พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่600 ยี่สิบล้าน ก็แค่เงินค่าใช้จ่ายไม่กี่วันเอง

บทที่600 ยี่สิบล้าน ก็แค่เงินค่าใช้จ่ายไม่กี่วันเอง

บทที่600 ยี่สิบล้าน ก็แค่เงินค่าใช้จ่ายไม่กี่วันเอง

เมื่อกุลดิลกได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ยิ้มตามขึ้นมา แล้วพูดว่า: “นายอย่าเข้าใจผิด ฉันแค่มอบให้เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆที่เจอกันเท่านั้นเอง ฉันเห็นว่าภรรยาของนายก็ไม่มีชุดไหนที่ควรค่าแก่การนำมาแสดงเลย ดังนั้นก็เลยอยากมอบให้หนึ่งชุด สองล้านกว่าเอง จากมรดกห้าร้อยล้านมาพูด ถือว่าไม่มากอะไรเลย”

คำพูดของกุลดิลกเต็มไปด้วยความโอ้อวดและการเยาะเย้ยรพีพงษ์ หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์เป็นแค่เศษสวะ เขาก็ไม่เกรงกลัวว่าจะทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจ

ที่สำคัญเขาต้องทำให้อารียาว่าความน่ายำเกรงของตัวเอง

“เหอะๆ ไม่จำเป็นล่ะ ชุดที่นายเลือกภรรยาของฉันไม่ชอบ”รพีพงษ์กล่าว

เมื่อชุดที่แพงที่สุดออกมาในเวลานั้น อารียาไม่ได้มีท่าทีอะไรมากนัก แม้ว่าชุดนี้จะดูงดงาม แต่อารียาก็ไม่ชอบสไตล์นี้

กุลดิลกเบะปาก แล้วพูดว่า: “ชุดนี้สวยมาก เป็นสิ่งผู้หญิงก็ชอบทั้งนั้น นายอย่าตัดสินว่าภรรยาของนายไม่ชอบชุดนี้เพียงเพราะราคาชุดนี้เลย ฉันก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ชุดนี้ฉันซื้อลงมา มอบให้เป็นของขวัญในการเจอกัน”

เมื่อรพีพงษ์เห็นกุลดิลกพูดแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม แล้วพูดว่า: “ของที่ฉันซื้อไม่เคยต้องดูราคาก่อน ภรรยาของฉันชอบหรือไม่ชอบ ฉันรู้ดีที่สุด นายก็แค่คนนอกคนหนึ่ง อย่ามาพูดเองเออเอง”

ทุกคนมองไปที่รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนด้วยความอยากรู้อยากเห็น และก็รู้ได้อย่างรวดเร็ว ว่าทั้งสองรู้สึกเหมือนกับตาต่อตาฟันต่อฟัน

และสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนเป็นแบบนี้ ก็เพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกลางคนนั้น

“ว้าว ผู้หญิงคนนั้นก็มีความสุขมาก มีผู้ชายมาแย่งกันซื้อเสื้อผ้าแพงขนาดนี้มอบให้เธอ”

“ดูเหมือนว่า ผู้ชายที่ซื้อเสื้อผ้าคนนั้นต้องการแย่งภรรยาของผู้ชายอีกคนไปนะ โลกของคนมีเงิน น่าตื่นเต้นและลุ้นมากขนาดนี้เลยเหรอ?”

เมื่อกุลดิลกได้ยินคำพูดของที่ไม่พอใจของรพีพงษ์ จึงรีบไปหาพิธีกรเพื่อจ่ายเงินทันที และซื้อเสื้อผ้า ถึงเวลาไม่แน่อารียาก็อาจทิ้งรพีพงษ์เพราะเขายากจน

รพีพงษ์ก็เดินไปหาพิธีกร อารียารีบตะโกนเรียกเขาอย่ารวดเร็ว

“รพีพงษ์ เสื้อผ้าพวกนี้แพงเกินไป อย่าซื้อเลยดีกว่า”อารียาพูด

รพีพงษ์ยิ้ม และกล่าวว่า: “มันไม่แพง ตราบใดที่เธอชอบ ฉันก็จะซื้อให้เธอ”

เมื่อกุลดิลกได้ยินคำพูดของอารียา หัวเราะเยาะทันที ดูท่าทางแล้ว พวกเขาคงจะไม่มีทรัพย์สินอะไรมากนัก ไม่อย่างนั้นอารียาก็จะไม่มีทางรู้สึกเสียดาย

หลังจากที่ทั้งสองคนเดินไปหาพิธีกร กุลดิลกก็หยิบการ์ดธนาคารของตัวเองออกมา ยื่นให้ และพูดว่า: “ห่อชุดที่ฉันเพิ่งพูดไปให้ด้วย”

พิธีกรรับการ์ดธนาคารไปด้วยรอยยิ้ม รีบให้คนไปรูดการ์ดจ่ายชำระ

รพีพงษ์ก็ไม่ได้ห้าม ก็ยืมรอให้พิธีกรรูดจ่ายเงินของกุลดิลกอยู่ด้านข้าง

หลังจากเสร็จแล้ว กุลดิลกมองไปที่รพีพงษ์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “อันที่จริงไม่จำเป็นเลยจริงๆ ภรรยาของนายก็เพิ่งบอกเอง เสื้อผ้าพวกนี้แพงเกินไป นายไม่ต้องเสียเงินทิ้งเปล่าเพื่อศักดิ์ศรีแค่นี้หรอก”

รพีพงษ์ไม่สนใจเขา แต่มองไปที่พิธีกร

“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณมีชุดไหนที่ชอบบ้าง?”พิธีกรยิ้มแล้วถาม

“หมายเลขหนึ่ง หมายเลขเก้า และหมายเลขสิบสี่”รพีพงษ์พูดออกมาสามหมายเลข

ดวงตาของพิธีกรก็เปล่งประกายขึ้น ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะซื้อหนึ่งครั้งทีเดียวสามชุด

กุลดิลกก็ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะพูดสามชุดนี้ออกมาทันที ก็พูดอย่างดูถูกว่า: “สามชุดนี้รวมกันแล้วเกือบสี่ล้าน นายแน่ใจนะว่าต้องการจะซื้อสามชุดนี้จริงๆ?”

“คุณผู้ชาย คุณโปรดรอสักครู่ ฉันจะให้พวกเขาเตรียมสามชุดนี้ให้คุณ”พิธีกรกลัวว่ารพีพงษ์จะเปลี่ยนใจ รีบพูดอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้รพีพงษ์พูดอย่างเบาๆ: “คุณเข้าใจผิดแล้ว ความหมายของฉันคือ ยกเว้นสามชุดนี้ เสื้อผ้าที่เหลือ ฉันเอาทั้งหมด”

“อะไรนะ?”เห็นได้ชัดว่าพิธีกรไม่ทันดึงสติกลับมา และถามกลับรพีพงษ์แทน

“ต้องให้พูดอีกครั้งเหรอ?”รพีพงษ์ต้องพิธีกร ด้วยใบหน้าที่นิ่งสงบ

พิธีกรดึงสติกลับมา แล้วพูดว่า: “ไม่ ไม่ต้อง ฉันจำได้แล้ว ยกเว้นหมายเลขหนึ่งหมายเลขเก้าและหมายเลขสิบสี่ ที่เหลือเอาหมด!”

กุลดิลกที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจกับคำพูดของรพีพงษ์ เขาเบิกตากว้างจ้องมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า: “นายอย่ามาล้อเล่นนะ ยกเว้นชุดไม่กี่ชุดพวกนี้ ที่เหลือรวมกับตั้งยี่สิบล้านกว่า ขี้โม้ก็ไม่ได้โม้อย่างนายนะ”

“หึ ยี่สิบล้าน ก็แค่เงินค่าใช้จ่ายไม่กี่วันเอง? นี่ยังต้องขี้โม้อีกเหรอ?”รพีพงษ์มองไปที่กุลดิลกอย่างไม่เข้าใจ

จู่ๆกุลดิลกก็รู้สึกเหมือนกับลำสักเวลาทานอาหาร คิดในใจว่าไอ้หมอนี่ขี้โม้เก่งเกินไปแล้ว เขาโตมาขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นใครที่ขี้โม้ได้ขนาดนี้มาก่อน

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะไม่ยืนยันทรัพย์สินของเขาก่อน ค่อยให้คนเอาเสื้อผ้ามา?”กุลดิลกหันหน้าไปมองพิธีกร แล้วถาม

ในเวลานี้พิธีกรก็ตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน ถ้าหากว่ารพีพงษ์พูดจาเพ้อเจ้อ พวกเขาก็จะเสียเวลามาก ดังนั้นเขาจึงมองรพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “คุณผู้ชาย ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจคุณ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอกับสถานการณ์แบบนี้ คุณว่า…..”

รพีพงษ์หยิบการ์ดธนาคารออกมาจากเสื้อผ้าของตัวเองโดยตรง ยื่นให้พิธีกร การ์ดใบนี้ตอนนั้นเขาใช้มาซื้อชลาธิป และมีเงินอยู่ในนั้นทั้งหมดหนึ่งแสนล้าน

“คุณสามารถหักชำระเงินได้ก่อน จากนั้นค่อยเอาเสื้อผ้ามา รหัสผ่านคือตัวเลขหกหลักสุดท้ายของหมายเลขการ์ด”รพีพงษ์กล่าว

พิธีกรรีบรับการ์ดใบนั้นมา แล้วรีบเอาไปให้คนไปรูดจ่ายชำระ

กุลดิลกมองไปที่รพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม เดิมทีเขาคิดว่าสามารถอาศัยซื้อเสื้อผ้าชุดนี้ ทำให้รพีพงษ์ตระหนักถึงช่องว่างระหว่างเขากับตัวเอง คาดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่แค่อ้าปากก็ซื้อเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ ถ้าหากว่าการ์ดใบนั้นของเขามีเงินมากมายจริงๆ เขาคงไม่สามารถลงจากเวทีได้ในวันนี้

เงินยี่สิบล้าน สำหรับเขาแล้ว ก็เป็นจำนวนที่มาก แม้ว่าเขาจะมีมรดกห้าร้อยล้าน แต่นี่คือรวมทรัพย์สินทั้งหมดของเขา ถ้าจะนับเงินสด เขาก็ไม่สามารถเอาออกมาได้มากขนาดนี้ในคราวเดียวกัน

เขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์ที่ร่ำรวยจากโชคลาภจะสามารถเอาเงินออกมาได้มากมายขนาดนี้ในคราวกัน

“หึ ไอ้หมอนี่ก็แค่โอ้อวดเท่านั้นเอง เขาจะมีเงินมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร เดี๋ยวถ้าคนมาบอกกับเขาว่ายอดเงินไม่พอ ดูซิว่าวันนี้เขาจะอธิบายอย่างไร”กุลดิลกส่งเสียงเย็นชาในใจ

หลังจากนั้นไม่นาน พิธีกรก็หยิบการ์ดธนาคารของรพีพงษ์เดินมา ตอนนี้ใบหน้าของเขาแดง และมือทั้งสองข้างก็สั่นขึ้นมา

“คุณผู้ชาย หักชำระเงินแล้ว นี่คือใบเสร็จ คุณกรุณาตรวจสอบหมายเลขด้วย ฉันจะไปห่อเสื้อผ้าพวกนี้ให้คุณเดี๋ยวนี้”พิธีกรกล่าวอย่างตื่นเต้น

กุลดิลกก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึงเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แล้วพูดว่า: “การ์ด…..การ์ดใบนี้ของเขาด้านในมีเงินมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?”

พิธีกรหันหน้าไปมองกุลดิลก แล้วพูดว่า: “ใช่ครับคุณผู้ชาย ที่สำคัญการ์ดใบนี้ของคุณผู้ชายท่านนี้แสดงให้เห็นว่ามีระดับที่สูงที่สุดของพวกเราที่นี่ นี่เป็นการ์ดที่ใช้ได้สำหรับหลายหมื่นล้านเท่านั้น คุณผู้ชายท่านนี้ เป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านจริงๆ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท