พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 613 ให้รพีพงษ์ไปท้าประลองกับเขา

บทที่ 613 ให้รพีพงษ์ไปท้าประลองกับเขา

บทที่ 613 ให้รพีพงษ์ไปท้าประลองกับเขา

ตระกูลเชาวกรกุลเป็นผู้บุกเบิกเกาะพระจันทร์ ตระกูลนี้เปรียบเหมือนเจ้าพ่อบนเกาะแห่งนี้ ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะนี้ล้วนต้องพึ่งพาตระกูลเชาวกรกุล ถึงจะมีพื้นที่ทำมาหากิน

อีกทั้งเกาะพระจันทร์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นเลิศ การบริโภคใช้สอยของที่นี่จึงสูงมาก ทำให้ตระกูลเชาวกรกุลกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ภายในระยะเวลาอันสั้น พวกตระกูลที่อยู่ภายในประเทศไม่สามารถเทียบพวกเขาได้

ดังนั้นคนที่มาเที่ยวที่นี่ ต่างก็รู้กิตติศัพท์ของตระกูลเชาวกรกุลดี จะหาเรื่องใครบนเกาะพระจันทร์ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนของตระกูลเชาวกรกุล

ฉันท์ทัตที่รพีพงษ์ไปหาก่อนหน้านี้ ก็เป็นญาติห่างๆ กับตระกูลเชาวกรกุล

และเพราะความยิ่งใหญ่ของตระกูลเชาวกรกุล ทำให้คุณชายใหญ่ของตระกูลเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมบนเกาะพระจันทร์

เพราะการที่ได้รู้จักมักคุ้นกับคุณชายของตระกูลก็เท่ากับมีมิตรไมตรีที่ดีต่อตระกูลเชาวกรกุล ทุกคนต่างก็อยากมีเพื่อนเป็นคนที่อยู่ในตระกูลใหญ่ทั้งนั้น

“ว้าว นั่นคือคุณชายใหญ่ของตระกูลเชาวกรกุลเหรอ หล่อจัง ถ้าฉันได้วีแชทของเขาคงจะดีมากเลย”

“เธออย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย คนอย่างคุณชายตระกูลเชาวกรกุลจะไม่มีสาวๆ รุมล้อมได้ยังไงกัน คนที่เขาจะมองก็คงเป็นสาวสวยเท่านั้นแหละ”

เมื่อสาวๆ ได้เห็นบริวัตร ต่างก็พากันแสดงสีหน้าบ้าผู้ชายออกมา

รพีพงษ์กับคนอื่นๆ ก็พากันมองไปทางบริวัตร แต่พวกเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนกับคนอื่นๆ

ในใจของอารียามีเพียงรพีพงษ์ อีกอย่างบริวัตรไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอชอบ ส่วนฝนสุดาก็เป็นคนหนูแห่งตระกูลก้องวณิชกุล แม้ว่าตระกูลเชาวกรกุลจะยิ่งใหญ่บนเกาะพระจันทร์ แต่เมื่อเทียบกับตระกูลก้องวณิชกุลแล้ว ยังห่างชั้นกันเยอะ แน่นอนว่าฝนสุดาไม่ได้เห็นคุณชายคนนั่นอยู่ในสายตา

หลังจากที่บริวัตรเดินมาถึง เขาก็สัมผัสกับสายตาแห่งความชื่นชมจากผู้คนโดยรอบ รอยยิ้มได้ใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาชอบความรู้สึกที่โดนทุกคนแหงนมองเป็นที่สุด

เขามองไปรอบๆ บริเวณ สุดท้ายสายตาของบริวัตรไปหยุดลงที่ฝนสุดา ความกระหายฉายออกมาทางแววตาของเขา

วันนี้เขามาที่นี่เพราะฝนสุดา หลังจากที่ฝนสุดาออกมาจากอ่าวจันทร์ เขาก็เห็นนางฟ้าโดยไม่รู้ตัว

ฝนสุดารับรู้ได้ถึงสายตาของบริวัตร หน้าผากอันสวยงามย่นลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกไม่ชอบใจกับการจ้องมองของบริวัตร

เมื่อมาถึงข้างเวที บริวัตรก็เดินขึ้นไปบนเวทีทันที พิธีกรรีบวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงยื่นไมค์ให้บริวัตร

บริวัตรรับไมค์มา แล้วพูดว่า “ฉันเห็นว่าการแข่งที่นี่คึกคักดี ก็เลยแวะมาดู อีกอย่างฉันสนใจเรื่องงัดข้อด้วย และมั่นใจในพละกำลังของตัวเอง ให้ฉันท้ากับผู้มีพละกำลังทั้งแปดคนนี้ดีกว่า ดูสิว่าฉันจะเป็นผู้ชนะได้หรือเปล่า”

พิธีกรรีบยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเกียรติมากที่คุณชายมาร่วมการแข่งขันของเรา ผมเชื่อว่าผู้แข่งขันทั้งแปดคนก็รอคอยที่จะวัดพละกำลังกับคุณชายเช่นกัน เดี๋ยวผมจะให้คนไปเตรียมให้นะครับ ให้ทุกคนได้รู้ถึงพละกำลังของคุณชาย”

บริวัตรพยักหน้า เขาเหลือบมองผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนอย่างไม่พอใจ

ที่จริงแล้วบริวัตรเป็นคนวางแผนการแข่งขันครั้งนี้ มันเป็นวิธีสกปรกที่เขาชอบใช้ในการจีบผู้หญิง ใช้การแข่งขันมาบังหน้า แล้วหาผู้ชมที่เป็นผู้โชคดี ที่จริงแล้วผู้โชคดีก็คือผู้หญิงที่บริวัตรถูกใจ

วางแผนให้ผู้โชคดีตอบตกลงทานข้าวกับผู้ชนะ จากนั้นบริวัตรก็จะปรากฏตัวออกมา และทำให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดแพ้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะได้มีโอกาสทานข้าวกับหญิงสาวที่ตนเองถูกใจ

และการที่เป็นคุณชายในตระกูลเชาวกรกุลเขาก็มีวิธีการให้ผู้หญิงนอนกับเขาหลังจากทานข้าวเสร็จ

บนเกาะพระจันทร์ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว ส่วนมากจะมาเพียงครั้งเดียวและกลับไป คนที่มาดูการแข่งขันก็มักจะเป็นนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลว่าจะโดนจับได้จากการใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ อีกอย่างคนที่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ก็ออกจากเกาะพระจันทร์ไปแล้ว

ไม่นานพิธีกรก็จัดโต๊ะสำหรับแข่งงัดข้อเสร็จเรียบร้อย บริวัตรเดินเข้าไปนั่งลงข้างโต๊ะ จากนั้นก็พูดกับผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนว่า “พวกนายเข้ามาแข่งงัดข้อกับฉันทีละคน ถ้าฉันชนะพวกนายทั้งหมด ฉันก็จะเป็นผู้ชนะในวันนี้”

ผู้หญิงที่อยู่ล่างเวทีต่างพากันกรี้ดขึ้นมา ราวกับว่าคำพูดของบริวัตรช่างก้าวร้าวดุดัน

“ว้าว หล่อเท่จริงๆ เลย คิดไม่ถึงว่าจะท้าคนทั้งแปดคน ฉันประกาศไว้ตรงนี้เลย จากนี้คุณชายจะเป็นไอดอลของฉัน!”

“ช่างก้าวร้าวจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายบริวัตร นี่สิผู้ชายที่แท้จริง อยากโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาจัง”

“ไม่ได้การละ ฉันจะเป็นลม ฉันอยากให้คุณชายบริวัตรมาผายปอด”

……

ผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนมาแข่งงัดข้อกับบริวัตร บริวัตรดูเหมือนจะไม่มีพละกำลังอะไร แต่แรงของเขาไม่น้อยเลยทีเดียว คนที่แข่งงัดข้อกับเขาอดทนได้เพียงครู่เดียวก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา

เสียงกรี้ดของผู้หญิงที่อยู่ข้างล่างดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และชื่นชมบริวัตรไม่หยุด

อารียามองภาพบนเวที แล้วหันไปมองฝนสุดา “ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คุณชายนั่นต้องชนะแน่ สุดาถ้าเธอต้องไปทานข้าวกับเขา เธอว่าเขาเป็นยังไง”

ฝนสุดาแสดงท่าทีรังเกียจออกมา “ฉันไม่ไปทานข้าวกับไอ้หมอนั่นหรอก ดูก็รู้ว่ามีอะไรในใจ เธอดูท่าทีได้ใจของเขาสิ ฉันสงสัยว่าคนพวกนั้นยอมแพ้เขาเพราะฐานะของเขาต่างหาก การแข่งนี่ช่างน่ารังเกียจจริงๆ”

“แต่เมื่อกี้เธอตอบตกลงพิธีกรไปแล้วนิ แล้วจะทำยังไงล่ะ” อารียาเอ่ยขึ้น

ตอนแรกฝนสุดาอยากบอกว่าตัวเองไม่อยากไป แล้วก็ปฏิเสธออกไปตรงๆ เพราะว่าเธอไม่ได้เห็นไอ้คุณชายนั่นอยู่ในสายตา

ฝนสุดาสังเกตเห็นรพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอกลอกตาไปมา แล้วพูดกับอารียาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อารี หมอนั่นเป็นคุณชายของตระกูลเชาวกรกุล บนเกาะนี้ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา การไปทานข้าวกับเขา มันไม่ใช่แค่ทานข้าวแน่ๆ เขาต้องใช้โอกาสนี้ทำอะไรฉันแน่ๆ ฉันไม่อยากโดนมันทำลายชีวิต เธอช่วยฉันได้ไหม”

อารียาคิดว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ ก็กระวนกระวายแทนฝนสุดา แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

“สุดา ฉันก็อยากช่วยเธอนะ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะช่วยเธอยังไงดี หรือเราจะปฏิเสธไปตรงๆ พวกเขาคงไม่บังคับเธอไปทานข้าวหรอกใช่ไหม” อารียาเอ่ยขึ้น

ฝนสุดามองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “อารี เธอเคยบอกว่าสามีเธอแรงเยอะไม่ใช่เหรอ ฉันว่าเขาต้องชนะคุณชายนั่นได้แน่ ให้เขาขึ้นไปท้าคุณชายนั่นสิ ถ้าเขาชนะ ฉันก็ไม่ต้องไปทานข้าวกับคุณชายนั่น”

จู่ๆ แววตาของอารียาก็เป็นประกายขึ้นมา เธอคิดว่าวิธีนี้ใช้ได้เลยทีเดียว จากนั้นจึงหันไปหารพีพงษ์

รพีพงษ์กำลังเหม่อ เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เมื่อได้ยินที่ฝนสุดาพูด หน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท