พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่546 วัยรุ่นคนนี้ ไม่ธรรมดาแหะ

บทที่546 วัยรุ่นคนนี้ ไม่ธรรมดาแหะ

บทที่546 วัยรุ่นคนนี้ ไม่ธรรมดาแหะ

“คุณหนู คนนั่นที่ระรานคุณในวันนั้น ชั่งน่าเกลียดจริงๆ ฉันชั่งน่าสงสารจริงๆ”

เมื่อขนมปังเข้าในห้องอารีนา ก็ร้องไห้ต่อ เพียงแต่หน้าของเธอบวมเหมือนขนมปัง จึงดูไม่ออกว่าน้อยเนื้อต่ำใจ

ความจริงอารียากำลังเหม่อลอย ในหัวคิดถึงแต่คนนั้นที่เจอที่มหาลัย แม้ชลาธิปได้พูดกับเธอแล้ว ว่าคนนั้นเป็นสิบแปดมงกุฏ แต่เธอก็หยุดคิดไม่ได้ว่าคนนั้นไม่ธรรมดา

หลังจากที่ได้ยินเสียงของขนมปังแล้ว อารียาก็มีสติกลับมา หันไปดู หลังจากที่เห็นขนมปังแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไป

“ขนมปัง เธอเป็นอะไร ใครทำเธอขนาดนี้?”

ขนมปังเดินไปด้านหน้าของอารียา ด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วกล่าว “ก็เป็นคนนั้นที่สวมรอยระรานคุณหนูที่มหาลัยวันนั้น”

อารียาขมวดคิ้ว แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ขนมปังปรับอารมณ์ แล้วกล่าว “วันนั้นที่คนนั้นวิ่งไปอยู่ด้านหน้าของคุณหนูแล้วพูดจาเลอะเทอะ ต่อมาคุณนายใหญ่ให้คนสืบ พบว่าคนนั้นคือสิบแปดมงกุฏ แต่ขนมปังคิดว่าคนนั้นน่าจะมีอะไรเก็บไว้ ดังนั้นจึงอยากถามว่าทำไมถึงบอกว่าคุณหนูคือภรรยาของเขา”

วันนี้ฉันไปหาเขา คิดในใจว่าถ้าเป็นเพราะเขาไม่มีทางไป ถึงได้พูดกับคุณหนูอย่างนั้น ก็จะควักเงินในกระเป๋า ช่วยเขาสักหน่อย อย่างน้อยก็ให้เขามีเงินกินข้าว จากนั้นช่วยเขาหางานทำ แบบนี้เขาก็ไม่มีทางใช้อุบายหลอกคนสร้างปัญหาให้คนอื่นอีกต่อไป”

“แต่ไอ้น่ารังเกียจนี่มันรู้ว่าฉันดูมันออก บอกว่าฉันดูถูกมัน จึงได้เข้ามาตบฉัน ฉันต้านทานไม่ไหว เขาตบหน้าฉันไปสิบกว่าฉาดโดยไม่ใยดี สุดท้ายยังบีบบังคับให้ฉันยอมรับว่าคุณหนูคือภรรยาของเขา มิเช่นนั้นจะไม่ปล่อยฉัน”

“คุณหนู คนนั้นเป็นมารที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาในชีวิตเลยนะ เขาน่ากลัวมากจริงๆ ไม่ให้โอกาสฉันได้พูด แล้วก็ตบฉันจนเป็นแบบนี้”

“ฉันอยากจะช่วยเขา ใครจะรู้ว่าจะพบจุดจบแบบนี้ นี่ทันบ้าชัดๆ”

พูดจบ ขนมปังก็แสดงละครร้องไห้ออกมา

คำพูดของเธอเมื่อกี๊เป็นการแต่งขึ้นมาทั้งนั้น มีเพียงการพูดแบบนี้ ถึงจะสามารถทำให้อารียาเห็นใจได้

และเธอก็ไม่กลัวว่าอารียาจะรู้ความจริง ชลาธิปลงมือจัดการรพีพงษ์เอง ยังไงชาตินี้อารียาก็ไม่มีทางรู้ความจริงของเรื่องนี้แน่นอน

อารียาฟังขนมปังพูดจบ ก็โมโหทันใด เธอไม่คาดคิดว่าคนที่เจอที่มหาลัยวันนั้นจะน่าเกลียดได้ขนาดนี้ ตีขนมปังได้ขนาดนี้

ดูๆแล้วคนนั้นน่าจะเป็นสิบแปดมงกุฏจริงๆ ความรู้สึกในใจเหล่านั้นของเธอ น่าจะเป็นความรู้สึกที่ผิดพลาด

เธอยืนขึ้นมา จูงขนมปังนั่งข้างเตียง ดูรอยมือบนใบหน้าของขนมปังอย่างละเอียด พบว่าตบจริงอะไรจริง และยังใช้แรงไม่น้อยอีกด้วย นี่ทำให้เธอเชื่อคนพูดเหล่านั้นของขนมปัง และยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกด้วย

“ขนมปัง ทำให้เธอลำบากใจแล้ว ไม่คาดคิดจริงๆว่าคนนั้นจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ลงมือหนักขนาดนี้กับผู้หญิงได้ ความจริงฉันคิดว่าคนนั้นรู้จักกับฉันจริง ถึงได้หาฉันเจอ เขามาเพื่อหลอกเท่านั้น” อารียากล่าว

“คุณหนู ไม่ต้องซีเรียสที่ขนมปังโดนตบนะคะ เพียงแค่คนที่มีเจตนาร้ายนั้นทำร้ายคุณหนูไม่ได้ก็โอเคแล้ว” ขนมปังกล่าวด้วยสีหน้าเมตตา

“ไม่ได้หรอก แกโดนตบขนาดนี้ ฉันก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ เดี่ยวฉันจะให้พ่อชดเชยให้แก ลำบากแกเลย” อารียากล่าว

ขนมปังแสดงสีหน้าที่ทำทุกอย่างเพื่อคุณหนู แต่ใจในนั้นหัวเราะ คิดในใจว่าครั้งนี้คุณหนูจะต้องเกลียดไอ้อัปรีย์นั่นแน่นอน แบบนี้แม้คนนั้นจะมาหาคุณหนู ต่อไปคุณหนูก็ไม่มีทางเจอเขาแล้ว

อารียาไม่รู้ความรู้สึกที่แอบแฝงไว้ ในตระกูลพงศ์ธนธดาเธอได้รับการปกป้องตลอดเวลา จะรู้ได้อย่างไร ว่าสาวใช้ของกายเธอ จะเป็นคนร้ายกาจได้ขนาดนี้

ช่วงบ่าย

ในห้องสมุดของชลาธิป

เงาๆหนึ่งยืนอยู่หน้าของชลาธิป ในมือถือแฟ้มเอกสารไว้ บนเอกสารเขียนว่า “ผลการสืบประวัติรพีพงษ์” กี่คำนี้

คนนั้นนำรายงานในมือนั้นวางไว้บนโต๊ะของชลาธิป แล้วกล่าว “คุณนายใหญ่ เบื้องหลังของคนนั้นที่ชื่อรพีพงษ์ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว คนนี้เป็นสามีในอดีตของคุณหนูจริงๆ ในตอนคุณหนูอยู่ที่เมืองริเวอร์ ได้แต่งกับคนชื่อรพีพงษ์”

เมื่อชลาธิปได้ยินคำพูดของคนนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ความจริงเพราะขนมปังถูกตบ เขาจึงอยากรู้ว่ารพีพงษ์เป็นใครกันแน่ ดังนั้นจึงจัดคนไปสืบตัวตนของรพีพงษ์

ไม่คาดคิดว่าคนนี้จะเป็นสามีของลูกสาวก่อนที่จะสูญเสียความจำ นี่ทำให้ชลาธิปคิดมากอย่างอดไม่ได้

ความจริงเขาคิดว่าหลังจากที่ตนเองพาอารียามาเมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว ตามความสามารถของคนในเมืองเล็กๆอย่างเมืองริเวอร์ ไม่มีทางรู้ได้ถึงตัวตนของอารียาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในขณะนี้

ไม่คาดคิดว่าผ่านมาไม่นานเท่านั้น คนที่นั่นก็หาเจอแล้ว นี่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของชลาธิป

เขาได้สร้างตัวตนใหม่ให้กับอารียา อารียาในตอนนี้ก็คือลูกสาวของชลาธิป ดารินทร์ และอารียาในอดีตก็เท่ากับว่าเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีคนรู้เรื่องระหว่างสองคน

ถึงแม้จะเป็นตระกูลธาดาวรวงศ์ ก็ไม่รู้ว่าลูกสาวคนนี้ของเขาเคยแต่งงานมาก่อน ชลาธิปปกปิดได้แนบเนียนมาก

แต่ตอนนี้รพีพงษ์มาหาถึงที่ เขาต้องคิดใหม่ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร

ตัวตนในอดีตของอารียา ห้ามถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่งั้นจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลธนธดาและตระกูลธาดาวรวงศ์ อีกทั้งเรื่องแต่งงานจะสำเร็จหรือไม่

ดังนั้นรพีพงษ์ตัวอันตรายนี้ เขาจำเป็นต้องกำจัดออก

ชลาธิปหยิบรายงานบนโต๊ะขึ้นมา ดูอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์คือสวะของเมืองริเวอร์ ก็หน้าถอดสีทันที

“ลูกสาวฉันแต่งงานกับไอ้สวะ หลายปีมานี้ เธอชั่งลำบากจริงๆ”

เมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของชลาธิปได้ยินคำพูดของชลาธิปแล้วนั้น แล้วกล่าว “ตัวตนไอ้สวะของรพีพงษ์นี้ ความจริงคือเป็นการปลอมขึ้นมา ตัวตนที่แท้จริงของเขา คือคุณชายของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเมืองเกียวโต ปัจจุบัน รพีพงษ์คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ไปแล้ว มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางหาเจอได้เร็วขนาดนี้”

ชลาธิปกระตุกคิ้ว ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะมีตัวตนแบบนี้ด้วย แล้วรีบเปิดไปดูด้านหลังของรายงานพบว่ารพีพงษ์เป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆ

“รพีพงษ์นี่ล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อยเลยนะ โดนมาตัวเองไล่ออกจากตระกูล ต่อมาก็พึ่งความตั้งใจของตัวเอง แย่งตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์กลับมาได้ ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ เสียดาย ตระกูลลัดดาวัลย์ เทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของตระกูลธาดาวรวงศ์ ตัวอันตรายนี้ ยังไงก็ต้องกำจัด มิเช่นนั้นถ้าตระกูลธาดาวรวงศ์รู้เข้า ไม่รู้จะอธิบายยังไง” ชลาธิปกล่าว

ด้วยความสามารถของตระกูลธนธดา สามารถสืบค้นประวัติของรพีพงษ์มาได้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ทว่าไม่ว่าตระกูลธนธดาจะเยี่ยมขนาดไหน ก็ไม่สามารถสืบเจอตัวตนของรพีพงษ์ที่เป็นลูกชายของเทือกเขากิสนาได้

“คุณนายใหญ่ หลังจากที่รพีพงษ์มาเมืองเซี่ยงไฮ้แล้วนั้น ได้พบปะกับวิไลพรของบริษัทลานคอนกรุ๊ป และโสธร ถ้าพวกเราอยากจะให้เขาหายไป แม้จะทำได้ แต่ไม่มีทางให้หายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ ดังนั้นถ้าคุณนายใหญ่ต้องการกำจัดคนนี้ ต้องคิดให้ถี่ถ้วนนะครับ” คนที่ยืนอยู่หน้าชลาธิปเตือนขึ้นมา

ชลาธิปพยักหน้า แล้วกล่าว “ความหมายฉันคือกำจัดตัวอันตรายนี้ ไม่ใช่กำจัดคนนี้”

“ในเมื่อตอนนี้รู้ถือตัวตนที่แท้จริงของรพีพงษ์แล้ว อยากคิดว่าวิธีต่อกลอน ก็ไม่ยากแล้ว กำจัดคนนี้ ไม่เพียงแค่คนของเมืองเซี่ยงไฮ้จะสืบหาเท่านั้น เมืองเกียวโตก็คงทำตามเช่นกัน ถึงเวลานั้นเรื่องใหญ่แล้วจะจัดการอะไรยาก”

“แต่ไม่ว่าจะยังไงตระกูลลัดดาวัลย์ ก็เป็นแค่ตระกูลที่มีความสามารถเหมือนกันพวกเรา ถ้าให้ผลประโยชน์เพียงพอ เชื่อรพีพงษ์ก็ไม่น่าจะปฏิเสธ

เมื่อคนนั้นได้ยิน ก็พยักหน้า แล้วกล่าว “คุณนายใหญ่พูดมีเหตุผล ตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ที่เมืองเกียวโตหรือยิ่งใหญ่ค้างฟ้า แต่ถ้าเทียบกับความสามารถของตระกูลพงศ์ธนธดาแล้ว ห่างกันอีกมาก คุณนายใหญ่แค่พยักหน้า เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”

ชลาธิปพยักหน้า ด้วยความภูมิใจ ค่อนข้างมั่นใจ กับความสามารถของตระกูลธนธดา

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็นัดให้ฉันหน่อย ฉันอยากเจอรพีพงษ์ ถึงเวลานั้นพูดจริงทำจริง ถ้าเขาไม่เชื่อ ก็ให้เขารู้ถึงแบล็คกราวน์ของเรา หากเขายังไม่เชื่ออีก งั้นตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของตระกูลธนธดาแล้ว” ชลาธิปกล่าว

คนนั้นพยักหน้า หมุนตัวออกจากห้องสมุด ไปจัดการเรื่องที่จะให้รพีพงษ์มาเจอกับชลาธิป

ชลาธิปก้มดูรายงาน จากนั้นก็ยิ้มดูแคลน แล้วพึมพำ “ลูกสาวของชลาธิป ทำไมถึงได้แต่งกับคนที่มีเคยมีฉายาเป็นไอ้สวะได้นะ หวังว่าเด็กนี่จะรู้ว่า ฉันไม่ซีเรียสอดีตของดารินทร์ เขาก็อย่าหวังจะข้องเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตของดารินทร์อีกเลย มิเช่นนั้น ฉันก็จะไม่เกรงใจแล้ว”

……

บนรถแท็กซี่ รพีพงษ์นั่งเบาะหลัง จ้องไปที่กระจก นึกกลับไปตอนที่ตนเองรับสายนั้น

นายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดาอยากเจอเขา

นี่เหนือความคาดหมายของเขา เพราะเขามองว่า ตบสาวใช้ไป ไม่เพียงพอที่นายใหญ่ของตระกูลจะมาคุยกับเขาด้วยตัวเอง

ดังนั้นรพีพงษ์จึงคิดความเป็นไปได้อีกอย่างออกในทันใด เพราะเรื่องของขนมปังนายใหญ่ของตระกูลธนธดา ได้สืบค้นตัวตนของเขา และเดาออกถึงเหตุผลที่ตนมาเมืองเซี่ยงไฮ้

เขาอยากเจอตน สิ่งที่จะพูด น่าจะเกี่ยวข้องกับอารียา

รพีพงษ์ไม่ต่อต้านคนนั้นอาจจะเป็นเพราะเป็นพ่อแท้ๆของอารียา เขาก็แปลกใจกับตัวตนของอารียา เขาอยากฉวยโอกาสนี้ ถามดู ว่าทำไมตอนนั้นถึงได้ทิ้งอารียาไป

คนขับรถจ้องรพีพงษ์โดยมองผ่านกระจกหลัง แล้วถาม “ไอ้หนุ่ม จะไป Waldorf Astoria Hotels จริงๆหรอ ผมได้ยินมาว่าที่นั่นคือโรงแรมระดับห้าดาวเลยนะ คนที่ไปกินข้าวในนั้น เป็นเศรษฐีที่มีเงินเป็นร้อยล้านเลยนะ”

“ใช่ มีคนเลี้ยงข้าว ไม่ไปไม่ได้” รพีพงษ์ยิ้มพลางตอบ

“โหโหโห ดูสิ โม้ใหญ่เลยนะ ตอนคุณขึ้นเราผมได้สอดส่องดูแล้ว คุณสวมชุดธรรมดาแบบนี้ ไม่เหมือนคนมีเงินนะ ไอ้หนุ่ม ผมจะบอกให้ วัยรุ่นชอบแข่งกันโดยใช้เงิน ความจริงมันไม่จำเป็นเลยนะ ร้านเล็กๆในตรอกในซอยทั้งถูกทั้งไม่แพง ไปที่นั่นดีจะตาย ทำไมต้องไป Waldorf Astoria Hotels เดี๋ยวพอเช็คบิลไม่มีเงินจ่าย ต้องไปล้างจานให้เขา แล้วคุณจะรู้สึก” อาจะเป็นเพราะคนขับรถไม่มีคนคุยด้วยมานาน จึงได้สั่งสอนรพีพงษ์ไป

รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วกล่าว “พี่ เอาจริงๆ ถ้าผมจะซื้อ Waldorf Astoria Hotels นี้ สบายมาก”

คนขับรถชักตา แล้วกล่าว “พวกวัยรุ่นพวกนี้ ขี้โม้เก่งจริงๆ ถ้าคุณสามารถซื้อโรงแรมนั้นได้จริงๆ ยังจะมานั่งรถของผมอยู่อีกหรอ ขี้โม้หน้าไม่อาย”

รพีพงษ์หัวเราะ ไม่พูดอะไรต่อ เขาไม่ได้ขี้โม้ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตก็เท่านั้น

ไม่นาน คนขับรถได้หยุดรถอยู่ที่ Waldorf Astoria Hotels รพีพงษ์ลงจากรถ มีพนักงานสองคนเดินเข้ามาทันที แล้วถาม “มิทราบว่า ใช่คุณรพีไหม”

รพีพงษ์พยักหน้า

“กรุณาตามผมมา คุณชลาทิปกำลังรอคุณอยู่ด้านใน”

จากนั้นรพีพงษ์ก็เดินตามสองคนนั้นเข้าไป

คนขับรถเห็นเหตุการณ์ ก็ตาโตขึ้นมา แล้วพึมพำ “พระเจ้า มีคนเลี้ยงข้าวมันที่นี่จริงๆด้วยแหะ เด็กคนนี้ ไม่ธรรมดา”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท