พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 577 โจมตีสุดพลัง

บทที่ 577 โจมตีสุดพลัง

บทที่ 577 โจมตีสุดพลัง

ภูดิทมองไปที่สองคนนั้นที่อยู่กลางสนามอย่างใจเย็น ดูมั่นใจในตัวลูกชายของตัวเอง ไม่กังวลว่าฉัตรพลจนแพ้ให้กับรพีพงษ์เลย

“เป็นแค่คนที่ไม่มีความสามารถอะไร ยังกล้าจะมาท้าดวลกับลูกชายฉัน ไม่ดูตัวเองเลยจริงๆ หลายปีมานี้ลูกชายของฉัน ได้เรียนกับคาเมดะอิจิโร่ปรมาจารย์การต่อสู้ที่ประเทศญี่ปุ่น ความเข้าใจของคาเมดะอิจิโร่เกี่ยวกับการต่อสู้ เกินขอบเขตของคนปกติมาก ได้ยินมาว่าเขาชนะในการสู้กับนินจานับพัน ปรมาจารย์ระดับนี้ นักเรียนที่ได้เรียนด้วย จะให้คนกระจอกๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาเทียบเทียมได้ยังไงกัน”

“ถ้าหากว่าฉันใช้พลังทั้งหมดที่มี เกรงว่าไอ้หมอนี่จะต้านทานไม่ได้เลย”

“คนในวัยนี้บนโลกปัจจุบัน สามารถทำได้ถึงระดับของลูกฉัน เกรงว่าก็คงจะมีเพียงดัมพ์รงค์คนนั้นที่อยู่เทือกเขากิสนาแล้วล่ะ มีแต่พวกขยะจริงๆที่กล้ามากระทบกระทั่งตระกูลธาดาวรวงศ์ของฉัน”

“ช่างเถอะ วันนี้จะให้ฉัตรพลปราบคนเหล่านี้พอดีเลย รอให้พวกเขาได้รู้ถึงความสุดยอดของตระกูลธาดาวรวงศ์ ต่อไปถ้าจะมาวุ่นวาย ก็ต้องไตร่ตรองดูให้ดีแล้ว”

ชลาธิปจ้องมองไปที่สองคนนั้นที่อยู่กลางสนามอย่างจริงจัง เขาเคยเห็นความแข็งแกร่งทางธุรกิจของรพีพงษ์แล้ว ดังนั้นเกี่ยวกับที่รพีพงษ์จะจัดการตระกูลธาดาวรวงศ์ ก็มีความมั่นใจอย่างมาก

แต่ในด้านของการต่อสู้ โดยเฉพาะต่อสู้กับฉัตรพล ชลาธิปไม่มีทางที่จะวางใจ

แม้ว่าเขาจะรู้พลังที่แข็งแกร่งของรพีพงษ์ สามารถจัดการบอดี้การ์ดของเขาได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย แต่ตอนนี้คนที่รพีพงษ์กำลังเผชิญหน้าอยู่ ก็คือฉัตรพลนักต่อสู้ที่บ้าคลั่งของตระกูลธาดาวรวงศ์

เขาได้ยินมาตั้งนานแล้ว หลายปีมานี้ฉัตรพลได้เรียนศิลปะการต่อสู้กับคาเมดะอิจิโร่ปรามาจารย์ศิลปะการต่อสู้ท่านนั้นที่สู้ชนะมาโดยตลอด ณ ประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าฉัตรพลจะเรียนแค่ขั้นพื้นฐานของคาเมดะอิจิโร่ นั่นก็ถือว่าน่ากลัวแล้ว เขาไม่แน่ใจเลยว่ารพีพงษ์จะสามารถรับมือได้ไหวหรือเปล่า

ถ้าหากว่ารพีพงษ์ตายในน้ำมือของฉัตรพลอย่างนี้ งั้นครั้งนี้เขา ก็คงยืนผิดฝั่งแล้วจริงๆ

ลังเลอยู่นาน ชลาธิปเดินไปข้างๆวิไลพร ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลพร้อมเอ่ยถาม : “พวกคุณแน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะให้รพีพงษ์สู้กับฉัตรพลอย่างนี้?พละกำลังของฉัตรพลคนนั้นไม่ธรรมดาเลยนะ ไม่เพียงแค่รพีพงษ์จะสู้ไม่ไหว แผนการทั้งหมดในวันนี้ของพวกคุณ ก็จะล้มเหลวแน่นอน”

วิไลพรหันหน้าไปมองชลาธิปแวบหนึ่ง เอ่ยปากถาม : “ทำไม หรือว่านายไม่เชื่อใจรพีพงษ์งั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ ฉันก็แค่เป็นกังวลนิดหน่อย พวกคุณอาจจะไม่รู้ ฉัตรพลคนนั้นไปเรียนรู้ปรมาจารย์การต่อสู้ที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งหลายปี ปรมาจารย์การต่อสู้คนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศญี่ปุ่นมาก เขาคนเดียวเคยต่อสู้ชนะยอดฝีมือกว่าพันคนเลยนะ……” ชลาธิปรีบเอาสิ่งที่ตัวเองเป็นกังวลพูดออกมาทันที

วิไลพรไม่ได้รอให้เขาพูดจบ ก็เอ่ยปากถาม : “นายรู้จักดัมพ์รงค์ไหม?”

ชลาธิปอึ้งไปชั่วขณะ แล้วพยักหน้าทันที ตระกูลพงศ์ธนธดาก็ถือว่าเป็นตระกูลชั้นนำของโลกอยู่ดี เกี่ยวกับเรื่องของเทือกเขากิสนา แน่นอนว่าก็ต้องพอรู้บ้างอยู่แล้ว

“คุณคิดว่าเมื่อเทียบฉัตรพลกับดัมพ์รงค์แล้ว คนไหนที่เจ๋งกว่ากัน?” วิไลพรถามต่อ

ชลาธิปครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยปากถาม : “อันนี้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ดัมพ์รงค์ได้รับการขนานนามว่าเป็นอันดับต้นๆของอันดับเทพเจ้าแห่งสงครามในกิสนา พละกำลังคงจะไม่เลวเลย ฉัตรพลเป็นศิษย์ของปรมาจารย์การต่อสู้ อายุของทั้งสองคนก็ไล่เลี่ยกัน เป็นไปได้วา พละกำลังของทั้งสองอาจจะเท่ากัน คุณถามเรื่องนี้ทำไมกัน?”

“พละกำลังของรพีพงษ์สุดยอดกว่าดัมพ์รงค์ ดังนั้นจึงสามารถรับมือกับฉัตรพลได้อย่างแน่นอน นายไม่ต้องเป็นกังวลหรอกนะ” วิไลพรเอ่ยปากพูด

เธอไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ารพีพงษ์คือคุณชายน้อยแห่งกิสนา และเรื่องปีนบันไดสูงสำเร็จ ดังนั้นจึงทำได้เพียงยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่ายๆให้กับชลาธิป ให้เขาวางใจ

หลังจากที่ชลาธิปได้ยินคำพูดของวิไลพร ก็เบิกตากลมโตทันที ถามออกไปด้วยความเหลือเชื่อ : “จริงเหรอ?คุณรู้ได้ยังไง?”

วิไลพรจ้องมองไปที่เขาแวบหนึ่ง พร้อมเอ่ยปากพูด : “ทำไมนายนี่เรื่องเยอะจริงๆเลย บอกนายว่ารพีพงษ์รับมือได้ ก็คือรับมือได้ นายหุบปากไปเลยนะ อย่ามารบกวนฉันดูพวกเขาสองคนต่อสู้กัน”

ชลาธิปทำได้แค่ปิดปากด้วยความโกรธแค้น หลังจากที่รู้ว่าวิไลพรไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิด เขาก็ค่อนข้างที่จะกลัววิไลพรบ้างแล้ว

“แต่หวังว่ารพีพงษ์จะสุดยอดมากอย่างที่เธอพูดแล้วกัน” ชลาธิปอธิษฐานอย่างเงียบ ๆ ในใจ

กลางสนาม หลังจากที่ฉัตรพลพุ่งเข้าไปที่รพีพงษ์ ก็ไม่ได้ยั้งมือเลย ใส่หมัดหนักเข้าเลย กระแทกเข้าไปยังหน้าอกของรพีพงษ์แล้ว

รพีพงษ์ไม่ได้ละเลยต่อหน้าที่ ถอยเท้าไปข้างหลังก้าวหนึ่ง ยื่นมือออกมา ป้องกันกำปั้นของฉัตรพล พละกำลังมหาศาลแพร่เข้ามา รพีพงษ์ใช้กระบวนการท่าของเท้าทันที ถอยลงไปข้างหลังสองก้าว ป้องกันหมัดของฉัตรพล

หลังจากที่เขาสัมผัสถึงพลังหมัดของฉัตรพลแล้ว พละกำลังของคนๆนี้ แข็งแกร่งมาก เกรงว่าจะสามารถเทียบกับดัมพ์รงค์ได้เลย

แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ตื่นตกใจอะไร กลับว่าดีอกดีใจขึ้นมา ได้มาเจอคู่ต่อสู้อย่างนี้ สำหรับรพีพงษ์แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง ก็ยิ่งสามารถทำให้รพีพงษ์แสดงพละกำลังของตัวเองออกมาได้เต็มที่

การต่อสู้อย่างนี้สำหรับเขา ได้รอคอยมานานแล้ว

เมื่อฉัตรพลเห็นว่ารพีพงษ์สามารถต้านทานหมัดของตัวเองได้ ขมวดคิ้วแน่น หมัดเมื่อตะกี้ของเขา เรียกได้ว่าใช้พลังทั้งหมดของร่างกายที่มีแล้ว เพราะคิดที่จะจัดการรพีพงษ์ไปเลย ให้คนรอบข้างได้เห็นถึงความสุดยอดของเขา แต่กลับคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์สามารถต้านทานไว้ได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย

“สามารถต้านทานหมัดของฉันได้ ก็ถือว่ามีคุณสมบัติพอที่ฉันจะจัดการอย่างจริงจังแล้ว ก็ไม่รู้ว่านายจะทนหมัดของฉันได้สักกี่หมัด!” ตะโกนออกไป พร้อมออกหมัดกระแทกเข้าไปยังตัวของรพีพงษ์อีกครั้ง

รพีพงษ์วาร์ปตัวหายไป เตะขาไปที่ฉัตรพล ฉัตรพลก็รีบยื่นมือออกมาป้องกัน พลังขาของรพีพงษ์ทำให้ฉัตรพลขยับขาไปด้านข้างสองก้าว

เพียงเวลาไม่กี่สิบนาทีทั้งสองคน ก็ประลองฝีมือกันหลายกระบวนท่าแล้ว ฉัตรพลที่เดิมทีดูถูกรพีพงษ์เป็นอย่างมากในเวลานี้ก็ขมวดคิ้วแน่นแล้ว

ความสุดยอดของรพีพงษ์ หลังจากที่แม้แต่ต่อสู้กับยอดฝีมืออันดับเทพเจ้าแห่งสงครามทั้งเก้าก็ทำได้ แล้วยังชนะดัมพ์รงค์อีก ตอนนี้คู่ต่อสู้ของเขามีเพียงฉัตรพลคนเดียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้พลังแค่80%เท่านั้น ก็พอที่จะจัดการกระบวนท่าทั้งหมดของฉัตรพลได้อย่างง่ายดาย

และรพีพงษ์ก็ไม่คิดที่จะจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรระยะเวลาก็ประมาณครึ่งชั่วโมงที่เขาพูดไว้ ยังอีกนาน

เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เงียบสงบลง คนพวกนั้นที่เดิมทีคิดว่าฉัตรพลจะจัดการกับรพีพงษ์ได้เพียงไม่กี่นาทีต่างก็พากันปิดปากแล้ว เห็นได้ชัดว่ารพีพงษ์มีความโดดเด่นมากกว่า

ในเวลานั้นภูดิทก็ขมวดคิ้วแน่น คิดไม่ถึงว่าจู่ๆรพีพงษ์จะยอดเยี่ยมอย่างนี้ ประลองฝีมือกับฉัตรพลเป็นเวลานานก็ไม่มีทางทีที่จะพ่ายแพ้เลย ยากที่จะเห็นจริงๆ

ชลาธิปเดิมทีเป็นเพราะสถานการณ์ในสนาม ทำให้คิ้วที่ขมวดแน่น ก็ค่อยๆคลายลงแล้ว ดูแล้วว่าวิไลพรไม่ได้โกหกเขา พละกำลังของรพีพงษ์ ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉัตรพลเลย

ผ่านไปประมาณยี่สิบกว่านาทีแล้ว ฉัตรพลมีอาการหอบแล้ว แต่เมื่อมองไปยังรพีพงษ์กลับว่ายังคงมีความฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผนเช่นเดิม

รพีพงษ์มองไปยังฉัตรพลแวบหนึ่ง หัวเราะพร้อมพูด : “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว พละกำลังของคุณไม่อ่อนแรงเลย มีคุณสมบัติพอที่ฉันจะโจมตีสุดพลัง หมัดนี้ ฉันจะไม่ยั้งมือเลย ต้านทานได้ก็ถือว่าคุณโชคดี แต่ถ้าต้านทานไม่ได้ ก็ถือว่าสมควรแล้ว รอดูแล้วกัน! ”

ฉัตรพลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ไม่กล้าละเลยต่อหน้าที่แม้แต่นิดเดียวเลย ทั้งใบหน้าจ้องไปที่รพีพงษ์ที่จะพุ่งเข้าใส่อย่างจริงจัง

รพีพงษ์ขมวดคิ้วแน่น เมื่อพุ่งเข้าไปตรงหน้าของฉัตรพล ก็กระแทกหมัดเข้าไปตรงหน้าอกของฉัตรพล ด้วยความรวดเร็ว ทำให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็เห็นไม่ชัดว่ารพีพงษ์ออกหมัดยังไง

ฉัตรพลไม่ทันได้ออกหมัดโต้กลับ ทำได้เพียงแค่ทำมือไขว้ป้องกันที่หน้าอกไว้ กำปั้นของรพีพงษ์กระแทกเข้าไปยังแขนทั้งสองข้างของเขาเลย ตามมาด้วย เสียงฉีกขาดแผ่ซ่านเข้ามา ร่างกายของฉัตรพลลอยออกไปทางด้านหลังเลยทันที กระแทกลงพื้นอย่างแรง พ่นเลือดออกมาจากปากของเขา ใบหน้าแปดเปื้อนไปด้วยสีแดงแล้ว

ทั้งสนามก็เกิดความโกลาหลขึ้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน