พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่584 นี่มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉัน

บทที่584 นี่มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉัน

บทที่584 นี่มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉัน

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่รพีพงษ์และอารียาตื่นขึ้นมา มาถึงห้องอาหาร บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารมากมาย อาหารเหล่านี้ชนิสราเป็นคนทำ เมื่อวานรพีพงษ์และอารียากลับมา ก็ไปรับชนิสราและศักดาทั้งสองคนกลับมา

ศักดาเดินออกจากห้องอย่างหดหู่ใจ และนั่งลงที่โต๊ะอาหาร

รพีพงษ์และอารียาก็นั่งลง ชนิสราก็ยกน้ำซุปเดินมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า: “ตอนเช้าซื้อผักเร่งรีบไปหน่อย อาหารที่ทำก็เลยมีไม่มากมัก ทานๆไปก่อนนะ ก็คือสักว่าต้อนรับพวกคุณกลับมา”

รพีพงษ์และอารียาก็ยิ้ม พูดคุยกับชนิสราไม่กี่ประโยค มีเพียงแต่ศักดาเท่านั้นที่สีหน้าเคร่งเครียด เห็นได้ว่าข้างๆดวงตาของเขามีรอยช้ำ นี่คือเมื่อสองวันก่อนไปหาศศินัดดา แล้วถูกศศินัดดาทำร้าย

“พ่อ พ่อก็อย่างหดหู่ใจแต่เช้าเลย พวกเราเพิ่งจะกลับมา พ่อก็ต้องมีความสุขสักหน่อย”อารียามองไปที่ศักดา แล้วพูด

ศักดาถอนหายใจ มองไปที่อารียา แล้วถามว่า: “ลูก ตอนนี้พ่อ….พ่อยังเรียกแกว่าลูกได้อยู่เหรอ? ลูกก็รู้ประวัติความเป็นมาของตัวเองแล้ว ตามหลักแล้ว ลูกก็ควรจะอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ที่นั่นเป็นบ้านที่แท้จริงของลูก”

อารียายิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “พ่อค่ะ พ่อพูดจาเหลวไหลอะไรกัน แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่พ่อก็เป็นคนเลี้ยงดูหนูมาจนโต ถ้าหากว่าหนูจะอยู่ที่นั่นต่อไป ตอนนี้พ่อก็ไม่ได้เจอหนูแล้ว”

เมื่อศักดาได้ยินคำพูดของอารียา ก็โล่งใจทันที รู้สึกว่าที่ตัวเองบอกความเป็นมาของอารียาให้กับรพีพงษ์ เป็นทางเลือกที่ถูกแล้ว

จากนั้นเขาหันไปมองรพีพงษ์ แล้วถามว่า: “รพีพงษ์ วันนี้นายจะไปหานังบ้าศศินัดดาหรือเปล่า?”

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “ตอนนี้หล่อนยังไม่ได้หย่ากับคุณ แต่ไปอยู่กินกับผู้ชายอื่น มันไม่น่าจะสมเหตุสมผล ที่สำคัญผมก็มีบัญชี ต้องคิดกับหล่อนด้วย”

ศักดาถอนหายใจ และไม่พูดอะไร

หลังจากรับประทานอาหาร รพีพงษ์ให้อารียาไปเก็บข้าวของที่จำเป็นสำหรับไปใช้ฮันนีมูนในครั้งนี้ จากนั้นเขาก็ออกไปข้างนอก และไปยังชุมชนที่ศศินัดดาอยู่

คฤหาสน์ในชุมชนที่ศศินัดดาซื้อมีชื่อว่าชุ่มชนดอนแก้ว ถือได้ว่าเป็นชุมชนที่มีชื่อหรูหราที่อยู่ในเมืองริเวอร์

ก่อนจะไปที่ชุ่มชนดอนแก้ว ไปที่บริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปก่อน และตรวจสอบข้อมูลของชุ่มชนดอนแก้ว พบว่าชุ่มชนดอนแก้วเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป

ต่อมาเขาก็ให้เธียรวิชญ์ตรวจสอบคฤหาสน์ของศศินัดดา พบว่าคฤหาสน์หลังนั้นไม่ได้เขียนชื่อของศศินัดดา แต่เขียนชื่อของผู้ชายที่ชื่อว่าฆนีกร

ถ้าหากเดาไม่ผิด ฆนีกรคนนี้ คือผู้ชายที่อาศัยอยู่ด้วยกันกับศศินัดดา แต่บนโฉนดบ้านมีชื่อของฆนีกรเพียงคนเดียว จึงทำให้รพีพงษ์เชื่อว่า ศศินัดดาถูกคนหลอก

หลังจากตรวจสอบชัดเจนแล้ว รพีพงษ์จึงออกจากบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ปไปยันชุ่มชนดอนแก้ว

ถึงหน้าประตูชุ่มชนดอนแก้ว รพีพงษ์หยิบคีย์การ์ดออกมา หลังจากรูดเสร็จ จึงเดินเข้าไปข้างใน

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูรู้สึกว่าไม่คุ้นหน้ารพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “หัวหน้าครับ คนที่เพิ่งเข้ามาผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ที่สำคัญเขาคีย์การ์ดที่เขาถือไม่ค่อยเหมือนกับของชุมชนพวกเราเลย คนคนนี้คงไม่ใช่ว่ามาขโมยข้าวของในชุมชนพวกเรานะ ทำการ์ดถอดรหัสเพื่อเข้าถึงการทำงานของเครื่องทาบคีย์การ์ดของพวกเราด้วยตัวเอง?”

เมื่อหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินคำพูดของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สายตาก็จับจ้องทันที และก็เหลือบมองไปที่รพีพงษ์ที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้รพีพงษ์ก็ถือคีย์การ์ดนั้นไว้ในมืออยู่พอดี

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องไปที่คีย์การ์ดในมือของรพีพงษ์สักพัก จากนั้นหรี่ตา เหมือนกับว่าคิดอะไรบางอย่างออก ดวงตาก็เบิกกว้าง แล้วก็ตบหัวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นทันที

“คีย์การ์ดที่คนคนนั้นถือทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับชุมชน คีย์การ์ดประเภทนี้มีให้เฉพาะเจ้านายของชุมชนพวกเราและผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ไว้ถือเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ว่าฉันดูดีๆ เมื่อกี้ก็ให้แกพาคนพุ่งไปจับตัวเขาไว้แล้ว เกือบจะทำให้เกิดความฉิบหายจริงๆ”หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดอย่างตื่นตูม

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเมื่อกี้รู้สึกประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าคีย์การ์ดในมือของรพีพงษ์จะทำขึ้นเป็นพิเศษ ไม่แปลกใจที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

ในขณะเดียวกันเขาก็เกิดความรู้สึกทอดถอนหายใจ คนที่เพิ่งเดินเข้าไปยังเด็กอยู่เลย อายุเพียงเท่านี้สามารถเป็นผู้ถือหุ้นในชุมชนได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ

หลังจากรพีพงษ์เข้ามาในชุมชนแล้ว ก็เดินตรงไปที่ตั้งอยู่ของคฤหาสน์ของศศินัดดา มาถึงที่หน้าประตูของคฤหาสน์ และกดกริ่งประตู

ผ่านไปเพียงครู่เดียว ประตูของคฤหัสถ์ก็เปิดออก ศศินัดดาก็เดินออกมาจากข้างในพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า: “คุณก็มีกุญแจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยัง….”

ก่อนที่จะพูดจบ ศศินัดดาถึงค่อยสังเกตเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูคือรพีพงษ์ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นพูดด้วยเสียงทุ้ม: “ตัวซวยอย่างแกมาที่นี่ได้ยังไง? ฉันก็คิดว่าแกตายที่ข้างนอกแล้ว แกรีบไสหัวออกไปให้พ้นๆเดี๋ยวนี้ ที่นี่คือบ้านของฉัน แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมา”

หลังจากพูดจบ หล่อนกำลังจะปิดประตู

รพีพงษ์ยื่นมือออกไปเพื่อผลัก ใช้แรง ก็ผลักศศินัดดากลับเข้าไปในคฤหาสน์

เขาเดินตามเข้ามา และมองไปรอบๆหนึ่งรอบ และไม่พบคนอื่น

“ตัวซวยอย่างแก ฉันอนุญาตให้แกเข้ามาแล้วเหรอ แกทำให้ลูกสาวของฉันหายตัวไป ทำให้ครอบครัวของฉันถูกฆ่า แกยังมีหน้ามาบ้านฉันอีก แกรีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา!”ศศินัดดาตะโกนใส่รพีพงษ์อย่างรุนแรง

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของศศินัดดา ก็โกรธทันที หล่อนไม่พูดถึงเรื่องของอารียาก็ยังดีอยู่หรอก พอพูดถึงรพีพงษ์ก็โกรธโมโห ถึงขนาดนี้แล้วผู้หญิงคนนี้ ยังจะโยนความผิดมาที่บนตัวของเขาอีก ไร้ยางอายจริงๆ

เขายกมือขึ้น ตบลงไปที่หน้าของศศินัดดา ด้วยแรงตบทำให้ศศินัดดาล้มลงกับพื้น

“คุณยังรู้ตัวเหรอว่าลูกสาวตัวเองหายไป? สถานการณ์ของอารีคุณไม่ไปสนใจ แต่กลับวิ่งแจ้นมาเกลือกกลั้วอยู่กับผู้ชายไม่รู้ที่มาที่ไป คุณคิดถึงมั้ยว่าถ้าอารีรู้เรื่องเหล่านี้แล้ว จะรู้สึกอย่างไร?”รพีพงษ์ถาม

ศศินัดดากุมใบหน้าของตัวเองไว้ คำพูดของรพีพงษ์ทำรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เธอยังไม่พอใจที่รพีพงษ์ตบเธอ และพูดว่า: “ฉันทำอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับแก! แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าให้ฉัน!”

จากนั้นหล่อนก็วิ่งไปที่โต๊ะ กดปุ่มหนึ่งปุ่ม ปุ่มนี้ใช้เพื่อเรียกขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพียงกดปุ่ม ก็จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมา

“จะบอกแกให้ ฉันเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้ว แกบุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว ฉันจะให้พวกเขาจับแกส่งเข้าไปในคุก แกรอติดคุกได้เลย!”ศศินัดดาตะโกนอย่างคนบ้า

หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รีบวิ่งพุ่งมาที่หน้าประตูคฤหาสน์ของศศินัดดาพร้อมกับกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

เมื่อศศินัดดาเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า: “พวกแกรีบจับตัวเขาเดี๋ยวนี้ เขาบุกรุกที่พื้นส่วนตัว ยังลงมือตบตีฉันด้วย รีบๆจับตัวเขาไปเข้าคุกซะ!”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหลือบมองไปที่รพีพงษ์ นิ่งอึ้งไปสักพัก นี่มันคนที่ถือคีย์การ์ดพิเศษไม่ใช่เหรอ!

รพีพงษ์จ้องมองไปที่หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วพูดว่า: “นี่มันเรื่องภายในครอบครัวฉัน พวกคุณแน่ใจนะว่าจะยุ่ง?”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้ดีว่าคนตรงหน้านี้ไม่ธรรมดา คนแบบนี้เขาไม่ควรมีปัญหาด้วย ที่สำคัญเขาก็พูดแล้วว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว พวกเขาก็ไม่อยากก้าวก่าย

หลังจากคิดเรื่องนี้ หัวหน้าเจ้าที่รักษาความปลอดภัยก็แสดงรอยยิ้มขอโทษให้รพีพงษ์ จากนั้นจึงนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ภายใต้การจ้องมองอย่างงุนงงของศศินัดดา จากออกไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท