พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่566 วอดวายเหมือนเดิม

บทที่566 วอดวายเหมือนเดิม

บทที่566 วอดวายเหมือนเดิม

ขนมปังกับอารียาไม่คิดว่าจู่ๆจะมีมือยื่นออกมาแย่งแก้วชานม จึงตกใจสะดุ้ง

ในตอนที่รพีพงษ์พูดคำพูดนั้นออกมา ในใจขนมปังหล่นว๊าบ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเห็น เรื่องที่เธอใส่ของลงไปในแก้วชานม

เธอกลอกตา ถลึงตาจ้องรพีพงษ์อย่างขัดเคือง พูดขึ้นว่า“แกอีกแล้วเหรอ ตกลงแกจะเอาไงกันแน่ ไปอาละวาดที่บ้านเราก็ช่างเถอะ แกคิดว่าตระกูลพงศ์ธนธาดารังแกกันง่ายๆหรือไง!”

พออารียาเห็นว่าคนที่โผล่มาคือรพีพงษ์จึงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับการปรากฏตัวแล้วแย่งชานมไปจากมือเธอของรพีพงษ์

รพีพงษ์ไม่สนใจคำตะโกนของขนมปัง รอจนเธอพูดจบ จึงถามขึ้นอีกรอบหนึ่ง“ฉันถามเธอว่าใส่อะไรลงไปในแก้วนี้!”

ขนมปังมีสีหน้าลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที แต่ไม่นานก็หาทางรับมือได้ ตะโกนว่า“แกพูดมั่วอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ ฉันไม่ได้ใส่อะไรลงในชานมสักหน่อย แกมาจ้องหาเรื่องกันชัดๆ คุณหนูของเราอุตส่าห์จะกำลังดื่มน้ำชา ยังจะมาโดนแกรบกวนอีก ทุเรศจริง!”

อารียายืนป้องกันขนมปังอยู่ด้านหน้า ขมวดคิ้วมองรพีพงษ์แล้วพูดขึ้น“ตกลงคุณจะเอาอะไร พวกเราใจกว้างกับคุณมามากพอแล้วนะ ทำไมคุณต้องมารบกวนเราซ้ำๆซากๆด้วย”

“แคลร์ มันใส่ของลงในชานมคุณนะ มันอาจจะต้องการทำร้ายคุณจริงๆก็ได้ สาวใช้คุณคนนี้ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณคิดเลยนะ”รพีพงษ์พูดกับอารียา

พอขนมปังได้ยินคำพูดนี้ จึงขนลุกซู่ขึ้นทันที จึงพูดขึ้น“คุณหนูคะ อย่าไปฟังคนอื่นซี้ซัวะพูดนะคะ เขาอยากจะทำให้เราสองคนแตกกัน คนๆนี้มีแผนการในใจ พวกเรารีบหนีกันเถอะค่ะ”

“ถ้าชานมแก้วนี้ไม่ได้ใส่อะไรจริง เธอก็ดื่มให้ดูหน่อยสิ ขอแค่เธอดื่ม ฉันจะขอโทษเธอทันที”รพีพงษ์พูดขึ้น

ขนมปังร้อนตัวขึ้นมาทันที มองไปทางรพีพงษ์อย่างหาเรื่อง พูดขึ้น“ใครจะไปรู้ว่าแก้วที่แกแย่งไปแกจะใส่อะไรไว้หรือเปล่า ฉันไม่หลงกลแกง่ายๆหรอกนะ”

“งั้นเราเอาชานมแก้วนี้ไปพิสูจน์กันเถอะ ถ้าฉันตรวจเจอว่าเธอใส่อะไรลงไป ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”รพีพงษ์แค่นเสียงเย็นชา

ขนมปังร้อนรนเข้ามา จ้องมองชานมในมือรพีพงษ์ ยื่นมือไปเตรียมจะแย่งมา รพีพงษ์ยกมือขึ้น หลบมือขนมปัง จ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

ขนมปังร้อนใจขึ้นมา หันกลับไปพูดกับอารียาคำหนึ่ง “คุณหนูคะ นี่มันชานมของเราจะ ให้คนอื่นแย่งไปไม่ได้นะ เขายังใช้ชานมนี่มาดูหมิ่นหนูอีก จงใจแกล้งกันชัดๆ คุณหนูรีบแย่งชานมกลับมาเร็วค่ะ”

จากนั้นขนมปังจึงกระโจนเข้าหารพีพงษ์

รพีพงษ์พริ้วตัวหลบ พูดเสียงเย็นชา“ถ้าเธอไม่ได้ทำเรื่องน่าละอายแก่ใจ ทำไมจะต้องกลัวเรื่องเอาชานมไปพิสูจน์ด้วยล่ะ”

“ทั้งๆที่แกจะใช้ชานมเป็นเครื่องมือดูหมิ่นฉัน ฉันจะไม่ยอมให้แกดูหมิ่นเป็นอันขาด ฉันจะเอาชานมกลับมา แกรีบเอาชานมมานะ!”น้ำเสียงขนมปังแหลมสูง

รพีพงษ์ยื่นมือออกไป ขนมปังเตรียมจะแย่งของมาจากมือเขา แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

ขนมปังเห็นว่าตัวเองแย่งกลับมาไม่ได้ จึงกระโดดกอดรพีพงษ์ไว้ คิดจะให้รพีพงษ์ทำชา นมหกสาดลงบนพื้น แบบนี้รพีพงษ์ก็เอาไปพิสูจน์ไม่ได้แล้ว

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าสาวใช้ของอารียาจะเกาะแกะขนาดนี้ พอเห็นหล่อนกอดเขา เขาจึงถีบออกไปอย่างไม่ปราณี ถีบจนหล่อนล้มคะมำลงพื้น

อารียาเห็นสถานการณ์ จึงรีบถลาเข้าไปพยุงขนมปังให้ลุกขึ้น แววตาคู่สวยจ้องรพีพงษ์อย่างโกธรเคือง“พอแล้ว!ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่ ถ้าคุณอยากได้เงิน ฉันให้เงินคุณก็ได้ แต่ทำไมต้องทำร้ายร่างกายผู้บริสุทธิ์ด้วย!”

รพีพงษ์เห็นท่าทีอาละวาดของอารียาอ่อนโยนขนาดนี้ ก็เกิดความรู้สึกทะนุถนอมขึ้นในใจ สาวใช้คนนี้กล้าใส่ของลงในชานม ก็แปลว่ามีใจคิดทำร้ายอารียา ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาจะปล่อยอารียาให้อยู่ที่ตระกูลพงศ์ธนธดาต่อได้อย่างไร

“คุณหนูคะ รีบโทรหาคุณท่านเร็วค่ะ ให้คุณท่านส่งคนมาช่วยพวกเรา ไม่อย่างนั้นวันนี้เราสองคนคงตายคามือวายร้ายคนนี้แน่”ขนมปังพูดขึ้น

อารียารีบพยักหน้ารับ หยิบมือถือของตัวเองออกมา กำลังจะโทรหาชลาธิป

รพีพงษ์ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ เดินไปหยุดตรงหน้าอารียา ยื่นมือไปหยิบมือถือในมือเธอมา พูดขึ้น“แคลร์ ไว้ให้ความจำคุณฟื้นกลับมาก่อนนะ คุณจะรู้เองว่าผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลย ตอนนี้คุณแค่โดนบ้านพงศ์ธนธดามอมเมา ตอนนี้ผมให้คุณกลับบ้านนั้นไม่ได้แล้วล่ะ ที่นั่นมีอันตรายแฝงมากเกินไป คงต้องให้คุณลำบากหน่อยแล้ว”

“คุณ!”อารียาตะโกนใส่รพีพงษ์ รพีพงษ์ยื่นมือออกไป กดจุดที่หลังคออารียา เธอจึงสลบไป

ขนมปังเห็นอารียาเป็นลมล้มพับ หล่อนยิ่งร้อนใจ จ้องรพีพงษ์ถมึงทึงพูดว่า“แก……แกทำอะไร ตระกูลพงศ์ธนธดาใหญ่คับมหานครเซี่ยงไฮ้ แกทำกับคุณหนูเราแบบนี้ แกจะต้องเสียใจ!”

“เลิกตอแหลสักที ฉันว่าแกยอมรับออกมาดีกว่า ฉันอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้ ไม่อย่างนั้น อย่าว่าแต่ตระกูลพงศ์ธนธดาเลย ต่อให้เป็นตระกูลธาดาวรวงศ์ ฉันก็จะทำลายล้าง!”รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา

ขนมปังหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะกล้าพูดถึงขนาดนี้ แต่เธอก็คิดว่ารพีพงษ์อาจจะแค่ขู่เท่านั้น จึงไม่คิดจะพูดความจริงกับรพีพงษ์

“แกเลิกมาทำขู่ฉันสักทีเถอะ ตระกูลพงศ์ธนธาดาไม่ใช่แกจะมาต่อกรได้ด้วยง่ายๆ แล้วไม่ต้องไปพูดถึงธาดาวรวงศ์หรอก ถ้าแกยังคิดเดินทางผิด สุดท้ายก็มีแต่ตายกับตาย!”ขนมปังตะโกน

รพีพงษ์เห็นขนมปังไม่ยอมเปิดปากพูด จึงไม่พูดพล่ามทำเพลง หยิบมือถือออกมาโทรหาวิไลพร ให้เธอส่งรถมา

ขนมปังเห็นรพีพงษ์ไม่มีวี่แววที่จะปล่อย จึงกำลังจะวิ่งหนี รพีพงษ์คว้าตัวหล่อนเอาไว้ เขาจับขาข้างหนึ่งของหล่อนไว้ ไม่ให้วิ่งหนีไปได้

ผ่านไปไม่นานนัก วิไลพรส่งรถมาจอดเทียบสวนสาธารณะ รพีพงษ์อุ้มอารียาขึ้นรถ แล้วก็โยนขนมปังขึ้นรถด้วย จากนั้นจึงออกจากที่นี่

ที่ตึกลานคอน ในห้องพักผ่อน รพีพงพงษ์กำลังเดินวนไปเวียนมา

อารียาพักผ่อนอยู่ในห้อง จุดที่เขาสกัดอารียาเมื่อครู่ คาดว่าคงจะทำให้อารียาหลับไปได้หนึ่งวันเต็ม

วิไลพรสั่งขังขนมปังเอาไว้ ในเมื่อหล่อนไม่ยอมบอกความจริง คาดหวังคงไม่ได้รับการปล่อยออกมา

ชานมแก้วนั้นถูกนำไปพิสูจน์ ตอนนี้รพีพงษ์กำลังรอผลพิสูจน์อยู่ แล้วกำลังคิดถึงความ เป็นไปได้ของเรื่องอยู่

เป็นเวลานาน ที่เสียงรองเท้าส้นสูงเดินกึกก้องไปมา วิไลพรรีบนำรายงานผลพิสูจน์มา

รพีพงษ์รีบรุดหน้าขึ้นรับ ถามขึ้น“ว่ายังไง เป็นไงบ้าง”

วิไลพรสีหน้าสับสนพูดขึ้น“ในชานมแก้วนั้นมีส่วนผสมอื่นอยู่จริงๆ ตามคำบอกเล่าของหมอ”

“มันคือยาทำแท้ง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท