พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่598 แขกผู้เกียรติที่สุด

บทที่598 แขกผู้เกียรติที่สุด

บทที่598 แขกผู้เกียรติที่สุด

ประวีร์มองไปยังทิศทางที่นีรชี้ไปทันที พบว่าเป็นอารียาและรพีพงษ์ทั้งสองคนจริงๆ

“พวกเขาสองคนถูกจับตัวออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่ชั้นแปดได้ล่ะ?”ประวีร์ขมวดคิ้วทันที

“หรือว่าพวกเขาจะแอบขึ้นมา ต่อให้ตั๋วของพวกเขาจะไม่มีปัญหา ก็ไม่สามารถที่จะมาชั้นแปดได้นะ ฉันว่าคุณบอกพวกเขาไปว่าพวกเราอยู่ที่ชั้นแปด ในใจพวกเขาอิจฉา ดังนั้นจึงแอบขึ้นมา”นีรเดาแล้วพูด

ประวีร์รู้สึกว่าเป็นไปได้ คิดดูอยู่สักพัก แล้วพูดว่า: “ไป เข้าไปถามพวกเขาดู ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ก็ต้องเปิดโปงพวกเขา สิ่งที่ฉันรังเกียจที่สุด ก็คือคนที่ทั้งๆที่ไม่ใช่คนชนชั้นนี้ แต่กลับเป็นคนที่กัดฟันปีนขึ้นมา”

ทั้งสองคนเดินไปหารพีพงษ์และอารียา

“จุ๊จุ๊จุ๊ ฉันแค่พูดไปไม่กี่ประโยคพวกเธอก็อยากขึ้นมาชั้นแปด ก็มาหาฉัน พวกเธอก็มาจริงๆด้วย ฉันไม่เคยเห็นใครที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อน”ประวีร์พูดเย้ยหยัน

รพีพงษ์และอารียากำลังมองสถานการณ์ชั้นแปดอย่างอยากรู้อยากเห็น หลังจากได้ยินเสียงของประวีร์ ก็หันกลับมา มองไปทางเขา

อารียาขมวดคิ้วขึ้นมา เธอคิดว่าเรือสำราญลำนี้ใหญ่มาก คงจะไม่เจอกับประวีร์พวกเขา คาดไม่ถึงเพิ่งลงมาถึงก็เจอเลย

“ขอโทษด้วย พวกเรามาดูการแสดงเครื่องแต่งกาย ถ้าไม่เจอกับพวกคุณ พวกเราคงจะลืมไปแล้วว่าพวกคุณก็อยู่บนเรือสำราญนี้ด้วย”ครั้งนี้รพีพงษ์ไม่ทนอีกต่อไป พูดกับประวีร์โดยตรง

ประวีร์ส่งเสียงเย็นชาทันที แล้วพูดว่า: “คาดไม่ถึงว่าเศษสวะอย่างแก ยังจะกล้าพูดแบบนี้กับฉัน ทำไม แอบวิ่งขึ้นมาชั้นแปด ทำให้แกรู้สึกว่าตัวเองมีฐานะเหรอ?”

“ประวีร์ ฉันเห็นแก่ที่พี่เป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของฉัน ไม่อยากจะเถียงกับคุณ พวกเรามาที่นี่ไม่เกี่ยวกับพี่ พี่รีบถอยออกไปเดี๋ยวนี้ พวกเราจะไปดูการแสดงเครื่องแต่งกาย”อารียามองดูทั้งสองคนด้วยความโกรธ

“สามีค่ะ คุณว่าทำไมญาติห่างๆของบ้านคุณถึงเป็นคนแบบนี้ หน้าด้านขึ้นมา ทำให้คนหวาดกลัวจริงๆ พวกเขาก็ไม่ดูเลยว่าตัวเองฐานะอะไร ยังอยากไปดูการแสดงเรื่องประดับ ตลกสิ้นดี”นีรที่อยู่ด้านข้างเย้ยหยันทันที

“พวกคุณหมายความว่ายังไง?”อารียาถาม

“พวกเราหมายความว่ายังไง? ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไร อารียา สภาพครอบครัวของพวกเธอ หรือเธอจะยังไม่รู้อีกเหรอ? เธอคิดว่าเธอมีเงินสามารถมาสถานที่แบบนี้ได้เหรอ? เธอรีบสารภาพมาเดี๋ยวนี้ พวกเธอแอบขึ้นมาทางไหน ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่ดูแลที่นี่มา ถึงเวลาตรวจสอบออกมา เกรงว่าจะไม่ง่ายเหมือนกับขับไล่พวกเธอกลับไป”ประวีร์แสยะยิ้มแล้วพูด

รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้า จ้องมองประวีร์อย่างเย็นชา แล้วพูดว่า: “พวกเราลงมาจากชั้นบนสุด ทำไม มีปัญหาอะไร?”

ประวีร์เยาะเย้ย และพูดว่า: “ดูเหมือนว่าพวกเธออยากที่จะขุดหลุมฝังศพตัวเองนะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ”

หลังจากพูดจบ ประวีร์ก็ปรบมือ และตะโกนเสียงดัง: “ทุกคนมาดูนี่สิ สองคนนี้ ทั้งๆที่เป็นตั๋วเรือชั้นที่ต่ำที่สุด ที่สำคัญอาจจะเป็นตั๋วปลอม แต่ตอนนี้กลับวิ่งมาที่ชั้นแปด นอกจากนี้ยังมีท่าทางที่มั่นใจ น่ารังเกียจจริงๆ”

เมื่ออารียาได้ยินประวีร์ตะโกนแบบนี้ จะห้ามทันที แต่ว่ารพีพงษ์คว้าตัวเธอ แล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร ปล่อยให้เขาตะโกนไปเถอะ”

ประวีร์เหลือบมองไปที่รพีพงษ์ และตะโกนต่อไป: “สองคนนี้ฉันก็รู้จัก พวกเขาสองคนเป็นญาติห่างๆของฉัน ผู้หญิงเป็นคนในพื้นที่ทุรกันดาร ส่วนผู้ชายก็เป็นเศษสวะที่มีชื่อเสียงที่สุดในท้องถิ่น จากสภาพครอบครัวพวกเขาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อตั๋วเรือไข่มุกนี้ได้ ดังนั้นฉันสงสัยว่าตั๋วของพวกเขาเป็นของปลอม!”

หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของประวีร์ ก็เบิกตากว้างจ้องไปที่รพีพงษ์และอารียาแล้ววิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา หลายคนเชื่อคำพูดของประวีร์ เริ่มชี้นิ้วไปรพีพงษ์และอารียาขึ้นมา

กุลดิลกก็ตามลงมาที่ชั้นแปดด้วยเช่นกัน หลังจากเห็นฉากตรงหน้า บนใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ออกมา

เขาคาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์และอารียาจะมีฐานะแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะพักอยู่ที่ชั้นบนสุด แต่ก็ถือว่าเป็นคนธรรมดา ก็คงมีตอนที่ถูกลอตเตอรี่ ตอนนี้กุลดิลกสงสัยว่ารพีพงษ์และอารียากถูกลอตเตอรี่ ถึงมีเงินไปเกาะพระจันทร์

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้นเขาจะแย่งอารียามาจากมือรพีพงษ์ ก็ยิ่งจะมีความมั่นใจมากขึ้น

สถานการณ์ที่นี่ดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างรวดเร็ว และหลายคนก็เดินมาที่นี่ทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หนึ่งในนั้นถาม

นีรรีบพูดอย่างรวดเร็ว: “สองคนนี้เป็นชั้นที่ต่ำที่สุด พวกเขาแอบขึ้นมา ตามกฎแล้ว พวกเขาสองคนไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาที่ชั้นแปด พวกคุณรีบจับตัวพวกเขาไว้เดี๋ยวนี้นะ”

คนไม่กี่คนมองไปที่รพีพงษ์และอารียา หัวหน้าก็ถามอย่างเย็นชา: “ที่เธอพูดจริงหรือเปล่า?”

คนที่อยู่ชั้นล่างแอบวิ่งขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นข้อห้ามของไข่มุก เมื่อถูกจับได้ จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก

รพีพงษ์หัวเราะ และกล่าวว่า: “คุณบอกฉันมาก่อนว่า ถ้าเกิดว่าพวกเขาสองคนสร้างข่าวปลอม จะมีบทลงโทษแบบไหน?”

“พวกเราจะไกล่เกลี่ยจากเรื่องนี้ ให้พวกเขาขอโทษพวกคุณ”หัวหน้ากล่าว

“หือ? ถ้าหากฉันบอกคุณ ว่าพวกเราเป็นแขกชั้นบนสุดล่ะ?”รพีพงษ์ถามต่อ

สีหน้าของคนหลายกี่คนเปลี่ยนไป และก็รีบพูดว่า: “ถ้าหากเป็นเช่นนี้ เราจะลงโทษสองคนนี้อย่างหนัก ยกเลิกบริการทั้งหมดบนเรือสำราญของพวกเขา อนุญาตให้พวกเขาอยู่ในห้องของตัวเองเท่านั้น จนกว่าจะล่องเรือถึงเกาะพระจันทร์”

เมื่อประวีร์ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า: “คุณก็อย่าไปฟังไอ้หมอนี่มันโม้เลย เขาไม่มีทางเป็นแขกชั้นบนสุดได้ สภาพครอบครัวของพวกเป็นอย่างไร ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร”

“ตอนนี้พวกเขาปลอมเป็นแขกชั้นบนสุด พวกคุณก็ควรโยนทั้งสองคนลงทะเล”นีรพึมพำ

รพีพงษ์ไม่สนใจสิ่งที่ทั้งสองพูด แต่หยิบตั๋วเรือสำราญของตัวเองและอารียาออกมา ยื่นให้หัวหน้า

“พวกเราเป็นแขกชั้นบนสุดหรือเปล่า พวกคุณดูเอาด้วยตัวเองเถอะ”

หัวหน้าคนนั้นรับตั๋วเรือสำราญสองใบจากมือรพีพงษ์ หลังจากที่ดูแล้ว ก็เบิกตากว้างทันที รีบโค้งคำนับให้รพีพงษ์และอารียา แล้วพูดว่า: “แขกผู้มีเกียรติ ทำให้คุณมีปัญหาที่ไม่จำเป็น นี่คือการบกพร่องต่อหน้าที่ของพวกเรา ของคุณโปรดอภัยให้ด้วย พวกเราจะขับไล่ทั้งสองนี้ที่ปล่อยข่าวลือปลอมกลับไปที่ห้องเดี๋ยว ไม่ปล่อยให้พวกเขาออกมา”

หลังจากพูดจบ เขาก็คืนตั๋วให้รพีพงษ์ ส่งสายตาให้หลายคนที่อยู่ด้านหลัง รีบจับตัวประวีร์และนีรทั้งสองคนไว้

ประวีร์และนีรทั้งสองคนก็ตกตะลึงในทันที ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งต่างๆจะพัฒนาไปเช่นนี้

“พวกคุณจับพวกเราทำไม คนที่พวกคุณควรจะจับคือพวกเขา!”ประวีร์เริ่มตะโกน

“พวกเขาสองคนคือแขกผู้มีเกียรติที่สุดของพวกเรา พวกคุณกล้าใส่ร้ายคนของพวกเรา ไม่จับพวกคุณแล้วจะให้ไปจับใครล่ะ?”

“ไม่มันเป็นไปไม่ได้ ตั๋วเรือของพวกเขาเป็นของปลอม จากสภาพครอบครัวของพวกเขา จะมีปัญญาซื้อตั๋วเรือชั้นบนสุดได้อย่างไร!”ประวีร์มองอย่างไม่เชื่อ

“ตั๋วเรือสำหรับแขกชั้นบนสุดทำขึ้นมาเป็นพิเศษทั้งหมด ไม่มีทางเป็นของปลอม หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว รีบไสหัวกลับไปที่ห้องนอนของพวกคุณซะ จนกว่าจะขึ้นฝั่ง ห้ามออกมา!”

จากนั้นหลายคน ก็ลากประวีร์และนีรทั้งสองคนออกไปจากห้องโถง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท