พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่585 คิดบัญชีกับศศินัดดา

บทที่585 คิดบัญชีกับศศินัดดา

บทที่585 คิดบัญชีกับศศินัดดา

“ทำ….ทำไมพวกเขาถึงไปแล้ว? ฉันเป็นเจ้าของของชุมชนที่นี่ หรือพวกเขาจะไม่สนใจแม้แต่ความปลอดภัยของเจ้าของเหรอ? ฉันจะไปคอมเพลนพวกเขา! พวกเจ้าของโครงการไร้ยางอาย!”ศศินัดดาตะโกนพุ่งใส่ไปที่นอกประตู

รพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้ถึงได้ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ เพียงแค่มาดูก็จากออกไป

แต่เมื่อคิดถึงว่าชุมชนนี้เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อของบริษัทซันบับเบิล กรุ๊ป เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคงจะมองฐานะตัวตนของตัวเองออก ดังนั้นก็เลยไม่กล้ายุ่งเรื่องนี้มากนัก

ศศินัดดามองรพีพงษ์ด้วยความหวาดกลัว พูดอย่างสั่นเทาว่า: “แก….แกรีบไสหัวออกไปให้พ้นๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนี้ไม่กล้ายุ่งกับแก ฉันไม่เชื่อว่าเจ้าของที่นี่ยังไม่กล้ายุ่งกับแก ถ้าแกยังอยู่ที่นี่ต่อไป ตอนนี้ฉันก็จะไปหาเจ้าของพวกเขา”

รพีพงษ์หัวเราะ และกล่าวว่า: “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องเสียแรงหรอก เจ้าของชุมชนนี้ ก็คือฉัน”

ดวงตาทั้งข้างของศศินัดดาเบิกกว้าง คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะบอกว่าเขาก็คือเจ้าชุมชนนี้ ถึงว่าทำไมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นรพีพงษ์แล้วราวกับพวกเขาได้พบกับบรรพบุรุษ ถามยังไม่กล้าถามก็วิ่งหนีไปแล้ว

ถ้าเป็นในอดีต ศศินัดดายังคงรู้สึกว่ารพีพงษ์กำลังขี้โม้อยู่ แต่ตอนนี้ ต่อให้รพีพงษ์จะบอกว่าบ้านครึ่งหนึ่งในเมืองริเวอร์เป็นของเขา หล่อนก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆ

“แก….แกเป็นเจ้าของชุมชนนี้แล้วยังไงล่ะ หรือแกจะทำชั่วที่นี่ได้เหรอ? ฉันเสียเงินซื้อคฤหาสน์หลังนี้มา ฉันก็มีสิทธิ์ที่นี่ ต่อให้นายเป็นเจ้าของ ก็ไม่สามารถบุกรุกเข้ามาที่บ้านฉันตามใจชอบได้!”ศศินัดดายังคงหาเหตุผลให้ตัวเอง

รพีพงษ์เดินไปตรงหน้าศศินัดดา แสยะยิ้มแล้วพูดว่า: “คุณซื้อคฤหาสน์หลังนี้เหรอ? คฤหาสน์หลังนี้เขียนชื่อของคุณเหรอ?”

เมื่อศศินัดดาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ดวงตาหวั่นไหวขึ้นมาทันที พูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ: “ต่อให้ไม่ได้เขียนชื่อของฉันแล้วยังไงล่ะ ถึงยังไงฉันก็เป็นคนเสียเงินซื้อมา เขียนชื่อของใครก็ไม่สำคัญ ฉันเต็มใจเขียนชื่อคนอื่น แกยุ่งอะไรด้วย?”

เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าศศินัดดาถึงตอนนี้แล้วยังมีเหตุผลเพียงพอที่จะสามารถพูดออกมาได้ โมโหจนบีบคอของหล่อน และยกเธอขึ้นจากพื้น

ศศินัดดาดิ้นรนอย่างรุนแรง เส้นเลือดก็โผล่ออกมาบนหน้าผาก ดวงตาก็เบิกกว้างแทบหลุดออกมาจากเบ้าตา สีหน้าก็แดงก่ำ

“อารีอยู่ข้างนอกจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ แต่คุณกลับไม่สนใจเรื่องความปลอดภัยของเธอเลยแม้แต่น้อย ยังไล่สามีของตัวเองออกจากบ้าน วิ่งมาเกลือกกลั้วกับผู้ชายคนอื่นที่นี่ ยังขายโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนล และซื้อคฤหาสน์หนึ่งหลังให้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่เดือน คุณรู้สึกว่าคุณทำแบบนี้ ไม่ละอายใจต่ออารีเลยเหรอ?”รพีพงษ์ถามศศินัดดาทีละประโยค

ศศินัดดาถูกบีบคอ จนพูดไม่ออก

“การหายตัวไปของอารี คุณมีความรับผิดชอบอย่างมาก คุณในฐานะแม่ของเธอ ช่วยคนอื่นวางแผนตั้งใจทำลายบริษัท สิ่งนี้ ฉันจำเป็นต้องทำให้คุณลิ้นลองความทุกข์ทรมานแทนอารี!”

หลังจากพูดเสร็จ รพีพงษ์ใช้มืออีกข้างยกรพีพงษ์ขึ้นมา และตบหน้าศศินัดดาไปสามครั้งโดยไม่ลังเล

มุมปากของศศินัดดามีเลือดไหลออกมาทันที และใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมราวว่ากับใบหน้าสองข้างที่แตกต่างกัน

ศศินัดดารู้สึกหวาดกลัวในทันที หล่อนแสดงสายตาอ้อนวอนต่อรพีพงษ์ และอดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาจากดวงตาไม่ได้

กำลังของคนธรรมดาจะเทียบกับรพีพงษ์เทียบได้อย่างไร การตบทั้งสามครั้งของเขาไม่ทำให้ศศินัดดาสมองกระทบกระเทือนก็ดีแค่ไหนแล้ว ศศินัดดาไม่สามารถทนได้เป็นเรื่องธรรมดา ในใจก็เกิดความหวาดกลัวที่จะเผชิญหน้ากับความตาย

รพีพงษ์ไม่ได้เป็นเพราะศศินัดดาร้องไห้ขึ้นมาถึงได้ปล่อยเธอ เขาพูดต่อว่า: “ฉันหาตัวอารีกลับมาแล้ว ที่สำคัญคนก็ไม่ได้เป็นอะไร ตอนนี้พักอยู่ที่ชุมชนคำแหง”

ศศินัดดาส่งเสียงสะอื้นออกมาจากในปากทันที ในเมื่อบอกว่าหาตัวกลับมาแล้ว ทำไมยังทำแบบนี้กับหล่อนอีก

“ในช่วงเวลานี้ ฉันได้รู้ความเป็นมาของอารีแล้ว คุณไม่ใช่แม่ของเธอ สาเหตุที่เธอหายตัวไป ก็เป็นเพราะเธอกลับไปอยู่กับครอบครัวเดิมของเธอ”รพีพงษ์พูดต่อ

สีหน้าของศศินัดดาเปลี่ยนไปซีดลงทันที หล่อนคาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะรู้ความเป็นมาที่แท้จริงของอารียาแล้ว ถ้าหากเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นหล่อนก็สูญเสียความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการตอบโต้รพีพงษ์

“อารีอยู่ที่โน่นก็ถือว่าไม่ได้แย่ เพียงแต่คนเหล่านั้นรับเธอกลับไป ก็เพียงแต่หลอกใช้เธอเท่านั้นเอง ก่อนที่อารีจะประสบอุบัติเหตุ เธอก็ตั้งครรภ์แล้ว และอยู่ที่โน่น ลูกที่อยู่ในท้องเธอ เกือบจะไม่รอด”

“อารีท้องเลือดเนื้อเชื้อไขของฉัน พวกคนที่วางแผนพยายามลงมือกับเด็ก ตอนนี้ไปรายงานตัวกับพญายมแล้ว”

“และคุณ ในฐานะคนสนับสนุนช่วยเหลือ ก็มีความรับผิดชอบอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นที่ลูกในท้องของอารีเผชิญหน้ากับอันตราย คุณไม่สามารถที่จะหลบหนีจากความผิดนี้ได้!”

หลังจากพูดเสร็จ รพีพงษ์ก็ตบไปอีกสามครั้ง ตบอีกใบหน้าด้านหนึ่งของศศินัดดา

ใบหน้าทั้งหน้าของศศินัดดาบวมเป็นลูกบอล และมุมปากของยังคงมีเลือดไหลออกมา ดูค่อนข้างน่าอนาถ

หลังจากที่รพีพงษ์ตบศศินัดดาไปแล้วหกครั้ง ถึงค่อยโยนศศินัดดาลงบนพื้น ถ้าหากก่อนมาอารียาไม่ได้ขอเขาไว้ ศศินัดดาคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว

ศศินัดดาเกือบขาดลมหายใจตายเมื่อถูกรพีพงษ์บีบคอ หลังจากที่กระแทกลงบนพื้น เธอก็รีบสูดดมหายใจ เพื่อฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ

ในตอนนี้รพีพงษ์อยู่ในใจของศศินัดดา ได้กลายเป็นปีศาจร้าย ผู้ชายคนนี้ก็คือพญายมที่ต้องการชีวิตที่ออกมาจากนรก ตัวเองเพียงแค่ยั่วโทสะเขาเล็กน้อย เขาก็จะสามารถเอาชีวิตตัวเองได้

รพีพงษ์รอให้ศศินัดดากลับมาหายใจเป็นปกติ จากนั้นจ้องมองหล่อนแล้วถามว่า: “ฆนีกรอยู่ที่ไหน?”

ศศินัดดารีบส่ายหัวทันที แล้วพูดว่า: “ฉัน…..ฉันไม่รู้”

รพีพงษ์จ้องมองเธอ แล้วพูดว่า: “ถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังปกป้องสิบมงกุฎนั้นอีกเหรอ?”

“เขา….เขาไม่ใช่สิบแปดมงกุฎ รพีพงษ์ ฉันยอมรับผิดกับแกแล้ว แกก็ไม่ต้องไปหาเรื่องเขาแล้ว”ศศินัดดาวิงวอน

“เขาไม่ใช่สิบแปดมงกุฎเหรอ? แล้วทำไมคฤหาสน์ถึงเขียนชื่อเขาแค่คนเดียวล่ะ? แล้วเงินที่คุณขายโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนลได้ล่ะ? ก็ให้เขาไปแล้วใช่มั้ย?”รพีพงษ์ถาม

ก่อนจะมา รพีพงษ์ยังหาคนให้ตรวจสอบบัญชีของศศินัดดา พบว่าเงินในบัญชีของหล่อนค่อยๆถูกโอนไปให้ฆนีกร ตอนนี้เงินทั้งหมดของศศินัดดาอยู่ที่ฆนีกรหมดเลย

“เขา….เขาเอาเงินพวกนั้นเพื่อไปทำธุรกิจ ฉันก็เพื่อสนับสนุนธุรกิจของเขา เมื่อธุรกิจของเขาได้กำไร เขาจะคืนเงินให้ฉันเป็นสองเท่า”ศศินัดดากล่าว

ทันใดนั้นรพีพงษ์ก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะ โดยที่ไม่อยากพูดจาเพ้อเจ้อกับศศินัดดา แสยะยิ้ม: “บอกฉันมา ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ถ้าไม่บอก ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”

ศศินัดดายังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง รพีพงษ์ก้าวตรงไปข้างหน้าทันที และเอื้อมมือไปบีบคอของศศินัดดา

ศศินัดดาสั่นเทาทันที และพูดอย่างรวดเร็ว: “ฉันบอกแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่กาสิโนใต้ดินของถนนวินิก แกหยุดบีบคอฉันได้แล้ว ฉันพูดออกไปหมดแล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท