พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่497 ฉันไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิด

บทที่497 ฉันไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิด

บทที่497 ฉันไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิด

“แกเองเหรอรพีพงษ์ เดิมทีฉันคิดว่าแกจะไม่เหมือนใครเสียอีก ตอนนี้ดูแล้ว ก็คนธรรมดานี่นา ไม่สิ แกก็ไม่เหมือนใครจริงๆแหละ นั่งรถแท๊กซี่มางานแบบนี้ คิดว่าคงมีแต่แกที่กล้าทำ”จิรเวชพูดแล้วหัวเราะ

“คนตระกูลนิธิวรสกุลก็เท่านี้แหละ เดิมทีฉันคิดว่าพวกปากว่างจะมีแต่พวกว่างงานชอบหาเรื่องชาวบ้าน ที่แท้คุณชายบ้านนิธิวรสกุลก็ชอบแบบนี้ด้วย”รพีพงษ์ตอบกลับ

จิรเวชหรี่ตาลงทันที มองไปทางรพีพงษ์อย่างไม่สบอารมณ์

“รพีพงษ์ แกหยุดเสแสร้งสักที คุณชายจิรเวชไม่ใช่คนที่แกจะมาวิจารณ์ได้นะ อีกไม่นานแกก็คงไม่ต่างอะไรจากหมาไร้บ้าน ฉันว่าแกห่วงตัวเองก่อนเถอะ!”นิรมัทพูดพลางจ้องรพีพงษ์

“หึ คนอย่างแก ไม่มีวันเทียบคุณชายจิรเวชได้หรอก ตอนเด็กฉันเคยเห็นแกเป็นไอดอล ตอนนี้มาคิดดู ทุเรศว่ะ”ญาดาช่วยจิรเวชพูดเสริม

รพีพงษ์ได้แต่ยิ้ม หันไปหาโยษิตา พูดว่า“แกล่ะ จะแดกดันอะไรสักสองสามคำหน่อยมั้ย”

โยษิตาจ้องไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาอาฆาตมาดร้าย หลังจากที่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ยิ่งกัดฟันพูดกรอดๆว่า“เหน็บแนมแกไม่สามารถบรรเทาความเกลียดชังของฉันได้หรอกฉันอยากให้แกตาย!”

รพีพงษ์ยักไหล่ แสดงออกว่าไม่ใส่ใจ ทำราวกับว่าคำพูดของโยษิตาขู่เขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“เห็นแกเป็นแบบนี้ น่าจะตกกระป๋องสุดๆแล้วสินะ วางใจได้ ฉันไม่ให้แกผิดหวังหรอก เรื่องบูรณะเมืองเก่าน่ะ ฉันจะต้องคว้ามาให้ได้ ถึงเวลา แกกับตระกูลลัดดาวัลย์ ก็จะอันตรธานไปจากเกียวโตเลย”จิรเวชพูดพลางยิ้มให้รพีพงษ์

รพีพงษ์เองก็ยิ้มให้เขา“หวังว่าแกจะสมปรารถนาหรอกนะ ฉันก็จะมอบคำๆเดียวกันให้กับแกนี่แหละ ฉันรพีพงษ์ไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิด ในเมื่อแกทำได้ขนาดนี้ งั้นก็ระวังหน่อยแล้วกัน อีกไม่นานแกกับตระกูลนิธิวรสกุล ก็จะหายไปจากโลกใบนี้เช่นกัน”

จิรเวชหัวเราะขำขัน สำหรับเขาแล้ว รพีพงษ์กล้าที่จะท้าทายตระกูลนิธิวรสกุลแบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันเสียจริง แค่เขาคนเดียวก็ทำให้บ้านลัดดาวัลย์เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าบ้านนิธิวรสกุลจะลงมือกับลัดดาวัลย์แล้วละก็ เกรงว่ารพีพงษ์คงไม่มีโอกาสมายืนพูดปาวๆแบบนี้หรอก

รพีพงษ์รู้ว่าจิรเวชกำลังคิดอะไร เพียงแค่จิรเวชไม่รู้ว่า บ้านลัดดาวัลย์ตอนนี้ ไม่ได้มีแค่กำลังเพียงเท่านี้ สิ่งที่หนุนหลังพวกเขาอยู่ คือเทือกเขากิสนา ซึ่งเป็นกองกำลังที่จะทำลายล้างโลกได้เป็นอันดับหนึ่ง!

เขาไม่ได้เสียเวลาอยู่ต่อปากต่อคำกับพวกจิรเวช เขาเดินผ่านคนทั้งสี่ เข้าไปด้านใน

ญาดายืนขวางรพีพงษ์ด้านหน้า มองเขาด้วยสายตาดูแคลนอย่างเต็มที่ รพีพงษ์ไม่สนใจ เธอ เขาเดินชนไหล่เธอ จนเธอเกือบล้ม

หลังจากที่ทรงตัวได้แล้วญาดาจึงจ้องเขม็งไปที่เงาร่างของรพีพงษ์ กัดฟันกรอด“แกมันไอ้ฉิบหาย จะต้องมีวันที่แกได้เสียใจเข้าสักวัน!”

ในห้องโถงใหญ่ ชั้นที่จัดเรียบร้อยแล้วมีของกินวางอยู่เต็ม คนจำนวนไม่น้อยยืนอยู่ข้างชั้นวาง กินพลางคุยพลาง

ตอนที่รพีพงษ์ออกจากบ้านมาเขายังไม่ได้กินข้าว ดังนั้นตอนที่เข้าไปเขาจึงเดินไปที่ชั้น

วาง ยื่นมือไปตักอาหาร แล้วกินคำโต

ญาดาเห็นท่าทีการกินของรพีพงษ์ สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ พูดขึ้นว่า“ช่างไม่กลัว ขายหน้าเลยนะ หรือว่าตกอับจนไม่มีข้าวกิน ถึงได้มาสวาปามเอาที่นี่ ฉันว่าคนแบบนี้ต้องไล่ออกไปนะ”

นิรมัทยืนหัวเราะเย็นชาอยู่ข้างๆ พูดขึ้น“ให้มันได้กินดีๆอีกสักมื้อเถอะ ผ่านวันนี้ไปแล้ว มันคงจะไม่มีอะไรกินอีกแล้วล่ะ”

“อย่าไปใส่ใจแค่ขอทานคนเดียวเลย เอาของขวัญที่ซื้อมาไปส่งเถอะ รพีพงษ์มาร่วมงานเลี้ยงก็ไม่รู้จักเอาของขวัญมาด้วย ไม่มีอีคิวเอาซะเลย ถ้าผู้รับผิดชอบโครงการเมืองเก่ารู้ว่ามันนั่งแท็กซี่มา แล้วยังมามือเปล่าอีก เกรงว่าคงจะไม่มองมันด้วยซ้ำ”จิรเวชพูดดูแคลน

พอนิรมัทฟังคำพูดของจิรเวช จึงรีบนำของขวัญไปวางที่โต๊ะของขวัญ ซึ่งตอนนี้มีของขวัญกองเต็มไปหมด มีของขวัญต่างๆนานานับไม่ถ้วน

ผู้รับผิดชอบของขวัญได้รับข่าวสารเรียบร้อย รอจนงานเลี้ยงจบลง ของขวัญทั้งหมดตรงนี้ ต้องส่งไปที่บ้านลัดดาวัลย์ แม้ว่าจะดูแปลกๆ แต่คนๆนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไร เรื่องของพวกผู้ใหญ่ไม่ต้องถามอะไรมากมายดีที่สุด

นี่เป็นความประสงค์ของไกรเดช เขาไม่สนใจของขวัญพวกนี้แม้แต่น้อย ยกของพวกนี้ให้รพีพงษ์หมด และก็จะได้สร้างความประทับใจให้รพีพงษ์ด้วย

ในตอนที่รพีพงษ์กำลังกินอาหาร มีคนๆหนึ่งเดินไปหยุดข้างเขา รพีพงษ์เงยหน้ามองปรากฏว่าเป็นธีรศานติ์

“จะเอาด้วยสักหน่อยไหม”รพีพงษ์ยื่นพิซซ่าในมือตนเองให้ธีรศานติ์

ธีรศานติ์ยิ้มส่ายหน้า พูดขึ้น“หมอที่นายเชิญมาฝีมือไม่เบาจริงๆ ถึงขั้นที่ร่างทรงได้เลยนะ หมอชั้นนำหลายคนต่างก็ไม่สามารถรักษาลูกสาวฉันได้ คิดไม่ถึงว่าเขาดูไ่ม่กี่ที ก็ทำนายได้ว่าลูกสาวฉันจะฟื้น นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดของฉันเลย”

“ถ้าเขาบอกว่าณียังฟื้นได้ งั้นก็มีโอกาสสูง คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ วางใจในฝีมือได้ ณีจะต้องหายดีแน่ๆ”รพีพงษ์พูด

ธีรศานติ์พยักหน้า คิ้วที่ขมวดก่อนหน้าค่อยคลายออก

ผ่านไปไม่นานนัก ผู้ที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างมากันเกือบจะครบแล้ว พวกบริกรต่างวางอาหารลง และยืนนิ่งอยู่ข้างๆ รอคอยคำสั่งเจ้านาย

ในเวลานี้เอง เงาหนึ่งทอดลงมาจากบันไดชั้นสอง ห้องโถงทั้งห้องจึงนิ่งเงียบลง

คนที่มาคือไกรเดช เขาเป็นตัวนำในงานเลี้ยงวันนี้ ทุกคนต่างรู้ว่าผู้รับผิดชอบโครงการบูรณะเมืองเก่าอยู่ในสถานภาพอะไร จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งสิ้น

เมื่อจิรเวชเห็นการปรากฎตัวของไกรเดช จึงยิ้มออกมา พูดพึมพำ“ในที่สุดก็มาแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วล่ะที่จะได้รู้ว่าใครคือผู้ร่วมมือในโครงการบูรณะเมืองเก่า ไม่ผิดไปจากที่คิดหรอก โครงการนี้ต้องเป็นของพวกเรา”

โยษิตากับพรรคพวกสองสามคนพยักหน้า จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่รพีพงษ์

หลังจากที่ไกรเดชลงมาจากชั้นสอง ก็กวาดตามองไปรอบๆงาน พอเห็นรพีพงษ์ ก็ยิ้มให้ เล็กน้อย จากนั้นจึงไปยืนต่อหน้าทุกคน

“ทุกท่านครับ!”ไกรเดชกล่าวเสียงก้อง“คิดว่าทุกท่านคงจะทราบดี งานเลี้ยงในวันนี้ เพื่อที่จะหาผู้ร่วมมือโครงการบูรณะเมืองเก่า เนื่องจากโครงการครั้งนี้สำคัญมาก พวกเราต้องการผู้ร่วมมือที่มีศักยภาพ เพื่อให้บรรลุภารกิจ”

“และคนที่จะมาร่วมกับพวกเรา ก็อยู่ท่ามกลางพวกท่านนี่แหละครับ!”

เพิ่งสิ้นเสียงของไกรเดข จิรเวชจึงก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม“ผมกรุ๊ปKIN ขอเสนอตนเอง ว่าถ้ามาร่วมมือกับผม พวกเราจะร่วมกันบรรลุภารกิจกันอย่างเต็มความสามารถครับ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท