พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่565 วางยา

บทที่565 วางยา

บทที่565 วางยา

ในร้านอาหารตะวันตกแห่งหนึ่ง

รพีพงษ์กับวิไลพรนั่งลงที่โต๊ะ ชาวต่างชาติสวมสูทท่าทางโก้คนหนึ่งกำลังสีไวโอลินอยู่ข้างๆ บรรยากาศของร้านอาหารนั้นสะดวกสบาย ทำให้ผู้มานั่งรู้สึกสบายอารมณ์

“เด็กสาวที่ชื่อเยาวเรศฉันเห็นว่าไม่เลวนะคะ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจรับไว้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะปฏิเสธ คงกลัวว่าจะโดนเถ้าแก่กินมั้งคะ”วิไลพรพูดพลางหัวเราะขบขัน

“ทุกคนมีความต้องการในรูปแบบของตัวเองมั้ง เธอจะเลือกเส้นทางไหนก็เป็นเรื่องของเธอ ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา”รพีพงษ์พูดขึ้น

“คุณนี่มันน่าเบื่อจริงๆ คุยกับคุณ ฉันเพิ่งเข้าใจนี่เองว่าอะไรเรียกว่าคุยจนฟ้าถล่ม”วิไลพรเปิดปากพูด

รพีพงษ์ยักไหล่ ดูไม่ยี่หร่าในความเห็นของวิไลพรที่แสดงต่อเขา

“คุณชายตระกูลธาดาวรวงศ์กลับมาแล้ว คนนี้ชื่อฉัตรพล เป็นนักสู้ที่บ้าคลั่งคนหนึ่ง ที่เขาหายไปไม่กี่ปี เขาไปเรียนวิชากับอาจารย์ที่ประเทศประเทศญี่ปุ่น”วิไลพรครุ่นคิด แล้วเบี่ยงประเด็น

“ไม่ว่าเป็นใคร ที่ขัดแย้งความคิดของเมียผม อย่าว่าแต่จะเป็นปรมาจารย์มาจากไหนเลย ต่อให้เป็นจอมยุทธ์วัดเส้าหลิน ผมก็จะกำราบให้ศิโรราบ”รพีพงษ์ยิ้ม สำหรับเรื่องการต่อสู้แล้ว เขามีความมั่นใจเสมอมา

“พอฉัตรพลกลับมา ก็เริ่มมาปรากฏตัวตามสถานที่ต่างๆในเมืองเซี่ยงไฮ้ อีกอย่างเขาเป็นคนมีศักยภาพมาก จนบัดนี้ยังไม่มีใครล้มเขาได้สักคน ถ้าคุณมั่นใจในศักยภาพตัวเองขนาดนั้น ก็ลองไปซัดกับเขาสักตั้งดูสิ”วิไลพรหยอกเย้า

“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา รอได้เวลาสุกงอมก่อน ผมจะสั่งสอนเขาเองว่าอะไรเรียกว่าศักยภาพ”รพีพงษ์ตอบคำถาม“เรื่องที่ผมจัดแจงให้เป็นอย่างไรบ้าง”

วิไลพรหัวเราะร่าพูดขึ้น“คุณวางใจงานที่ฉันทำเถอะ การจัดการในคราวนี้ รับรองว่าเพียงพอต่อความต้องการของตระกูลธาดาวรพงศ์ ตอนนี้ก็แค่รอเวลาสุกงอมอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ”

รพีพงษ์พยักหน้า กินเสต็กเนื้อในจานไปจนหมด

เวลานี้เองเสียงข้อความในมือถือของวิไลพรดังขึ้นหลังจากที่เธอก้มลงดู จึงยื่นให้รพีพงษ์

“คนที่คุณพร่ำพรรณาถึงกำลังจะออกจากบ้านแล้ว คุณไม่ไปคุ้มครองสักหน่อยหรือ”

รพีพงษ์จ้องดูมือถือของวิไลพร พอเห็นเขียนว่าอารียากับขนมปังออกจากบ้านพงศ์ธนธดาแล้ว และดูเหมือนกำลังจะไปเดินเล่นที่จตุรัสถนนคนเดิน

หลังจากที่รพีพงษ์กลับมาจากบ้านพงศ์ธนธดา ก็ได้จัดคนสะกดรอยตามนานแล้ว เพียงแค่อารียาออกจากประตูบ้าน ก็จะรีบรายงานทันที

รพีพงษ์หยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดปาก เขาไม่ได้พูดอะไรกับวิไลพร ก็ก้าวฉับๆออกจากร้านอาหารไป

วิไลพรรู้อยู่แล้วว่ารพีพงษ์จะไปทำอะไร จึงรู้สึกเคืองขึ้นมานิดๆ บ่นพึมพำ“จะไปก็ไม่บอกไม่กล่าว น่าโมโหจริง”

หลังจากที่ได้สมาคมกับรพีพงษ์มาพักใหญ่ วิไลพรก็พอจะคลำทางนิสัยของรพีพงษ์ได้ถูก เธอใช้ลูกไม้ของตัวเอง เพื่อให้รพีพงษ์ระวังตัวกับเธอน้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่ได้มานั่งกินอาหารฝรั่งกันแบบนี้อยู่สองคนหรอก

เดิมทีรพีพงษ์ที่ลดความระวังตัวกับวิไลพรจะคุยกับเธอให้มากหน่อย แต่ขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอารียา วิไลพรก็จะหมดความหมายในสายตารพีพงษ์ไปทันที ทำให้วิไลพรรู้สึกขัดใจ

เธอมองดูรพีพงษ์ก้าวฉับๆออกไปจากร้านอาหาร เธอจือปากงอนตุ๊บป่องราวกับสาวน้อยก็ไม่ปาน แววตาระคนไปด้วยความหึงหวง

……

จตุรัสคนเดินถนน

หลังจากที่รพีพงษ์มาถึง ก็เริ่มที่จะมองหาเงาของ อารียา และก็เพื่อไม่ให้อารียาจำเขาได้ เขาก็ได้ซื้อหมวกแก๊ปมาใบหนึ่ง

ตอนนี้อารียาเข้าใจรพีพงษ์ผิดไม่น้อย ดังนั้นรพีพงษ์จึงได้แต่แอบตามอารียา เพราะถ้าประจัญหน้ากันตรงๆ อารียาก็จะสะบัดก้นหนี

เดินวนจตุรัสถนนคนเดินอยู่รอบหนึ่ง รพีพงษ์ไม่เห็นอารียาแม้แต่น้อย ในใจคิดอยู่ว่าอารียาออกมาเดินเล่น น่าจะไปในที่ๆคนไม่มาก เขาจึงเบนทิศเดินไปทางสวนสาธารณะของจตุรัสคนเดินถนน

ในตอนที่เดินไปครึ่งทาง รพีพงษ์จึงเดินเข้าไปในร้านขายชานม เขาเห็นเงาที่คุ้นเคย เป็นสาวใช้ต้นห้องของอารียา ขนมปังนั่นเอง

เขาจึงรีบเดินไปแถวร้านชานม ในเมื่อขนมปังอยู่นี่ อารียาก็น่าจะอยู่แถวๆนี้

แต่ดูอยู่นานสองนาน รพีพงษ์ก็ยังไม่เห็นเงาของอารียาเลยแม้แต่น้อย

เขาเองก็ไม่ได้ร้อนใจอะไรนัก ในเมื่อหาขนมปังเจอแล้ว เดี๋ยวค่อยๆสะกดรอยตาม ไป ก็คงจะหาอารียาเจอเอง

เขาก็เลยรออยู่แถวๆร้านชานม รอจนขนมปังถือชานมออกมาสองแก้ว เขากดหมวกลง เพื่อบังหน้า แล้วค่อยๆย่องตามไป

ขนมปังเดินไปทางสวนสาธารณะจริงๆ เพียงแต่เดินไปในทิศทางที่ไม่มีคน ขนมปังหันไปมองรอบๆทิศ เดินไปที่ม้านั่งตัวหนึ่ง วางชานมสองแก้วลง เปิดฝาแก้วหนึ่งขึ้น หยิบซองๆหนึ่งออกมา แล้วเทผงลงไปในแก้ว

พอเห็นภาพนี้รพีพงษ์จึงขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าขนมปังเทอะไรลงไป

ถ้าเดาไม่ผิด ชานมแก้วหนึ่งคงจะส่งให้อารียาดื่ม รพีพงษ์แน่ใจว่า ขนมปังคงจะไม่ดื่ม แก้วที่ตัวเองเทอะไรลงไปแน่นอน

การที่ได้สัมผัสก่อนหน้าทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าขนมปังไม่น่าจะใช่คนดีอะไร เขามั่นใจว่าขนมปังคงไม่ได้ใส่ยาบำรุงความทรงจำให้กับอารียาแน่นอน

หรือว่าชลาธิปจะรู้ตัวว่าตัวเองต่อกรกับรพีพงษ์ไม่ไหว แต่ก็จะตัดมิตรกับตระกูลธาดาวรวงศ์ไม่ได้ ความลำบากสองอย่างนี้ จึงคิดจะวางยาอารียา แล้วค่อยหาเหตุผลว่าอารียา เกิดอุบัติเหตุ แบบนี้ก็ตัดสิ่งกวนใจออกไปได้

แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร รพีพงษ์ไม่มีทางให้อารียาดื่มชานมแก้วนี้แน่นอน

ขนมปังมาถึงสวนสาธารณะได้ไม่นาน รพีพงษ์เห็นอารียานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ตัวหนึ่ง ในมือประคองหนังสือเล่มหนึ่งก้มหน้าอ่าน

ขนมปังยื่นชานมส่งให้อารียาตรงหน้า ใบหน้าพกพารอยยิ้มธรรมชาติ พูดขึ้น“คุณหนูคะ ชานมค่ะ ชานมร้านนี้ขึ้นชื่อมากเลยนะคะ รับรองว่าคุณหนูดื่มแล้วจะติดใจ”

พูดพลางขนมปังยื่นชานมในมือให้อารียา เป็นแก้วที่เธอเทของใส่ลงไปแก้วนั้น

อารียารับแก้วชานมไป ใบหน้าส่งยิ้ม พูดขึ้น“หอมจังเลยนะ แม้ว่าฉันจะจำไม่ได้ว่าก่อนหน้าฉันชอบชานมหรือเปล่า แต่ว่ากลิ่นนี้น่ะทำให้ฉันรู้สึกอยากดื่มมันขึ้นมาทันทีเลย”

ขนมปังยิ้ม แล้วพูดขึ้น“เมื่อก่อนคุณหนูก็ชอบดื่มค่ะ บางทีวันหนึ่งดื่มหลายแก้วเลยทีเดียว รีบชิมดูสิคะ ชานมรสนี้เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเขาเลยนะคะ”

อารียาพยักหน้า เปิดฝาชานม เตรียมยกขึ้นดื่ม

ในเวลานี้เอง มือหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังอารียา แล้วแย่งชานมแก้วนั้นไป

“เธอใส่อะไรลงในชาแก้วนี้”รพีพงษ์จ้องขนมปังเขม็ง แววตามีความเยือกเย็นออกมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท