พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 536 โอเพ่นคลาส

บทที่ 536 โอเพ่นคลาส

บทที่ 536 โอเพ่นคลาส

วันจันทร์ มหาวิทยาลัยฟูตัน คณะประวัติศาสตร์

เรื่องที่ศาสตราจารย์ได้รับเชิญจากผู้อำนวยการให้มาที่ได้คณะประวัติศาสตร์ เผยแพร่ไปทั่ว คณะประวัติศาสตร์ หากเรื่องนี้อยู่ที่คณะอื่น นี่อาจเป็นแค่เรื่องธรรมดา แต่ใน คณะประวัติศาสตร์ การมาถึงของ ศาสตราจารย์รับเชิญนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจอย่างมาก

เป็นเพราะผดุงสิทธิ์ ผู้อำนวยการของคณะประวัติศาสตร์ ไม่เคยเชิญใครมาเป็นอาจารย์รับเชิญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกอย่างตอนที่เขาบรรยายในชั้นเรียน ก็มักจะบอกกับนักศึกษาว่าบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในสังคมนั้น ไม่มีใครมีคุณสมบัติ มากพอที่จะมาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญในมหาวิทยาลัย

คนเดียวที่สามารถทำให้ผดุงสิทธิ์รู้สึกว่ามีความสามารถจริง มีเพียงปรมัตถ์ ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ ผู้ที่พิสูจน์วัตถุโบราณที่โด่งดังในแวดวงพิสูจน์วัตถุโบราณ

ดังนั้น ผดุงสิทธิ์เชิญคนจากสังคมมาที่คณะประวัติศาสตร์เพื่อเป็นศาสตราจารย์รับเชิญ ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจมาก บุคคลที่ได้รับเชิญนั้นได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่ใช่ปรมัตถ์ ดังนั้นทุกคนจึงเต็มไปด้วยความสงสัยต่อศาสตราจารย์รับเชิญคนนี้

และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวถูกปล่อยออกมาจากทางมหาวิทยาลัยว่า ศาสตราจารย์รับเชิญคนนี้จ่ายเงินเพื่อมาหาชื่อเสียงในนี้ อาจารย์ในคณะประวัติศาสตร์รู้จักศาสตราจารย์รับเชิญคนนี้เป็นอย่างดี คิดว่าศาสตราจารย์รับเชิญคนนี้ไม่ได้มีคุณสมบัติในการบรรยายความรู้ให้ทุกคน

เรื่องนี้เผยแพร่เยอะเป็นพิเศษในหมู่อาจารย์ หลายคนบอกว่าศาสตราจารย์รับเชิญคนนี้เป็นเพียงชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปี ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นศาสตราจารย์รับเชิญในมหาวิทยาลัยฟูตัน

ในบรรดาพวกเขา คนที่มีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงต่อเรื่องของศาสตราจารย์รับเชิญคือไผทสันต์ ข่าวลือมากกว่าครึ่งเกี่ยวกับศาสตราจารย์รับเชิญก็มาจากเขา

เนื่องจากมีการถกเถียงกันมาก ดังนั้นหลายคนในคณะประวัติศาสตร์จึงให้ความสนใจกับชั้นเรียนโอเพ่นคลาสที่กำลังจะมาถึงของศาสตราจารย์รับเชิญคนนี้ ก่อนถึงเวลาเรียน ก็มีคนจำนวนมากอยู่ในห้องเรียนแล้วและอาจารย์หลายคนก็มาเข้ามาฟังด้วย

เยาวเรศกับนิษฐาก็เข้ามานั่งอยู่ในห้องเรียนตั้งนานแล้ว อีกอย่างพวกเธอนั่งแถวแรก

ในใจเยาวเรศยังคงเชื่อคำพูดของรพีพงษ์ แต่ก่อนที่เธอจะเห็นคนที่มาสอน เธอก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่ารพีพงษ์เป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่ทางมหาวิทยาลัยเชิญมาจริงไหม

ส่วนนิษฐาไม่เชื่อเลยว่ารพีพงษ์จะเป็นคนมาบรรยาย ที่พวกเธอนั่งแถวหน้าสุด ก็เพื่อบันทึก “หลักฐาน” ด้วยโทรศัพท์มือถือ เพื่อที่พวกเธอจะได้เอาหลักฐานนี้ไปถามรพีพงษ์และทำให้เขาอับอาย

“จิมมี่ คุณรอดูเถอะ เดี๋ยวศาสตราจารย์รับเชิญมา คุณก็จะรู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนเจ้าเล่ห์หรือไม่” นิษฐาพูดกับเยาวเรศ

เยาวเรศเม้มริมฝีปากของเธอ ไม่รู้ว่าจะตอบคำพูดของนิษฐาอย่างไร

ขณะนี้ ในห้องทำงานของรพีพงษ์ รพีพงษ์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองจะพูดในชั้นเรียน เมื่อก่อนเขาไม่เคยเตรียมการสอนมาก่อน ในความคิดของเขา เขาแค่หยิบบางอย่างออกมาแล้วสอนได้เลย ก็สามารถให้ความรู้แก่นักศึกษาที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับวัตถุอารยธรรมทางประวัติศาสตร์ได้รับความรู้มากมาย

ชั้นเรียนโอเพ่นคลาสของเขาคือเพื่อเปิดมุมมองที่กว้างขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกินไป เพียงแค่สิ่งที่บรรยายไม่น่าเบื่อเกินไปก็พอแล้ว

มโนชากำลังยืนอยู่ข้างๆของรพีพงษ์ เมื่อเห็นว่าไม่มีแม้แต่หนังสือบนโต๊ะของรพีพงษ์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเอกสารประกอบคำบรรยาย เธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวลแทนรพีพงษ์เล็กน้อย

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เธอได้ยินเรื่องซุบซิบนินทามากมายเกี่ยวกับรพีพงษ์ หลายคนบอกว่ารพีพงษ์จ่ายเงินเข้ามาเพื่อหาชื่อเสียง ไม่มีความรู้ประวัติศาสตร์เลย สิ่งนี้ทำให้ มโนชา โกรธมาก

เธอรู้ว่ารพีพงษ์เก่งในการตรวจสอบวัตถุโบราณ แม้แต่ปรมัตถ์ ท่านอาจารย์ปรมัตถ์ยังชื่นชมรพีพงษ์ เขาจะไม่มีความรู้ได้อย่างไร

ดังนั้นเธอจึงรอชั้นเรียนโอเพ่นคลาสของวันนี้ ขอเพียงแค่รพีพงษ์ขึ้นไปบรรยายบนเวที คนที่กล่าวหารพีพงษ์ก็จะต้องหุบปากอย่างแน่นอน

ดูเหมือนว่าตอนนี้รพีพงษ์จะไม่ได้เตรียมตัว ซึ่งทำให้มโนชากังวลเล็กน้อย หากรพีพงษ์ไม่สามารถบรรยายอะไรออกมาได้ ข่าวลือเหล่านั้นก็จะเป็นจริง ดังนั้นแม้ว่ารพีพงษ์จะเก่งแค่ไหน เกรงว่าทางมหาลัยก็จะไม่เชื่อเขาแล้ว

ผ่านไปนาน รพีพงษ์ดูเวลา ลุกขึ้นจากโต๊ะและพูดกับมโนชา”พวกเราไปกันเถอะ จะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว”

มโนชาลังเลและพูดว่า “คุณรพี คุณแน่ใจหรือว่าจะเข้าชั้นเรียนแบบนี้ ฉันเห็นคุณยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย ไม่ก็ให้ฉันไปหาอาจารย์เพื่อช่วยคุณเอาเอกสารบรรยายมาดีไหม คุณบรรยายตามในเอกสารก่อน ค่อยบรรยายของคุณ”

รพีพงษ์ยิ้มให้มโนชาและพูดว่า”ไม่มีเอกสารการสอน ก็สามารถสอนได้ ไปเถอะ ทุกอย่างที่ผมอยากพูด อยู่ในหัวของผมแล้ว”

เมื่อเห็นรพีพงษ์พูดอย่างนั้น มโนชาก็ไม่สามารถพูดอะไรไปมากกว่านี้ พยักหน้าและเดินตาม รพีพงษ์ออกไปจากห้องทำงาน

ที่ทางเดิน ทั้งสองได้เจอกับไผทสันต์ที่กำลังเตรียมตัวเข้าชั้นเรียน

ไผทสันต์จ้องไปที่รพีพงษ์ พบว่าเขาไม่ได้ถืออะไรอยู่ในมือ ความเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดว่า “การบรรยายไม่มีเอกสารประกอบคำบรรยาย ผมเคยเห็นเป็นครั้งแรก ดร.รพีไม่ใช่ว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้คุณไม่เคยสอน จึงไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมเอกสารประกอบคำบรรยายใช่ไหม ?”

รพีพงษ์มองไปที่ไผทสันต์และพูดว่า “การบรรยายเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำพูด ขอแค่สิ่งที่ผมพูดมีประโยชน์ต่อนักศึกษาก็เพียงพอแล้ว ไม่มีความแตกต่างไม่ว่าจะมีเอกสารประกอบการบรรยายหรือไม่ก็ตาม”

“เหอะๆ งั้นผมก็ขออวยพรให้ดร.รพีประสบความสำเร็จในคลาสแรกนี้ละกัน ขึ้นไปบนเวทีอย่าทำเรื่องตลกละกัน นักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเรา มีความรู้ของมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายเป็นอย่างดี ตอนที่ดร.รพีจะพูดอะไรก็ระวังหน่อยละกัน “ไผทสันต์หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา จากนั้นก็หันกลับมาและออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

ใบหน้ามโนชาเต็มไปด้วยความโกรธ รู้สึกว่าสิ่งที่ไผทสันต์พูดมันมากเกินไปจริงๆ เขากลับคิดว่าคุณรพีจะพูดถึงความรู้ของมัธยมต้นและมัธยมปลายได้เท่านั้น การเยาะเย้ยแบบนี้ไม่เคารพคุณรพีเลย

“คุณรพี การมาถึงของคุณอาจจะแย่งซีนของอาจารย์ไผทสันต์ ดังนั้น อาจารย์ไผทสันต์จึงรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อยหวังว่าคุณจะไม่ถือสานะ” มโนชาปลอบ

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็จะเริ่มเรียนแล้ว เขาก็จะรู้ว่าผมพูดถึงความรู้ระดับมัธยมหรือไม่” รพีพงษ์กล่าว

ทั้งสองคนเดินไปทางอาคารเรียน

ในห้องเรียน ทุกคนรอคอยและมองไปที่ประตู เกือบจะถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ศาสตราจารย์รับเชิญน่าจะมาที่นี่ในไม่ช้า

ไผทสันต์นั่งอยู่ในห้องเรียน จ้องมองไปที่กระดานดำด้วยสีหน้าเยาะเย้ย คิดว่าจะต้องถามคำถามที่ยากในภายหลังเพื่อทำให้รพีพงษ์เสียหน้า

“จะเริ่มเรียนเร็วๆนี้ ศาสตราจารย์น่าจะมาแล้ว จิมมี่ คุณจะได้เห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของ รพีพงษ์แล้ว” นิษฐาพูดกับเยาวเรศอย่างมีหวัง

ในขณะนี้ รพีพงษ์เดินเข้ามาจากด้านนอกและยืนอยู่บนเวที

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท