พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่542 ไล่ฉันออกไปด้วย

บทที่542 ไล่ฉันออกไปด้วย

บทที่542 ไล่ฉันออกไปด้วย

มหาวิทยาลัยฟูตัน หน้าอาคารคณะประวัติศาสตร์

คนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนอยู่รอบๆประตู เบียดเสียด และถกเถียงกันอยู่เรื่อยๆ

ขนมปังยืนอยู่บนสแตนด์สูงของประตูตึก มองไปที่คนข้างล่างอย่างหยิ่งยโส ด้วยสายตาหยามเหยียด

แม้เธอจะเป็นคนใช้ของตระกูลพงศ์ธนธดาเท่านั้น แต่เธอมองว่า แม้ตัวเองจะเป็นคนใช้ไปตลอดชีวิต แต่ก็ดีกว่านักศึกษาเหล่านี้ พวกเขาส่วนใหญ่ ไม่มีทางมีทรัพย์สินอย่างที่คนรับใช้แบบเธอมีแน่นอนในชีวิตนี้

ในตระกูลพงศ์ธนธดา แม้จะเป็นคนรับใช้ แต่ก็มีเกียรติมากกว่านักศึกษาพวกนี้

ขณะนี้หลังขนมปังมีคนที่สวมชุดสูทสีดำอยู่ การ์ดของตระกูลพงศ์ธนธดาที่หน้าตาเคร่งขรึม เป็นเพราะมีการ์ดอยู่ด้วย เธอถึงได้ทำตัว

“รีบเรียกไอ้โรคจิตที่วันนั้นทำให้คุณหนูของฉันตกใจมาสิ วันนี้ฉันมาทำโทษมันแทนคุณนายใหญ่ ในเมื่อมันทำผิด งั้นก็อย่าคิดจะรอดไปได้!” ขนมปังตะโกน

ในขณะเดียวกันนี้เองเด็กหญิงคนนั้นก้าวเท้ามาข้างหน้า ขมวดคิ้วแล้วมองไปที่ขนมปัง แล้วกล่าว “วันนั้นคุณรพีแค่ลืมตัวไปเท่านั้น พวกคุณไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่ขนาดนี้ก็ได้หนิ?”

ขนมปังหันไปมองหญิงคนนั้น หัวเราะอย่างเหยียดหยาม แล้วกล่าว “ลืมตัว? ไอ้โรคจิตนั้นมันทำให้คุณหนูของฉันอับอายต่อหน้าคนอื่น ฉันไม่จัดคนไปฆ่ามัน ก็ถือว่าให้เกียรติมันขนาดไหนแล้ว ยั่วโมโหคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาของเรา แค่คำว่าลืมตัวสองคำนี้แล้วจะให้มันผ่านไปเนี่ยนะ?”

หญิงคนนั้นที่พูดกับขนมปังคือมโนชา วันนั้นเธอก็ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะพูดแบบนั้นกับคุณหนูตระกูลพงศ์ธนธดาเช่นกัน แต่ในใจของเธอรพีพงษ์เป็นไอดอลพิเศษ แม้รพีพงษ์จะทำผิด ก็ไม่มีความผิด

ตอนนี้คนของตระกูลพงศ์ธนธดาหาเรื่องต่อหน้าคนหมู่มาก แน่นอนว่าทำให้เธอโมโหเป็นทำธรรมดา

แต่เรื่องนี้ตระกูลพงศ์ธนธดามีเหตุผล มโนชาไม่รู้ว่าจะโต้ตอบขนมปังอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ อำนาจของตระกูลพงศ์ธนธดามาก เธอเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้านตระกูลพงศ์ธนธดาได้

ขนมปังเห็นมโนชาไม่ต่อร้องต่อเถียง ก็แสดงความสะใจออกมา เธอชอบความรู้สึกที่อยู่เหนือคนอื่นแบบนี้มาก

ในตระกูลพงศ์ธนธดา เธอเป็นแค่สาวใช้เท่านั้น และเห็นคนใหญ่คนโตออกคำสั่งจนเคยชิน คุมอำนาจต่างๆเอาไว้ เธอจึงเกิดความรู้สึกอยากมีอยากได้แบบนั้นบ้าง

คุณนายใหญ่หรือคนอื่นของตระกูลพงศ์ธนธดาให้เธอไปจัดการเรื่องข้างนอกให้ เธอมักจะให้ท่าทางออกคำสั่งแบบนั้น คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนทั่วไป ดังนั้นคำที่เธอพูด คนเหล่านี้ต้องฟัง

ขณะนี้นิษฐาและเยาวเรศทั้งสองก็ยืนอยู่ในฝูงชนนั้นด้วย หลังจากที่นิษฐาได้บินขนมปังพูดแล้วนั้น ก็ยิ้มดูแคลนออกมา แล้วพูดกับเยาวเรศที่อยู่ข้างๆว่า “สมน้ำหน้า ไอ้หลงตัวเองนั่นสุดท้ายก็ได้รับผลกรรมแล้ว เขาเป็นอาจารย์อคันตุกะแล้วไง เทียบกับตระกูลพงศ์ธนธดา เขาก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น ดูต่อไปว่าจะเป็นไง”

เยาวเรศถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เพราะนิษฐามักจะพูดให้ร้ายรพีพงษ์อยู่เสมอ ทำจนตอนนี้เธอแทบจะไม่เหลือความรู้สึกดีๆต่อรพีพงษ์อีกแล้ว

ไม่นาน ในฝูงชนก็มีเสียงดังขึ้นมา ผู้คนเคลียร์ทางให้ ผู้บริหารคนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฟูตันมาถึง หนึ่งในนั้นคือผดุงสิทธิ์ผู้อำนวยการคณะประวัติศาสตร์

คนที่เผชิญหน้ากับตระกูลพงศ์ธนธดา แม้จะเป็นผู้บริหารของมหาวิทยาลัยฟูตัน ก็ไม่กล้าเชื่องช้า

อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟูตัน พรรธ์ยศเดินไปที่ขนมปังอย่างร้อนรน แล้วพูดอย่างมีมารยาทว่า “คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จึงต้องทำเรื่องให้มันใหญ่โตขนาดนี้? ถ้ามหาวิทยาลัยของเรามีข้อบกพร่อง ผมจะช่วยคุณแก้ไขปัญหาเอง”

ขนมปังชักตาใส่พรรธน์ยศ ใช้น้ำเสียงไม่พอใจพูดใส่ร้ายป้ายสีรพีพงษ์ จากนั้นก็ถามพรรธน์ยศว่า “คนของมหาลัยคุณ เป็นแบบนี้ พูดจาเพ้อเจ้อต่อหน้าคุณหนู วันนี้พวกคุณจะต้องหาทางออกให้ฉัน มิเช่นนั้นกองทุนการศึกษาที่ตระกูลพงศ์ธนธดาของเราให้มหาลัยไว้นั้น จะถูกยกเลิกทั้งหมด”

พรรธน์ยศได้ยินคำพูดของขนมปัง ก็สีหน้าถอดสี กองทุนการศึกษาที่ตระกูลพงศ์ธนธดาให้ไว้กับมหาวิทยาลัยฟูตัน กล่าวได้ว่าเป็นเงินมากที่สุดในกองทุนแล้ว ในทุกปีกองทุนนี้ของมหาวิทยาลัยฟูตัน คิดเป็นหนึ่งในสามของนักเรียนทั้งหมด

กองทุนนั้นเป็นกองทุนที่เป็นแรงขับดันให้นักศึกษาตั้งใจเรียนหนังสือ ถ้าตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกการให้เงินกองทุนนี้ จะกระทบอย่างมาก กับมหาวิทยาลัยฟูตัน

นักศึกษารอบๆเริ่มถกเถียงกันขึ้นมา ทุนการศึกษาที่ตระกูลพงศ์ธนธดามอบให้มหาลัยฟูตันถือว่าได้ง่ายที่สุด เพียงแค่พวกเขาตั้งใจเรียน ก็สามารถได้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว นักศึกษาจำนวนไม่น้อยต้องการเงินจำนวนนี้เพื่อไปท่องเที่ยว หากถูกยกเลิก พวกเขาจะต้องไม่พอใจอยู่บ้าง

พรรธน์ยศถาม “คุณผู้หญิง เรื่องนี้อาจจะเป็นอาจารย์คนนี้ทำไม่ถูกต้อง ไม่ทราบว่าคุณต้องการให้จัดการแบบไหน คุณลองพูดๆมาดู ผมจะจัดการให้ครับ”

ขนมปังมองไปรอบๆ แล้วกล่าว “เรียกไอ้โรคจิตนั่นมา ให้มันขอโทษคุณหนูของเราต่อหน้าผู้คนทั้งหมด แล้วให้มันยอมรับว่ามันคือไอ้โรคจิต แล้วตบหน้าตัวเอง แล้วก็ยกเลิกสถานะอาจารย์ของมันซะ ไล่ออกจากมหาวิทยาลัย แล้วเราตระกูลพงศ์ธนธดาจะไม่เอาเรื่องใดๆอีก”

หลังจากได้ยินคำพูดของขนมปัง สีหน้าพรรธน์ยศดูไม่ดี ถ้าแค่ให้รพีพงษ์ขอโทษ และยกเลิกสถานะอาจารย์ของรพีพงษ์ เขายังทำให้ได้ ให้รพีพงษ์ยอมรับว่าตัวเองเป็นไอ้โรคจิตต่อหน้าคนอื่น แล้วยังต้องตบหน้าตัวเองอีก นี่มันค่อนข้างเกินไป

ขนมปังเห็นพรรธน์ยศลังเล ก็บึนปากในทันใด แล้วกล่าว “ไง หรือคุณไม่ตกลง? งั้นทุนการศึกษาของตระกูลพงศ์ธนธดาของเรา ก็สามารถยกเลิกได้แล้ว และ มหาลัยของคุณจะอยู่ในแบล็กลิสต์ของตระกูลพงศ์ธนธดาของเรา คิดทบทวนดีๆ”

เมื่อพรรธน์ยศได้ยินคำพูดนี้ ก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที ถึงแม้ทุนการศึกษาจะสำคัญ แต่ก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น แต่ถ้าขึ้นแบล็คลิสต์ของตระกูงพงศ์ธนธดา ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมากเรื่องหนึ่ง เขารับผลที่จะตามมาไม่ไหว

เมื่อลังเลอยู่สักพัก พรรธน์ยศกัดฟัน แล้วกล่าว “ได้ ผมสัญญา ผมจะดำเนินการอย่างเร็วที่สุด ให้คนนั้นขอโทษ”

ขนมปังเห็นพรรธน์ยศตกลง ก็สะใจอยู่สักพัก เธอชอบ ความรู้สึกที่ทำให้คนไม่สบายใจ

ในขณะที่ขนมปังทำตามเป้าหมาย และกำลังจะจากไปนั้น คนที่ยืนข้างๆผดุงวิทย์ด้วยสีหน้าบึ้งก็โผล่ขึ้นมา แล้วกล่าว “ผมไม่เห็นด้วยกับการลงโทษแบบนี้”

ทุกคนหันหน้าไปที่ผดุงสิทธิ์

ขนมปังมองไปที่ผดุงสิทธิ์ แล้วถามอย่างเยือกเย็นว่า “คุณเป็นใคร? อธิการบดีตกลงแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรปฏิเสธ?”

“ผมคือผู้อำนวยการคณะประวัติศาสตร์ ดร.รพีคือคนที่ผมเชิญมา เขาอาจจะทำผิดต่อคุณหนูของคุณ แต่ดร.รพีเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม ข้อเรียกร้องของคุณเมื่อกี๊ทำให้คุณรพีพงษ์อับอาย ผมจะตกลงการลงโทษแบบนี้ได้อย่างไรกัน” ผดุงสิทธิ์พูดอย่างมีเหตุผล

พรรธน์ยศเห็นผดุงสิทธิ์คัดค้าน สีหน้าก็เริ่มเคร่งเครียด แล้วรีบกล่าว “ผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์ ขนาดนี้แล้ว คุณอย่าออกหน้าแทนคนนั้นเลย คุณไม่ได้ยินที่เขาพูดเมื่อกี๊หรอ คุณพูดแทนเขา เปรียบเสมือนกำลังเป็นศัตรูกับผู้อำนวยการผดุงสิทธิ์นะ”

นีกศึกษารอบๆก็ตกใจ ไม่คาดคิดว่าเวลาแบบนี้ผดุงสิทธิ์ยังออกหน้าแทนรพีพงษ์อีก นักศึกษาส่วนใหญ่ตรงนั้นไม่เคยเรียนกับรพีพงษ์ และไม่รู้ว่ารพีพงษ์เป็นใคร ล้วนฟังคำพูดจากขนมปังที่พูดเมื่อกี๊ทั้งนั้น เลยรู้สึกว่าการที่รพีพงษ์โดนลงโทษแบบนี้นั้น ก็สมควรแล้ว

ตอนนี้ผดุงสิทธิ์พูดแทนรพีพงษ์ พวกเขาต่างก็รู้สึกไม่เข้าใจโดยปริยาย

ดร.รพีหาเรื่องเอง ทำไมพวกเราต้องรับผิดชอบแทนเขาด้วย ควรจะทำตามที่เค้าบอก ให้เขาขอโทษต่อหน้าคนอื่น”

“ชั่งหน้าโมโหจริงๆ ทำไมผู้อำนวยการคณะประวัติศาสตร์ต้องพูดแทนไอ้โรคจิตด้วย แล้วยังทำผิดต่อตระกูลพงศ์ธนธดาอีก บ้าจริงๆ”

“โถ่โถ่โถ่ ดร.รพีคนนี้ชั่งมีเกียรติเสียจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรับหน้าแทนเขา ถ้าครั้งนี้ตระกูลพงศ์ธนธดายกเลิกเงินทุนการศึกษาจริงๆล่ะก็เกรงว่ามหาลัยของเราจะต้องไปยืนประท้วงที่ประตูบ้านของเขาแน่ๆ”

……

ที่คนเหล่านี้โมโห ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะเรื่องเงินกองทุน

ผดุงสิทธิ์กล่าว “ตระกูลพงศ์ธนธดาแล้วไง เป็นตระกูลพงศ์ธนธดาแล้วสามารถที่จะดูถูกเขาได้ตามสบายงั้นหรอ ข้อเรียกร้องที่คุณขอมาในวันนี้ ผมไม่มีทางตกลง ถ้าท่านอธิการบดีทำตามเธอล่ะก็ งั่นก็ไล่ผมผู้อำนวยการคณะประวัติศาสตร์ออกไปด้วยแล้วกัน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท