พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่587 เรียกลูกน้องมาหนึ่งร้อยคน

บทที่587 เรียกลูกน้องมาหนึ่งร้อยคน

บทที่587 เรียกลูกน้องมาหนึ่งร้อยคน

เมื่อใบหน้าของฆนีกรถูกรพีพงษ์ตบไปหนึ่งครั้งจนทำให้มึนงง และล้มลงบนพื้นเป็นเวลานานโดยไม่รู้ตัว และทุกคนที่อยู่รอบตัวก็ตกใจ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็ลงมือกันขึ้นมา

“แก…..แกแม่งเป็นบ้าเหรอ? แกกล้าตบฉัน กูให้เกียรติมึงใช้มั้ย!”ฆนีกรที่เพิ่งรู้สึกตัวก็ตะโกนใส่รพีพงษ์ทันที

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ฆนีกรอย่างเย็นชา แล้วถามว่า: “เงินที่ศศินัดดาขายโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนลยังเหลืออยู่เท่าไหร่?”

สีหน้าของฆนีกรก็เปลี่ยนไป เบิกตากว้างจ้องมองไปที่รพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “แกแม่งเป็นใครวะ กูมีเงินเท่าไหร่ มึงยุ่งอะไรด้วย!”

“ฉันคือรพีพงษ์”รพีพงษ์กล่าว

ฆนีกรหรี่ตาลง หลังจากที่รู้ตัวตนของรพีพงษ์ ความหวาดกลัวในใจเมื่อกี้ก็หายไปเลยทันที

เขาลุกขึ้นมาจากพื้น มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ และพูดว่า: “แม่งฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้คือลูกเขยเศษสวะของศศินัดดาเอง แกนี่มันแน่มากจริงๆ แม้แต่กูก็กล้าตบ ถ้าวันนี้แกไม่คุกเข่าลงขอโทษฉัน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ!”

รพีพงษ์นิ่งไปชั่วครู่ ตอนแรกเขาคิดว่าหลังจากที่บอกตัวตนของตัวเองออกไป ฆนีกรจะมีความหวาดกลัว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะหยิ่งหยิ่งผยองมากขึ้น

แม้ว่าศศินัดดาจะด่าว่าลูกเขยคนนี้ของเธอต่อหน้าฆนีกรเป็นร้อยๆครั้ง แต่ว่าในสายตาของศศินัดดา ต่อให้รพีพงษ์เก่งกาจแค่ไหน ก็เป็นเพียงแค่ตัวซวย

รวมทั้งส่วนลึกหัวใจของศศินัดดาไม่เต็มใจที่จะยกย่องรพีพงษ์ ดังนั้นสิ่งที่บอกกับฆนีกรคือที่ผ่านมาคือรพีพงษ์เศษสวะแค่ไหน ไร้ประโยชน์แค่ไหน ไม่เคยพูดถึงสถานะปัจจุบันที่รพีพงษ์อยู่ในเมืองริเวอร์

แล้วฆนีกรก็เป็นคนต่างถิ่น สำหรับการกระทำของรพีพงษ์ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ภาพในหัวที่เขามาต่อรพีพงษ์ ก็ฟังมาจากศศินัดดาทั้งหมด

ดังนั้นรพีพงษ์ในความคิดของฆนีกร ก็ยังคงเป็นแค่เศษสวะที่ทำได้เพียงซักผ้าทำอาหาร

รพีพงษ์ไม่สนใจท่าทีของฆนีกรที่มีต่อตัวเอง ท้ายที่สุดไม่ว่าท่าทีของเขาจะเป็นอย่างไร ผลสุดท้ายก็เหมือนกัน

“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของฉัน คุณหลอกเอาเงินของศศินัดดาไป ยังเหลือเท่าไหร่”รพีพงษ์ถามอีกครั้ง

“แกแม่งปากเสียใช่มั้ย ใครหลอกเอาเงินของหล่อน นั้นคือหล่อนสมัครใจลงทุนเอง!”ฆนีกรพูดอย่างมั่นใจ

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าเขาพูดแบบนี้ ก็บีบคอของเขา พูดอย่างเย็นชา: “แกอยากตายมากใช่มั้ย?”

ใบหน้าของฆนีกรแดงขึ้นทันที และก็ดิ้นรนไม่หยุด

ในเวลานี้ผู้คุมกาสิโนเดินมาพร้อมกับนักเลงร่างสูงกล้ามใหญ่หลายคน และยืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์

“เพื่อน แกจะเอายังไงกันแน่? มาสร้างปัญหาที่กาสิโนของพวกเรา ไม่ได้เอาคนที่นี่ของพวกเราไว้ในสายตาเลยใช่มั้ย?”บุคคลที่รับผิดพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่รพีพงษ์

หลายวันมานี้ฆนีกรสูญเสียเงินไปเกือบสิบล้านในกาสิโนของพวกเขา เป็น“ลูกค้ารายใหญ่”ที่แท้จริงของพวกเขา ตอนนี้ลูกค้ากำลังเดือดร้อน แน่นอนว่าพวกเขาก็ต้องออกมาช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นจากนี้ไปก็จะไม่มีใครที่ใจกว้างมาส่งเงินให้พวกเขาที่กาสิโนแบบนี้อีก

รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่ผู้คุม และพูดอย่างเย็นชาว่า: “ไม่อยากตายก็รีบไสหัวออกไปซะ”

ทันใดนั้นผู้คุมก็โกรธขึ้นมา ไม่คาดคิดว่าผู้ชายคนนี้จะกล้าที่จะหยิ่งผยอง ก็จะให้คนของตัวเองลงมือกับรพีพงษ์ทันที

ฆนีกรก็จ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างโหดเชี้ยม กัดฟันพูดว่า: “แกแม่ง……ปล่อยกู กูเป็นลูกค้าวีไอพีที่นี่ ถ้าแกยังมีปัญหากับฉันอีก คนของกาสิโนไม่มีทางปล่อยแกไว้แน่!”

ในขณะนี้ มีคนในฝูงชนเดินเข้าไปหาผู้คุม และกระซิบข้างหูของเขาว่า: “คนคนนี้คือรพีพงษ์นะ ฉันเตือนคุณทางที่ดีอย่ามีเรื่องกับเขาดีกว่า ไม่อย่างนั้นคำพูดของเขาคำเดียว กาสิโนของพวกคุณก็จบเห่แน่”

สีหน้าของผู้คุมก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาก็เคยได้ยินชื่อของรพีพงษ์มาก่อน บอสใหญ่ของเมืองริเวอร์ อยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ ต้องทำตัวดีๆ เขาเป็นเพียงผู้คุมกาสิโน จะไปมีเรื่องกับคนใหญ่โตแบบนี้ได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้นเขาสามารถเป็นผู้คุมกาสิโนได้ ยังต้องพึ่งพาญาติตัวเองที่ตามติดธฤตญาณมา นี่ถ้าธฤตญาณรู้ว่าเขากล้าพูดจาแบบนี้กับรพีพงษ์ เขาและญาติคนนั้นคงจะจบเห่แน่

เมื่อตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาผู้คุมจึงห้ามลูกน้องที่อยู่ข้างหลังทันที จากนั้นเดินไปที่ตรงหน้ารพีพงษ์ และพูดขอโทษ: “พี่ ผมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินพี่ ผมจะพาคนเหล่านี้ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่ยุ่งเรื่องนี้ด้วยเด็ดขาด กาสิโนนี้พี่อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ต่อให้จะพังยับเยินก็ไม่เป็นไร ขอให้พี่เล่นอย่างมีความสุขนะพี่”

หลังจากพูดจบ ผู้คุมก็พาพวกนักเลงทั้งหลายจากไปโดยไม่หันกลับมามอง เพราะกลัวว่าตัวเองออกไปช้า จะถูกรพีพงษ์ตบหนึ่งทีเดียวตายห่า

ตอนแรกคิดว่าจะมีคนในกาสิโนมาช่วยตัวเอง ฆนีกรที่วันนี้ตัวเองคงจะไม่เป็นอะไรแน่ๆได้เห็นฉากนี้แล้ว ก็ตกตะลึงทันที

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องกลัวเศษสวะนี้ด้วย และปากยังคงตะโกนอย่างคลุมเครือ

มองดูคนของกาสิโนจากไป รพีพงษ์ก็ไม่ได้ถือสาเอาความพวกเขา ตอนนี้กันความโกรธทั้งหมด

มองดูฆนีกรที่เกือบจะถูกตัวเองบีบคอตาย รพีพงษ์ปล่อยมือตัวเองออก และพูดว่า: “ฉันไม่สนว่าแกหลอกเอาเงินศศินัดดาไปเท่าไหร่ ตอนนี้ฉันให้โอกาสแกแค่ครั้งเดียว แกตามฉันไปอธิบายตรงหน้าศศินัดดาให้ชัดเจนว่าตกลงแกเป็นคนยังไง ทำให้หล่อนรู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน ฉันก็สามารถไว้ชีวิตแกได้ ไม่อย่างนั้น เทพเจ้าก็ช่วยแกไม่ได้!”

ฆนีกรยังไม่รู้ตัวกับสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังเผชิญในตอนนี้ ในความคิดของเขา รพีพงษ์ก็เป็นแค่เศษสวะ ไม่มีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้กับตัวเอง

เขาก้าวถอยหลังไปสอง ก้าวกัดฟันแล้วพูดว่า: “แกแม่งอย่าคิดว่าแค่แรงเยอะกว่าฉันก็จะกลัว จะบอกแกให้ ฉันอยู่ที่นี่มีเส้นสายอยู่ แกเชื่อหรือไม่ฉันโทรศัพท์แค่สายเดียวเรียกลูกน้องมาตีแกให้ตาย!”

รพีพงษ์รู้สึกขบขันกับคำพูดของฆนีกร เขารู้ดี ถ้าหากว่าไม่ทำให้ฆนีกรเห็นความสามารถของตัวเอง เขาผู้ชายคนนี้ก็จะดื้อรั้นเหมือนกับศศินัดดา

“ได้ ถ้าอย่างนั้นแกก็เรียกมาเถอะ”รพีพงษ์กล่าว

ฆนีกรหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา ด่าไปพูดไป และหลังจากวางสาย ก็จ้องไปรพีพงษ์แล้วพูดว่า: “ถ้าแกแน่จริงแกก็รอดูได้เลย เดี๋ยวคนของฉันก็มาถึงแล้ว ถึงตอนนั้นแกอย่าหวาดกลัวจนฉี่ราดใส่กางเกงล่ะ!”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย หาเก้าอี้ มานั่งลง และถามว่า: “ถ้าอย่างนั้นฉันก็เรียกคนมาหน่อยดีกว่า แกก็ไม่รังเกียจใช่มั้ย?”

ฆนีกรเบะปาก หัวเราะเยาะพูดว่า: “แกแม่งก็แค่เศษสวะ จะเรียกคนอะไรมาได้ แกเรียกได้ตามใจชอบ ถึงยังไงเรียกมาก็คงจะเศษสวะแบบเดียวกันกับแก สำหรับฉันแล้วไม่มีภัยใดๆ”

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แต่หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาธฤตญาณ

“เรียกลูกน้องมาที่กาสิโนถนนวินิกหนึ่งร้อยคน เร็วที่สุด”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน