พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 507 เอาไปบริจาคยังจะดีกว่า

บทที่ 507 เอาไปบริจาคยังจะดีกว่า

บทที่ 507 เอาไปบริจาคยังจะดีกว่า

เมื่อทุกคนเห็นว่าณัฐปภัสร์ลงมาจากรถแล้วก็เตะไปยังชายหัวล้านทันที ทุกคนต่างพากันอึ้งไป ไม่รู้ว่าประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงเป็นอะไรไป

ชายหัวล้านมีสีหน้าตกตะลึง อยู่ๆ ก็โดนเตะโดยไม่รู้สาเหตุ ขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร

ณัฐปภัสร์ไม่มีเวลามาอธิบายให้ชายหัวล้านฟัง หลังจากที่เขาเตะชายหัวล้านไปทีหนึ่ง เขาก็กวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นรพีพงษ์ เขาก็รีบเดินเข้าไปทันที

เขายกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าปากของตัวเอง เมื่อเดินมาตรงหน้ารพีพงษ์ ณัฐปภัสร์โค้งตัว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “นายใหญ่ ขอโทษจริงๆ นะครับ ไอ้พวกลูกน้องของผมมันสร้างปัญหาให้คุณใช่ไหมครับ ถ้ามันทำแบบนั้น ผมจะไม่ปล่อยมันไว้!”

รพีพงษ์มองณัฐปภัสร์ด้วยสายตาเย็นชา แล้วถามขึ้นว่า “ตอนที่คุณซื้อที่ดินผืนนี้ คุณเขียนไว้บนสัญญาชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะหาที่อยู่ใหม่ให้เด็กในสถานสงเคราะห์”

เมื่อณัฐปภัสร์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ใจของเขาเต้นตึกตัก และรู้ทันทีว่ารพีพงษ์เรียกเขามาทำไม การที่ชายหัวล้านมารื้อถอนที่นี่ได้ก็เพราะว่าได้รับการอนุญาตจากเขา สำหรับคนในสถานสงเคราะห์ พวกเขาวางแผนไว้ว่าให้รื้อถอนก่อนแล้วค่อยว่ากัน เพราะเวลาไม่เคยคอยท่า ถ้ารอหาที่อยู่ใหม่ให้คนพวกนั้น เขาต้องสูญเสียเงินไปไม่น้อย

“นายใหญ่ คืออย่างนี้ครับ ช่วงนี้ผมค่อนข้างบริหารเงินไม่ทัน ผมสามารถทำเงินได้จากโครงการในพื้นที่สถานสงเคราะห์ ผมยังมีเงินกู้ที่ต้องคืนอีกเยอะ ผมจึงค่อนข้างรีบและทำให้ต้องทำโครงการที่นี่” ณัฐปภัสร์พูดอธิบาย

รพีพงษ์ส่งเสียงหึออกมา แล้วพูดว่า “ผมถามว่าในสัญญาระบุไว้ว่าชัดเจนว่าต้องหาที่อยู่ใหม่ให้คนในสถานสงเคราะห์ก่อนไม่ใช่เหรอ ผมไม่ได้บอกให้คุณพูดความทุกข์ของตัวเองเสียหน่อย”

ณัฐปภัสร์ตัวสั่นเทิ้มแล้วรีบพูดขึ้นว่า “ขะ เขียนไว้ชัดเจนแล้วครับ”

“ที่นี่คือที่พักอาศัยเดียวของเด็กในสถานสงเคราะห์ ลูกน้องของคุณกลับจะรื้อถอนที่นี่ แล้วคุณทำตามเงื่อนไขในสัญญาหรือเปล่า บริษัทคุณชอบทำเรื่องแบบนี้กันเหรอ” รพีพงษ์ซักถาม

เหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผากของณัฐปภัสร์อีกครั้ง จู่ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เขารู้เพียงว่าถ้ารพีพงษ์เอาชื่อบริษัทของเขาไปอยู่ในบัญชีดำเพราะเรื่องนี้ หลังจากนี้บริษัทของเขาจะต้องลำบากแน่นอน

กัญญาวีร์ยืนมองรพีพงษ์กับณัฐปภัสร์คุยกัน หลังจากที่เธอเห็นว่าประธานบริษัทบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงมีท่าทีนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ เธอก็เริ่มแน่ใจแล้วว่ารพีพงษ์น่าจะเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์

อีกทั้งสรรพนามที่ณัฐปภัสร์ใช้เรียกรพีพงษ์ทำให้กัญญาวีร์แน่ใจ เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่เธอเดินชน จะเป็นคนที่มีชื่อเสียงในเกียวโต อีกทั้งเพราะเขาชนเธอ จึงมาช่วยเธอจัดการปัญหานี้ เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป

ขณะนั้นเองชายหัวล้านก็เดินมาทางนี้เช่นกัน เขาเห็นณัฐปภัสร์นอบน้อมกับรพีพงษ์อย่างมาก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง หลังจากที่เดินมาถึงข้างหลังของณัฐปภัสร์ ชายหัวล้านจึงพูดอย่างระมัดระวังว่า “ประธาน ไอ้นี่มันขวางการรื้อถอนของพวกเรา แถมยังมาทำร้ายคนของเราอีก ทำไมประธานต้องเกรงใจมันขนาดนั้นด้วยครับ”

ตอนนี้ณัฐปภัสร์ไม่รู้ว่าจะกำจัดความกระอักกระอ่วนนี้ออกไปอย่างไร ชายหัวล้านยังเข้ามาพูดแบบนี้อีก เขายกมือตบลงไปที่หน้าของชายหัวล้านโดยไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง

“แกรู้ไหมว่าท่านผู้นี้เป็นใคร ท่านนี้คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ เขาทำร้ายคนของแก แกควรจะดีใจนะ แกมาบอกให้ฉันไม่เกรงใจเขางั้นเหรอ อะไรทำให้แกกล้าพูดออกมาขนาดนี้!” ณัฐปภัสร์ตวาดออกมา

เมื่อชายหัวล้านได้ยินที่ณัฐปภัสร์พูด จู่ๆ เขาก็งงไปหมด จากนั้นก็มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ในหัวของเขาคิดไปถึงข่าวเกี่ยวกับรพีพงษ์และตระกูลลัดดาวัลย์ ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในใจของเขา

ตระกูลลัดดาวัลย์กลับมามีอำนาจในเมืองเกียวโตอีกครั้ง แถมยังน่ากลัวกว่าเมื่อก่อน นายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์เป็นที่น่าเกรงขามในเมืองเกียวโต

และคนที่เขายั่วโมโหคือคนที่มีตำแหน่งสูงจนไม่สามารถเปรียบได้ในเมืองเกียวโต!

ชายหัวล้านขาสั่นระรัว และคิดในใจว่าทำไมตอนแรกถึงไม่ถามเสียก่อนว่าเขาเป็นใคร ถ้ารู้ว่าเป็นนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ตั้งแต่ตอนแรก เขาคงไม่ให้ลูกน้องไปทำร้ายรพีพงษ์อย่างแน่นอน

ถ้าตอนนั้นรพีพงษ์พูดว่าตัวเองเป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่เชื่อ แต่ท้ายสุดแล้วผลลัพธ์ของมันก็เหมือนกัน ณัฐปภัสร์บอกว่ารพีพงษ์เป็นใครจากปากของเขาเอง เขาถึงเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากที่ณัฐปภัสร์ตบชายหัวล้าน เขาก็หันกลับมาพูดกับรพีพงษ์ว่า “นายใหญ่ ตอนที่ผมสั่งให้พวกมันมา ผมบอกพวกมันแล้วว่าให้หาที่อยู่ให้เด็กในสถานสงเคราะห์ แล้วค่อยรื้อถอน ไอ้โง่นี่มันไม่ฟังคำพูดผม เลยทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ ผมจะหาที่อยู่ใหม่ให้กับเด็กในสถานสงเคราะห์ให้เร็วที่สุด แล้วค่อยลงมือรื้อถอนที่นี่ ต่อไปนี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครับ”

“ประธาน ผม…” ชายหัวล้านกำลังจะเถียงออกมา เพราะณัฐปภัสร์ไม่เคยพูดกับเขาว่าให้หาที่อยู่ใหม่ให้กับเด็กในสถานสงเคราะห์

ณัฐปภัสร์จ้องชายหัวล้านเขม็ง เพื่อเป็นการบอกให้หุบปาก ชายหัวล้านมีสีหน้าสลด แต่เขาก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของณัฐปภัสร์ และทำได้เพียงยืนเงียบๆ

รพีพงษ์มองทั้งสองคน เมื่อฟังที่ณัฐปภัสร์พูด เขาไม่ได้รีบร้อนพูดออกไป และหันไปมองกัญญาวีร์

“พวกคุณอยากเปลี่ยนที่อยู่ใหม่หรือยังอยู่ที่นี่” รพีพงษ์ถามขึ้น

กัญญาวีร์ยังยืนอึ้งอยู่ เมื่อได้ยินที่รพีพงษ์ถามก็รีบตั้งสติ และพูดว่า “ถะ ถ้าเป็นไปได้ ก็ยังอยากอยู่ที่นี่ สถานสงเคราะห์เด็กอยู่ที่นี่มานาน ถ้าจะเปลี่ยนที่อยู่ ไม่เพียงแค่จะยุ่งยาก แถมมันยังต้องใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมอีกด้วย”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วหันไปมองณัฐปภัสร์ และยิ้มอย่างมีเลศนัย “ประธานณัฐปภัสร์ ถ้าผมเดาไม่ผิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงรื้อถอนโดยไม่ได้รับการอนุญาตมาไม่น้อยแล้วสินะ?”

ณัฐปภัสร์สีหน้าไม่สู้ดี แต่เขายังพูดแย้งออกมาว่า “นายใหญ่พูดเล่นอะไรน่ะครับ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้ ผมรับรองว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายครับ”

รพีพงษ์แบะปาก สีหน้าของณัฐปภัสร์ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก

“คุณไม่ต้องมาแสดงความเด็ดขาดต่อหน้าผม ผมให้คนไปสืบดูก็รู้แล้วว่าบริษัทของคุณทำเรื่องแบบนี้มากี่ครั้ง”

ณัฐปภัสร์ชะงักไป

“ยิ่งทำเรื่องแบบนี้เยอะ การรู้ชั่วดีก็จะยิ่งลดลง ตอนนี้เป็นโอกาสของคุณ บางครั้งการทำความดี สวรรค์อาจจะเมตตาก็ได้”

“คุณบริจาคที่ผืนนี้ยังจะดีกว่า ให้ที่นี่เป็นสถานสงเคราะห์เด็กต่อไป แล้วก็ซ่อมแซมที่นี่อีกสักหน่อย คุณว่าไงล่ะ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน