับไป ญาดาก็เคยแสดงท่าทีที่ประจบประแจงกับรพีพงษ์

วันนี้ตระกูลลัดดาวัลย์มีตำแหน่งที่มีความเสี่ยงอันตรายในเกียวโต ญาดาจึงเป็นผู้นำที่จะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์แตกแยก ทำให้เห็นอย่างชัดเจน เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอำนาจและอิทธิพลมาก

ตอนที่คนๆ หนึ่งมีหน้ามีตา ญาดาก็จะรีบไปประจบประแจงคนอื่น ตอนที่คนๆ หนึ่งตกอับ ญาดาก็จะถีบเขาไปไกลๆ และตัดขาดความสัมพันธ์ตั้งแต่เนิ่นๆ

รพีพงษ์นึกไม่ถึงว่าญาดาจะกลายเป็นคนแบบนี้ ดูๆ แล้วหลังจากที่ตัวเองถูกไล่ออกจากเกียวโต ญาดาได้รับผลกระทบจากวีธราและโยษิตาสองแม่ลูก

ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรแล้ว ทุกคนต่างก็มีทางเลือกของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไหนๆ ญาดาก็เลือกท่าทีแบบนี้ งั้นเธอก็ควรที่จะรับผิดชอบที่สิ่งที่ตามมา

ทำให้เห็นล่วงหน้า ครั้งนี้หากรพีพงษ์สามารถแก้ไขวิกฤตของตระกูลลัดดาวัลย์ ผลที่ตามมาที่ดีที่สุดของญาดา ก็คือถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์

ญาดาเองก็รู้จุดๆ นี้ดี ทว่าเธอกลับไม่คิดว่ารพีพงษ์จะมีความสามารถในการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ของตระกูลลัดดาวัลย์

“เหลวไหล! ” เวลานี้มีเสียงก่นด่าดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง ก็เห็นท่านคทาเดินมา

“รพีพงษ์คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ แกเป็นคนของตระกูลลัดดาวัลย์ ไหนๆ ก็ปฏิบัติตัวอย่างไม่มีมารยาทต่อนายใหญ่แบบนี้ หรือว่าอยากจะก่อกบฏหรือไง! ” ท่านคทามองญาดาด้วยความโมโห

ญาดาไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย แล้วจับจ้องท่านคทาไว้ “ท่านคทา วันนี้ผู้ที่ควบคุมดูแลงานของตระกูลลัดดาวัลย์แทน ก็น่าจะรู้ดี ตระกูลลัดดาวัลย์ในตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร เรากำลังเผชิญกับความเสี่ยงอันตรายในเกียวโต และทุกอย่างนี้ ก็เพราะว่ารพีพงษ์ที่เป็นนายใหญ่คนนี้! ”

“ถ้าเขาเป็นนายใหญ่ แล้วนำพาผลที่ตามมาคือทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์พินาศ งั้นเราจะเอานายใหญ่คนนี้ไว้แล้วจะมีประโยชน์อะไร! ”

คำๆ นี้ของเธอเอ่ยพูดออกมา คนพวกนั้นที่อยู่ข้างหลังเธอจึงตะโกนขึ้นมาตามทันที ทุกคนถูกทำให้โมโหอย่างมาก

“รพีพงษ์ รีบหลีกตำแหน่งนายใหญ่นี้ของนายออกมา! นายไม่เหมาะกับตำแหน่ง! ”

“ถึงแม้นายจะมีฐานะว่าเป็นนายใหญ่ แต่ว่าไม่เคยที่จะสนใจงานของตระกูลลัดดาวัลย์เลย อีกอย่างยังจะสร้างศัตรูอันใหญ่หลวงแบบนี้ให้กับตระกูลลัดดาวัลย์ นายคือคนบาปของตระกูลลัดดาวัลย์ ตามกฎของตระกูลแล้ว แกควรถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์! ”

“ต่อให้เป็นสวะ ก็ไม่มีทางทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์ตกอยู่ในสภาพวันนี้ รพีพงษ์ นายมันไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นสวะ แล้วยังมีหน้ากลับมาอะไรอีก ถ้าฉันเป็นนาย ก็คงจะฆ่าตัวตายเพื่อไถ่บาปไปนานแล้ว! ”

…….

ท่านคทาถูกคำพูดของคนพวกนี้ทำให้สีหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที แล้วแทบจะลงไม้ลงมือสั่งสอนพวกเขายกตั้งจนใจจะขาด

เวลานี้รพีพงษ์จึงผายมือให้ท่านคทา จากนั้นก็เดินไปทางฝั่งญาดา

“รพีพงษ์ นายไม่สมควรเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ฉันว่านายรีบหลีกตำแหน่งนี้ออกมาเถอะ ไม่งั้นตระกูลลัดดาวัลย์จะพังพินาศเพราะนาย! ” ญาดาเงยหน้าขึ้น แล้วมองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่ดูหมิ่น

“เธอตัดสินจากตรงไหนว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะพังพินาศ? ” รพีพงษ์จับจ้องญาดาแล้วเอ่ยถาม

“กรุ๊ปKINหาเรื่องตระกูลลัดดาวัลย์มาตั้งนานแล้ว ธุรกิจของเรา ถูกพวกเขากดขี่จนแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้น กรุ๊ปKINใช้เงินทุนมาจู่โจมพวกเรา ตามเงินทุนของตระกูลลัดดาวัลย์ แน่นอนว่าคงไม่มีทางยืดเวลาให้นานเกินไป”

“อีกอย่างพรุ่งนี้กรุ๊ปKINก็จะเข้าสู่การลองเชิงตระกูลลัดดาวัลย์อย่างสุดความสามารถ ตามสถานการณ์ในตอนนี้ที่ของตระกูลลัดดาวัลย์ อย่างน้อยก็ต้องการกระแสเงินสดหนึ่งหมื่นล้าน ถึงจะสามารถฝ่าฟันไปได้ และสิ่งที่ฉันรู้ หลายวันมานี้การต่อต้านกับบริษัทKIN บัญชีของตระกูลลัดดาวัลย์ เหลือแค่พันล้านก็ไม่ถึง”

“ส่วนนายที่เป็นนายใหญ่ ก็ไม่เคยถามเรื่องพวกนี้ นายบอกฉัน กระแสเงินสดหนึ่งหมื่นล้านนี้ จะเอามาจากไหน? ถ้าไม่ได้มา ตระกูลลัดดาวัลย์จะเดินสู่หนทางแห่งความพินาศหรือไม่? ”

ได้ยินคำถามของญาดา รพีพงษ์หัวเราะออกมาทันที แล้วเอ่ยถามกลับ “เธอแน่ใจขนาดนี้เลยหรอว่าตอนนี้ฉันไม่สามารถเอาเงินหนึ่งหมื่นล้านออกมาได้? ”

ญาดาเบะปากแล้วพูดขึ้น “ฉันรู้ว่านายมีบัตรเครดิตสีดำระดับโลก ถึงแม้มันจะสามารถใช้เงินได้ไม่จำกัด แต่ไม่มีทางรูดหนึ่งหมื่นล้านแค่ครั้งเดียว และบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปที่อยู่ในเมืองริเวอร์ของนาย ถึงแม้รูปแบบไม่ถือว่าเล็ก ทว่าถ้าอยากจะเอาเงินสดออกมาหนึ่งหมื่นล้าน ก็คงเป็นคนโง่ที่กำลังเพ้อฝันอย่างไร้ข้อสงสัย กระแสเงินสดกับมูลค่าทางตลาดของบริษัท ถือเป็นเรื่องสองอย่าง”

“พูดได้ถูก ตอนนี้นายไม่สามารถเอาเงินสดหนึ่งหมื่นล้านออกมา นายก็อย่าเสแสร้งเลย ตระกูลลัดดาวัลย์กลายเป็นแบบนี้ก็เพราะว่านาย! ” ทุกคนต่างก็ก่นด่ารพีพงษ์

“นึงไม่ถึงว่าเธอยังเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งดีหนิ” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูด “งั้นฉันจะถามอีกคำ แล้วเธอรู้ได้ไงว่าพรุ่งนี้กรุ๊ป KIN จะเริ่มลองเชิงตระกูลลัดดาวัลย์อย่างสุดความสามารถหรอ? เรื่องแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นการรักษาความลับอย่างเคร่งครัดหรอ จู่ๆ ก็จู่โจมตระกูลลัดดาวัลย์แบบนี้ ผลสรุปจะดีกว่าไหม? อีกอย่าง เธอถูกกรุ๊ปKINซื้อใจไปแล้วใช่ไหม? ”

ญาดาเกร็งไปทั้งเรือนร่างทันที ใบหน้าเผยความละอายใจออกมาทันที แล้วพูดขึ้น “นายอย่ามาใส่ร้ายฉัน ฉันก็แค่ใช้วิธีของฉันไปสืบค้นออกมาเท่านั้น ฉันไม่เหมือนนาย ไม่ได้ใส่ใจเรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์เลย”

รอยยิ้มบนใบหน้าของรพีพงษ์ก็ค่อยๆ หายไป เขาสามารถรู้สึกได้ว่าญาดากำลังโกหก เขานึกไม่ถึง ญาดากลับถูกกรุ๊ปKINซื้อใจไป ทีแรกรพีพงษ์แค่คิดว่าญาดามีทางเลือกของตัวเอง ในเวลาแบบนี้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองยังทำท่าทีที่คัดค้านกับรพีพงษ์ และเลือกอันไหนก็มีข้ออ้างได้เสมอ

แต่ว่าเขาคิดยังไงก็นึกไม่ถึง ญาดากลับทำเรื่องที่ทรยศตระกูลลัดดาวัลย์ นี่ทำให้เขาไม่สามารถทนดูได้

รพีพงษ์กวาดสายตามองทุกคนในเหตุการณ์ แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันสามารถรับประกันกับพวกคุณ พรุ่งนี้การลองเชิงของกรุ๊ปKIN แค่จะเป็นเรื่องที่ป่าวประกาศ ฉันรู้ว่าพวกคุณต่างก็มีความคิดบางอย่าง ฉันจะให้พวกคุณมีเวลาคิดพิจารณาหนึ่งคืน ถ้าพรุ่งนี้พวกคุณยังเหมือนญาดา นึกว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะเดินเข้าสู่เส้นทางที่พังพินาศ งั้นก็อย่าหาว่าฉันที่มีนายใหญ่คนนี้ ไร้จิตใจ”

ญาดาแสยะยิ้มทันที แล้วพูดขึ้น “รพีพงษ์ ทำไมนายถึงไม่คิดดีๆ ว่าวันนี้นายจะเอาอะไรมารับประกัน? ทุกคนก็ทำเพื่อตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้น ถ้านายไม่อยากให้ตระกูลลัดดาวัลย์พังพินาศ ทางเลือกที่ดีที่สุด นั่นก็คือถอยตำแหน่งนายใหญ่ออกมา แต่ไม่ใช่ว่ามาพูดคำพูดที่เกินจริงที่นี่”

คนที่อยู่ข้างหลังของญาดาต่างก็มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่ดูหมิ่น และต่างก็คิดว่าญาดาพูดถูก รพีพงษ์ก็แค่พูดเกินจริงเท่านั้น

“มาถึงเวลาแบบนี้แล้ว นายอย่างมาเสแสร้งที่นี่เลย ถ้านายหวังดีกับตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆ ก็รีบหลีกตำแหน่งนายใหญ่ออกมา ไม่ว่าใครจะเป็นนายใหญ่ ก็ต้องทำได้ดีกว่านายแน่นอน”

“ตอนแรกให้รพีพงษ์ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ มันก็เป็นข้อผิดพลาดตั้งแต่ทีแรก วันนี้ธุรกิจตระกูลลัดดาวัลย์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ทั้งหมดก็คือความรับผิดชอบของรพีพงษ์ เขากลับไม่รู้จักกลับตัวกลับใจ ช่างน่าเกลียดจริงๆ เลย”

“ถ้ารพีพงษ์ดื้อรั้นที่จะให้ตระกูลลัดดาวัลย์เดินไปสู่เส้นทางตัน ถึงเวลาเราก็ทำได้เพียงวางแผนทางออกทางอื่น”

…….

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจทุกคนอีก แล้วหันหลังทันที จากนั้นก็เดินไปทางฝั่งห้องหนังสือ ท่านคทานเห็น จึงมองทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ด้วยความประหม่า จากนั้นก็หันหลังรีบตามไป

ญาดาจับจ้องเรือนร่างของรพีพงษ์ไว้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างมาก ผ่านไปสักพัก เธอจึงพูดเองเออเอง “รพีพงษ์ ธรรมชาติของสังคมนี้ยังคงเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก นายทำแบบนี้ ก็แค่เพื่ออนาคตของตัวเองเท่านั้น ใครบ้างที่ไม่อยากให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีหน่อย ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไป”

…….

ในห้องหนังสือ ท่านคทายืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วขมวดคิ้วเป็นปม ผ่านไปสักพัก ก็เอ่ยพูดขึ้น “ถ้าญาดาพูดเป็นความจริง พรุ่งนี้กรุ๊ปKINจะเริ่มลองเชิงสุดความสามารถ ตามกระแสเงินสดในตอนนี้ของตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ไม่มีทางต่อต้านอยู่แล้ว ดูๆ แล้วครั้งนี้กรุ๊ปKINกำลังจะจู่โจมตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกเราให้ล้มละลายในนัดเดียว”

รพีพงษ์จับจ้องไปยังเอกสารบนโต๊ะไปสักพัก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มพูดกับท่านคทา “เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ก็แค่กระแสเงินสดหนึ่งหมื่นล้านเท่านั้น ผมจะจัดการเอง เป้าหมายของกรุ๊ปKINไม่มีทางสำเร็จ”

ท่านคทาขึงตาโตทันที แล้วพูดขึ้น “รพีพงษ์ นั่นเป็นกระแสเงินสดตั้งหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ ต่อให้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างหอการค้าสมน.ในโลกธุรกิจ อยากเอากระแสเงินสดออกมาหนึ่งหมื่นล้านก็ยังยากมากเลย นายแน่ใจหรอว่ามีวิธีจัดการ? ”

รพีพงษ์พยักหน้าด้วยความจริงจัง แล้วพูดขึ้น “แน่ใจ”

ท่านคทาครุ่นคิดสักพัก แล้วค่อยถาม “ครั้งนี้นายจากไป ไปเจอกับอะไรมาใช่ไหม? ”

รพีพงษ์ไม่ได้ปิดบัง แล้วพยักหน้า

“จิรเวชคนนั้นทำไมถึงต้องลงไม้ลงมือกับตระกูลลัดดาวัลย์ด้วย นายรู้เหตุใดในนั้นไหม? ” ท่านคทาเอ่ยถามต่อ

เขามักจะรู้สึกว่า รพีพงษ์ในตอนนี้ให้ความรู้สึกที่สงบสติอารมณ์อย่างมาก เหมือนจิรเวชสำหรับเขาแล้วไม่ถือว่าเป็นตัวอะไรเลย

และเขาก็แอบเดาได้ เหตุผลที่รพีพงษ์สามารถสงบสติอารมณ์แบบนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับการจากไปครั้งนี้

“จิรเวชคือคนของตระกูลนิธิวรสกุล ตระกูลลัดดาวัลย์ของผม เป็นศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลนิธิวรสกุล พวกเขาอยากจะทำลายล้างพวกเรา ดังนั้นจึงส่งจิรเวชมา” รพีพงษ์พูดขึ้น

ท่านคทาขึงตาโตทันที แล้วมองรพีพงษ์อย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมเอ่ยถาม “ตระกูลนิธิวรสกุล? เป็นตระกูลชั้นสูงระดับตระกูลนั้นหรอ? ”

“ท่านคทาเคยได้ยินตระกูลนี้? ” รพีพงษ์ถามอย่างตกตะลึง

ท่านคทาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพูดขึ้น “ตอนนั้นได้ยินพ่อของนายเคยบอก แค่ว่าตอนนั้นพ่อของนายพูดได้ลึกลับมาก แค่พูดถึงการดำรงอยู่ของตระกูลนิธิวรสกุลอย่างคร่าวๆ นึกไม่ถึงว่าพวกเขากลับเป็นศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลลัดดาวัลย์”

“ถ้าพูดตามความจริง ตระกูลลัดดาวัลย์คือสาขาย่อยของตระกูลนิธิวรสกุล แค่ว่าตั้งแต่รุ่นของคุณปู่ ก็ได้ออกจากตระกูลนิธิวรสกุล ถึงรุ่นนี้ของคุณพ่อ ก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นตระกูลลัดดาวัลย์ คุณปู่เสียในน้ำมือของคนในตระกูลนิธิวรสกุล ดังนั้นเรากับพวกเขาคือศัตรูคู่อาฆาต” รพีพงษ์อธิบายขึ้น

ท่านคทาถูกคำพูดนี้ของรพีพงษ์ทำให้ตะลึงงันไม่หยุด ท่านคทาเป็นติดตามกลุ่มคนนั้นของนนทภู แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ตระกูลลัดดาวัลย์และตระกูลนิธิวรสกุลกลับยังมีความสัมพันธ์แบบนี้

“นาย……นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง? ” เสียงของท่านคทาสั่นเทา

“ครั้งนี้ผมจากไป ไปเจอกับพ่อ” รพีพงษ์พูดด้วยเสียงเรียบเฉย

และท่านคทาก็รู้สึกได้ว่ากลางกะโหลกศีรษะของตัวเองเหมือนถูกฟ้าผ่า ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งตัวก็รู้สึกเหน็บชาเล็กน้อย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท