พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่489 ที่จริงความสามารถของเขาธรรมดามาก

บทที่489 ที่จริงความสามารถของเขาธรรมดามาก

บทที่489 ที่จริงความสามารถของเขาธรรมดามาก

มโนชาได้ยินคำอธิบายของรพีพงษ์ ดวงตาก็เบิ่งตากว้างขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เมื่อกี้ผดุงสิทธิ์ก็พูดไปหมดแล้ว ว่าเหรียญโบราณในมือของเธอ แม้กระทั่งคนที่เรียนสาขาวิชาประวัติศาสตร์ ก็มีรู้แค่ไม่กี่คน เพียงพอที่จะเห็นความหายากของเหรียญโบราณนี้

เธอเอาเหรียญโบราณนี้มาถามรพีพงษ์ เพราะคำนึงถึงว่าถึงแม้รพีพงษ์จะไม่เข้าใจ แต่ไม่แน่ว่าอาจจะชินหูชินตา พอรู้อยู่บ้าง ดังนั้นเอาสิ่งของที่หายากมา ต้องทำให้รพีพงษ์ลำบากแน่นอน

แต่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ รพีพงษ์พูดที่มาของเหรียญโบราณได้จริงๆ และไม่มีความผิดพลาดแม้แต่น้อย เธอรู้จักเหรียญโบราณนี้ เป็นเพราะว่าบังเอิญเจอในสมุดโบราณของผดุงสิทธิ์ คิดไม่ถึงเลยว่ารพีพงษ์ก็รู้ด้วย

ผดุงสิทธิ์เห็นรพีพงษ์พูดที่มาของเหรียญโบราณออกมา ใบหน้าก็แสดงความชื่นชมออกมา ยิ้มแล้วพูดว่า : “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณรพีจะมีประสบการณ์เรื่องนี้ด้วย ดูเหมือนว่าพวกเราจะดูถูกคุณรพีไปแล้วจริงๆ สามารถมอง De Yi Yuan Baoออก นั้นมีน้อยมาก ”

เดิมทีไกรเดชคิดว่ารพีพงษ์ไม่เข้าใจพวกเรื่องประดับ กลับคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดที่มาของเหรียญโบราณออกมาได้จริงๆ ใบหน้าของเขาก็ตกใจเช่นกัน

ใบหน้าของมโนชาเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะสายตาที่รพีพงษ์มองมาที่เธอ เมื่อกี้ไอ้เจ้าหมอนี่ยังมีท่าทางไม่เข้าใจอยู่เลย เธอมีความมั่นใจมากว่ารพีพงษ์พูดที่มาของเหรียญโบราณออกมาไม่ได้ กลับคิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะเปิดปากพูดออกมา คนที่เสียหน้า กลายเป็นเธอ

สิ่งที่ทำให้เธอทนไม่ได้ก็คือ ฝ่ายตรงข้ามดูถูกตัวเอง ตัวเองอยากจะสั่งสอนให้บทเรียนเขาสักหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้แสดงออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้ง

เธอจ้องมองรพีพงษ์ด้วยความโกรธ ในใจคิดคนที่อวดดีจอมปลอมนี้ ไม่ควรที่จะรู้ความรู้นี้ถึงจะถูก

ในตอนนั้นเองเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ไกรเดชเข้าไปพูดอะไรบางอย่างข้างหูรพีพงษ์ อีกอย่างเสียงของไกรเดชก็ค่อนข้างเล็ก เธอไม่ได้ยินเลยว่าไกรเดชพูดอะไร

ตอนนี้นึกกลับไปคิด รพีพงษ์สามารถพูดที่มาของ De Yi Yuan Baoออกมาได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นไกรเดชเป็นคนบอกรพีพงษ์ “ใช่ ! ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ไม่อย่างนั้นพึ่งแค่ประสบการณ์ของเขาอย่างเดียว จะมีทางรู้ได้ยังไงว่านี่คืออะไร ” มโนชามีความมั่นใจขึ้นมายิ่งขึ้น

เธอยืนมือออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธชี้หน้าไปที่รพีพงษ์ พูดว่า : “คุณภูมิใจอะไร เห็นได้ชัดว่าอาเดชเป็นคนบอกคุณ คุณถึงได้รู้ว่านี้คืออะไร คุณก็แค่เอาคำพูดของอาเดชมาพูดอีกครั้ง คาดไม่ถึงเลยว่าจะมาทำท่าทางมั่นใจอีก ไร้ยางอายจริงๆ !”

พูดจบ มโนชาก็เดินมุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์ผงะไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่ามโนชาจะคิดว่าไกรเดชบอกเขาเรื่อง De Yi Yuan Bao

หลังจากที่ผดุงสิทธิ์ได้ยินคำพูดของมโนชา ก็นึกเรื่องเมื่อกี้ขึ้นได้ว่าไกรเดชเข้าไปพูดอะไรบางอย่างข้างหูรพีพงษ์ อาจจะมีความเป็นไปได้ก็ได้ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้มากด้วย ในเมื่อรพีพงษ์แสดงความไม่สนใจของพวกนี้มาตลอด และไกรเดชยังอธิบายให้เขาฟังตลอดด้วย

ตอนนี้กลับสามารถพูดที่มาของ De Yi Yuan Baoได้อย่างกะทันหัน น่าประหลาดใจมากจริงๆ

แต่ว่ารพีพงษ์เป็นเพื่อนของไกรเดช ผดุงสิทธิ์ไม่สามารถพูดตรงไปตรงมาเหมือนมโนชาได้

“คุณรพี นักเรียนของผมเป็นคนเจ้าอารมณ์นิดหน่อย และยังเป็นเด็กผู้หญิงอีก เพราะฉะนั้นเลยค่อนข้างเอาแต่ใจ ดังนั้นคุณรพีอย่าไปถือสาเลยนะครับ ” ผดุงสิทธิ์พูด

รพีพงษ์หันหน้าไปมองผดุงสิทธิ์ แล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไร ”

ไกรเดชตกตะลึง เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ามโนชาจะพูดแบบนี้ออกมากะทันหัน แหละสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของ De Yi Yuan Bao เขาไม่ได้บอกรพีพงษ์เลยสักนิด !

มโนชาเดินออกไปด้านหน้าด้วยความโกรธ ไกรเดชรีบหันไปพูดกับผดุงสิทธิ์ว่า : “ผมไม่ได้เป็นคนบอกคุณรพีนะครับ เดิมทีผมก็ไม่รู้ว่า De Yi Yuan Baoคืออะไรด้วยซ้ำ นักเรียนคนนี้เข้าใจผิดแล้ว ”

ผดุงสิทธิ์ยิ้มแล้วพูดว่า : “ผมเข้าใจ เดี๋ยวกลับไปผมจะต้องไปอบรมสั่งสอนสอนเธอสักหน่อยแล้ว ไม่ให้เธอพูดไปมั่วซั่ว ”

ถึงแม้ผดุงสิทธิ์จะพูดแบบนี้ แต่ว่าไกรเดชรู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่าที่เขาพูดแบบนี้เพื่อไว้หน้ารพีพงษ์ แท้ที่จริงในใจของเขาก็คิดเหมือนกับมโนชา

และนี้ทำให้ไกรเดชยิ่งรู้สึกจนปัญญาขึ้นไปอีก เขามองที่รพีพงษ์ พบว่ารพีพงษ์กลับไม่ค่อยสนใจเลยด้วยซ้ำ นี้ถึงสบายใจขึ้นมาหน่อย

ทั้งสามคนมุ่งเดินไปด้านหน้า ไกรเดชหันไปถามรพีพงษ์ : “คุณรพี คุณรู้ที่มาของ De Yi Yuan Baoได้ยังไง?คุณไม่ได้มีความสนใจของโบราณไม่ใช่เหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า : “ผมแค่บอกว่าไม่มีความสนใจของโบราณ แต่ไม่ได้บอกว่าไม่รู้ ”

ไกรเดชครุ่นคิดพร้อมกับพยักหน้า ได้รู้จักรพีพงษ์เพิ่มขึ้นมานิดหนึ่งด้วย

มโนชาเดินไปด้านหน้าด้วยความโกรธ ในใจก็คิดว่าไอ้คุณรพีอะไรนั้นน่าขยะแขยงจริงๆ ทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยพบเจอใครที่น่าเกลียดอย่างนี้มาก่อน

ไม่รู้ว่าอาเดชรู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง และคิดไม่ถึงเลยว่ายังเรียกเขาว่าคุณอีก คนอย่างเขาไม่เหมาะกับ “คุณ” เลยสักนิด

ตอนที่เธอกำลังโกรธอยู่นั้น ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นร้านขายของโบราณด้านบน ในเวลานี้ด้านในมีคนเต็มแออัดไปหมด ดูครึกครื้นมาก

มโนชาเงยหน้ามองร้านค้าแวบเดียว พบว่าด้านบนมีแผ่นป้าย เขียนว่า “กำปั่นทอง” สามคำ

ในหัวสมองของเธอผุดคิดถึงคำพูดที่ผดุงสิทธิ์พูดกับเธอขึ้นมา ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ผู้เชี่ยวชาญการประเมินวัตถุโบราณที่หนึ่งของโลกของโตเกียวเปิดร้านขายของโบราณที่ร้านขายของโบราณคายดี้ ก็คือชื่อนี้

ถึงแม้ปรมัตถ์จะเกษียณไปหลายปีแล้ว ร้านนี้ก็ต้องส่งต่อให้คนรุ่นหลังของเขาอย่างแน่นอน ตอนที่เห็นแผ่นป้ายนี้ มโนชาก็แสดงอาการตื่นเต้นขึ้นมา

ในฐานะที่เป็นนักเรียนดีเด่นของสาขาวิชาประวัติศาสตร์ มโนชาให้ความเคารพอย่างสูงกับท่านอาจารย์ปรมัตถ์ผู้เชี่ยวชาญการประเมินวัตถุโบราณ ครั้งนี้เธอมากับผดุงสิทธิ์ ก็เพื่อที่จะได้เห็นร้านขายของโบราณที่ปรมัตถ์เปิด

ถ้าได้เจอปรมัตถ์ตัวจริง งั้นเธอคงดีใจจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมาแล้ว

เธอหันไปมองด้านหลังของตัวเอง มองเห็นผดุงสิทธิ์ทั้งสามก็กำลังเดินมา รีบวิ่งไปหา พูดว่า : “อาจารย์ค่ะ ร้านขายของโบราณที่ท่านปรมัตถ์เปิดในปีนั้น พวกเรารีบไปดูกันเถอะ ”

ผดุงสิทธิ์เห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของมโนชา ก็ยิ้มขึ้นมา แล้วพยักหน้า พูดว่า : “ไปเถอะ ”

“ได้ยินมาว่าท่านอาจารย์ปรมัตถ์เป็นผู้เชี่ยวชาญการประเมินวัตถุโบราณที่หนึ่งของโลก ผมก็เคารพนับถือท่านมานานแล้ว แค่ยังไม่ได้มาดูที่นี่ วันนี้ก็ถือว่ามาดูร้านขายของโบราณของท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ” ไกรเดชพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

“พูดถูก ครั้งนี้ที่พวกเรามา ก็เพื่อมาดูที่นี่ ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์ปรมัตถ์อยู่ที่ดีด้วยหรือเปล่า ถ้าวันนี้ได้เจอท่านอาจารย์ปรมัตถ์ การมาโตเกียวครั้งนี้ก็ไม่เสียเที่ยวแล้ว ” ผดุงสิทธิ์พูดออกมาจากใจ

มโนชาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วพูดว่า : “ฉันว่าอย่าเจอท่านอาจารย์ปรมัตถ์เลย พวกเราในนี้ยังมีคนหน้าด้านคนหนึ่ง ถ้าเจอท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ก็มีแต่จะทำให้ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ลดความประทับใจที่มีต่อพวกเรา ”

รพีพงษ์ฟังความหมายของมโนชาออก ยิ้มแล้วพูดว่า : “วางใจเถอะ ท่านปรมัตถ์ไม่ได้เป็นคนใจแคบแบบนั้น และอีกอย่างผมไม่ใช่คนหน้าด้านอะไรนั้นด้วย ”

มโนชารีบจ้องหน้าทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ : “คะ……คุณไม่มีความเคารพต่อท่านอาจารย์ปรมัตถ์เลยนะ น่าโมโหจริงๆ ท่านอาจารย์ปรมัตถ์เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญการประเมินวัตถุโบราณที่มีชื่อเสียงทั่วโลก คุณกล้าเรียกท่านแบบนี้ได้ยังไง !”

รพีพงษ์พยักไหล่ พูด: “ที่จริงระดับความสามารถการประเมินวัตถุโบราณของเขานั้นก็ธรรมดา คนอื่นก็แค่แย่มากไปหน่อยก็เท่านั้น ”

มโนชากระทืบเท้า ยืนมือออกไปชี้ที่จมูกของรพีพงษ์ ด่าว่า : “ไอ้คนไร้ยางอาย คุณมีสิทธิ์อะไรมาว่าท่านอาจารย์ เมื่อกี้คุณก็แค่โกงถึงได้พูดที่มาของ De Yi Yuan Bao ออกมาได้ คุณนี้มันเลวทรามจริงๆ อาเดช คนแบบนี้เหมาะกับการเป็นเพื่อนอาได้ยังไง!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท