พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 510 ตกลงทุกอย่าง

บทที่ 510 ตกลงทุกอย่าง

บทที่ 510 ตกลงทุกอย่าง

จิรเวชเดินไปหยุดตรงหน้าของดัมพ์รงค์ เขายิ้มอย่างเป็นมิตร และยื่นมือออกไปตบบ่าดัมพ์รงค์

“ถ้าผมเดาไม่ผิด คุณคือดัมพ์รงค์สินะ โอ๊ย มือฉัน เจ็บๆๆ ปล่อยนะ” ดัมพ์รงค์บีบข้อมือของจิรเวช ทำให้เขาร้องออกมาทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ

ดัมพ์รงค์จ้องจิรเวชแล้วถามขึ้นว่า “นายเป็นใคร”

“ฉันคือจิรเวชไง คนที่จ้างนายมา รีบปล่อยฉันนะ” จิรเวชพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด

เมื่อดัมพ์รงค์ได้ยินชื่อของจิรเวช จึงปล่อยมือที่บีบข้อมือเขาอยู่

จิรเวชรีบลูบข้อมือของตัวเอง เมื่อกี้ดัมพ์รงค์บีบจนเขาแทบจะร้องไห้ออกมา

เดิมทีเข้ากะจะทักทายดัมพ์รงค์อย่างเป็นกันเอง ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายเขาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง นี่มันสิ่งที่จิรเวชไม่ได้คิดมาก่อน

หลังจากที่เริ่มสงบลง จิรเวชหันไปมองโยษิตาอย่างกระอักกระอ่วน หลังจากนั้นเขาจึงพูดกับดัมพ์รงค์ว่า “เมื่อกี้แค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย ฉันดีใจที่นายมาที่นี่”

คนมีฝีมือระดับนี้ จิรเวชไม่สามารถทำเป็นเล่นได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงทำเป็นใจกว้างเมื่ออยู่ต่อหน้าดัมพ์รงค์

“นายให้ฉันมาฆ่าใคร” ดัมพ์รงค์พูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม

จิรเวชหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “ฆ่าใครบางคนที่ทรยศตระกูล ดูจากฝีมือของนาย การฆ่ามันน่าจะเป็นเรื่องง่าย เพราะฉะนั้นเราจึงไม่รีบร้อน สองวันนี้ฉันจะให้คนจัดที่พักให้นาย ให้นายได้พักและเที่ยวเล่นก่อน ถ้าฉันเตรียมการพร้อมแล้ว เราค่อยลงมือ เพื่อที่รับประกันว่าจะฆ่าไอ้ทรยศนั่นให้ตายได้ทันที”

“ไม่จำเป็น ถ้าไม่ลงมือตอนนี้ งั้นนายค่อยติดต่อฉันมาตอนจะลงมือ นี่เบอร์โทรฉัน” ดัมพ์รงค์โยนเศษกระดาษให้จิรเวช จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดยืดเยื้อ

จิรเวชเห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวของดัมพ์รงค์ก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะไม่ไว้หน้าเขา จะไปก็ไป นี่มันทำให้เขาหงุดหงิดใจจริงๆ

แต่ว่าตอนนี้เขาต้องพึ่งดัมพ์รงค์เพื่อกำจัดรพีพงษ์ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร เขาตะโกนไล่หลังดัมพ์รงค์ว่า “นายเดินทางดีๆ ถ้าพร้อมแล้วฉันจะติดต่อนาย”

เมื่อเห็นว่าดัมพ์รงค์เดินออกไปแล้ว เขามีสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นจึงหันไปมองโยษิตา “เขามาถึงแล้ว ต่อไปก็ทำตามแผน ให้คนไปจองโรงแรม แล้วส่งการ์ดเชิญไปให้ตระกูลลัดดาวัลย์กับหอการค้าสมน. บอกว่าฉันจะขอโทษรพีพงษ์ ครั้งนี้ฉันต้องให้มันคุกเข่าอ้อนวอนฉันให้ได้!”

โยษิตาพยักหน้า ความคาดหวังปรากฏบนใบหน้าของเธอ

……

คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

รพีพงษ์กำลังนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะ ขณะนั้นมือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู จู่ๆ เขาก็ตกใจ

“ดัมพ์รงค์มาเกียวโต?”

เขาจ้องมือถืออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องหนังสือ

จนกระทั่งตอนบ่าย รพีพงษ์กลับมาที่คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์อีกครั้ง

เขาไปยืดเส้นยืดสายในสวนบริเวณบ้าน ขณะนั้นท่านคทาเดินมาและยื่นการ์ดเชิญให้เขา “กรุ๊ปKIN ส่งการ์ดเชิญมา ฝั่งนั้นบอกว่าจะขอโทษคุณ แล้วก็เชิญหอการค้าสมน. ด้วยครับ”

รพีพงษ์รับการ์ดเชิญมาแล้วพูดกับท่านคทาว่า “แจ้งฝั่งนั้นไปว่าผมจะไป ให้เขาเตรียมเหล้าและอาหารดีๆ ให้ผมด้วย”

……

ช่วงค่ำที่อาคารTY

ภายในห้องผู้ป่วย รพีพงษ์กับธีรศานติ์ยื่นอยู่ข้างเตียงของจารุณี มองจารุณีที่ยังไม่ลืมตา

หลังจากที่ชุติเทพรักษาจารุณีเรียบร้อย เขาเตรียมยาที่ต้องใช้ไว้ในรายการ เขียนสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเวลาต้มยาไว้ และกำชับให้ธีรศานติ์ป้อนยาจารุณีให้ตรงเวลาเสร็จเรียบร้อย เขาก็ออกจากเกียวโต

“จิรเวชเชิญเราไปครั้งนี้ ดูภายนอกบอกว่าเชิญไปเพื่อขอโทษ แต่ผมว่าเรื่องมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น เขาต้องวางกับดักอะไรไว้แน่ๆ ผมว่าอย่าไปเจอเขาดีกว่า” ธีรศานติ์เอ่ยขึ้น

รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าคิดว่าเรื่องมันจะร้ายแรงขนาดนั้น ถ้าเขาอยากขอโทษผมขึ้นมาจริงๆ ล่ะ เราไปตามที่เขาเชิญก็พอแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้หรอก คุณวางใจได้เลย”

ธีรศานติ์ขมวดคิ้วเหมือนยังกังวลอยู่

“จารุณีดื่มยาที่ชุติเทพจัดให้ครบเจ็ดวันแล้วใช่ไหม” รพีพงษ์พูดเปลี่ยนเรื่อง

ธีรศานติ์พยักหน้าแล้วถอนหายใจ “หมอเทพมีฝีมือทางการแพทย์ก็จริง แต่อาการของจารุณีค่อนข้างสาหัส อาจจะทำให้หมอวินิจฉัยพลาดไป จนถึงตอนนี้ก็จารุณียังไม่ฟื้นเลย”

รพีพงษ์มองจารุณีแล้วพูดว่า “ชุติเทพไม่พูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ วันนี้ครบหนึ่งสัปดาห์พอดี รออีกหน่อย ไม่แน่เดี๋ยวจารุณีอาจจะฟื้นขึ้นมาก็ได้”

ธีรศานติ์พยักหน้า เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ทำได้ปลอบใจตัวเอง

จากนั้นทั้งสองก็เฝ้าอยู่ข้างเตียงของจารุณี เพื่อรอให้เธอฟื้นขึ้นมา

จนเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ไม่มีวี่แววว่าจารุณีจะฟื้นขึ้นมา ขนาดรพีพงษ์ยังสงสัยว่าการวินิจฉัยของชุติเทพอาจจะผิดพลาด

ช่วงกลางวันธีรศานติ์จัดการงานที่บริษัท ตกดึกก็ยังต้องมาเฝ้าจารุณี ทำให้เขาร่างกายรับไม่ไหว รพีพงษ์จึงให้เขาไปพักผ่อน

หลังจากที่ธีรศานติ์ออกไป รพีพงษ์นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของจารุณี โดยมีแสงสว่างจากไฟดวงเล็กๆ เท่านั้น แสงสลัวส่องไปที่ใบหน้าของจารุณี สะท้อนให้เห็นถึงสีหน้าที่ไร้ชีวิตชีวาของเธอในตอนนี้

เธออยู่ในอาการโคม่ามาเป็นเวลานานและไม่สามารถทานอาหารได้ ทำได้เพียงส่งของเหลวที่เป็นสารอาหารเข้าไปในร่างกายของเธอ เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอกว่าแต่ก่อนมาก เธอซูบผอมมาก

“จารุณี ฉันรู้ว่าเธอกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหม ที่จริงเธอฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เธอโกรธฉันเลยจงใจไม่พูด ใช่ไหม” เวลาตีหนึ่งกว่าๆ รพีพงษ์มองจารุณีที่ยังไม่มีวี่แววที่จะจะฟื้นขึ้นมา เขากระวนกระวายใจ

“ถ้าเธอยังโกรธฉันอยู่ ก็พูดออกมาสิ ฉันสัญญาว่าจะฟังเธอ เธอจะตีจะด่าฉันก็ไม่เถียง ถ้าเธอขอร้องอะไรฉันจะตกลงทุกอย่าง ขอแค่เธอฟื้นขึ้นมาได้ไหม”

หลังจากที่เขาพูดจบ ผ่านไปพักใหญ่ จารุณีก็ยังไม่ฟื้น

รพีพงษ์ก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวัง ในใจของเขามีทั้งความเสียใจและโทษตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่ารู้สึกไปก็ไม่มีประโยชน์

“จะ…จริงเหรอ นายจะตอบตกลงฉันทุกอย่างเหรอ”

ขณะที่รพีพงษ์กำลังสิ้นหวัง เขาพบว่าไม่รู้เมื่อไรที่เด็กคนนี้ลืมตาขึ้นมา เธอมองเขาน้ำตาคลอเบ้า

เหมือนยกภูเขาออกจากอก เขายิ้มให้จารุณีอย่างจริงจัง แล้วพูดด้วยความเอ็นดูว่า “จริงสิ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน