พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 614 ยังขึ้นไปได้ไหม

บทที่ 614 ยังขึ้นไปได้ไหม

บทที่ 614 ยังขึ้นไปได้ไหม

“รพีพงษ์ นายช่วยสุดาสักครั้งเถอะ ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้สมัครแข่ง แต่เดี๋ยวถ้านายอยากท้าคุณชายนั่น เขาต้องไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน แค่นายชนะ สุดาก็จะได้ไม่ต้องไปทานข้าวกับเขา” อารียาเอ่ยขึ้น

“ใช่ ใช่ ใครจะไปรู้ว่าคุณชายนั่นจะใช้โอกาสนี้ทำเรื่องมิดีมิร้าย ผู้หญิงไม่น้อยที่ต้องพังทลายคามือเขา”

ฝนสุดากะพริบตาอย่างใสซื่อ ท่าทางของเธอเหมือนลูกแมวที่น่าสงสาร จนทำให้คนเอ็นดู

รพีพงษ์พูดอะไรไม่ออก เขาคิดในใจว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลตระกูลก้องวณิชกุล จะไปกลัวคุณชายตระกูลเล็กๆ ได้อย่างไรกัน

เขาเดาได้ว่าฝนสุดาตั้งใจทำแบบนี้ แต่เขาไม่สามารถเปิดโปงเธอต่อหน้าอารียาได้

“ทำอย่างนี้จะดูไม่ค่อยดีนะ นี่มันเป็นการประกาศตัวเป็นศัตรูกับคุณชายบริวัตรต่อหน้าทุกคนเลยนะ เมื่อจบเรื่องนี้เขาต้องมาหาเรื่องผมแน่นอน” รพีพงษ์ยกเหตุผลมาพูดอย่างขอไปที

“อีกอย่างเราอยู่เที่ยวอีกไม่กี่วันก็จะกลับกันแล้ว เขาคงไม่ตามหาเรื่องเราถึงบนบกหรอก รพีพงษ์ ปกตินายชอบช่วยคนไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงกลัวว่าจะมีเรื่องภายหลังล่ะ สุดาเป็นเพื่อนของฉัน อยากบอกนะว่านายทนดูเธอถูกคุณชายนั่นกลั่นแกล้งได้เหรอ” อารียาเริ่มถามซักไซ้รพีพงษ์

“ช่างเถอะอารี ในเมื่อเขากลัวว่าจะมีเรื่อง งั้นฉันก็ไม่รบกวนพวกเธอแล้ว เดี๋ยวฉันจะหาทางเอง” ฝนสุดารู้สึกสิ้นหวัง

ความสิ้นหวังนี้เธอไม่ได้เสแสร้งออกมา แต่เป็นสิ่งที่เธอรู้สึกจริงๆ เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับรพีพงษ์ แต่เขากลับไม่ช่วยเธอ แล้วจะไม่ให้เธอสิ้นหวังได้อย่างไรกันล่ะ

อารียาเห็นท่าทีของฝนสุดาก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา เธอจ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วรีบไปปลอบฝนสุดา

รพีพงษ์เหนื่อยใจ เขาจึงจำใจพูดออกมาว่า “ก็ได้ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปท้าคุณชายบริวัตร”

แววตาอันสิ้นหวังของฝนสุดากลับมาเป็นประกายอีกครั้ง

ไม่นานผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนก็แพ้ให้กับบริวัตร พิธีกรรีบประกาศว่าบริวัตรคือผู้ชนะการแข่งขันงัดข้อด้วยความตื่นเต้น

บริวัตรลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่ผู้ชมข้างล่างด้วยท่าทียโส สุดท้ายเขาก็มองไปยังฝนสุดา

พิธีกรรีบพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ขอเชิญผู้ชมท่านที่โชคดีขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ คืนนี้คุณมีโอกาสได้ร่วมรับประทานอาหารกับคุณชายบริวัตร ผมว่านี่เป็นความโชคดีของคุณเลยนะครับ”

ทุกคนพากันมองไปที่ฝนสุดา ผู้หญิงส่วนใหญ่พากันอิจฉาเธอ

ฝนสุดาไม่ได้เดินไป เธอมองไปยังรพีพงษ์

รพีพงษ์มองไปบนเวที เขาใช้น้ำเสียงที่ไม่ดังแต่ทุกคนก็สามารถได้ยินถามขึ้นว่า “ผมขอถามหน่อยครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ลงสมัคร ตอนนี้ผมอยากท้างัดข้อ ผมสามารถขึ้นไปได้ไหมครับ”

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ก็มีสีหน้าตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าจะมีคนอยากมาท้าในเวลาแบบนี้

อีกอย่างบริวัตรชนะทุกคนแล้วด้วย นี่เท่ากับว่าเขากำลังท้าบริวัตรสำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่กล้าและบ้าบิ่นมาก

“ให้ตายเถอะ พี่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเหรอ ถึงกล้าท้าคุณชายบริวัตร เขาไม่รู้เหรอว่าเกาะพระจันทร์เป็นของตระกูลเชาวกรกุล”

“ดูท่าแล้ว เขาน่าจะจงใจ หรือเขาจะแย่งผู้หญิงคนเดียวกันกับคุณชายบริวัตร”

“คนนั้นเขามากับสาวสวยคนนั้น ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากให้สาวคนนั้นไปทานข้าวกับคุณชายบริวัตร แต่เขาไม่เจียมตัวเลย ไปทะเลาะกับคุณชายบริวัตรนี่รนหาที่ตายชัดๆ”

คนที่ชื่นชมบริวัตรที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันมองรพีพงษ์ด้วยสายตาเหยียดหยาม และถือว่ารพีพงษ์เป็นศัตรูกับพวกเขา

พิธีกรคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขารีบมองไปยังบริวัตรเพื่อถามความเห็นของบริวัตร

บริวัตรจ้องรพีพงษ์ เขาหรี่ตาลง เมื่อกี้เขาไม่ได้สังเกตรพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างฝนสุดาเลยสักนิด ตอนนี้เขาจึงตั้งใจมองรพีพงษ์

“ได้แน่นอน ไม่ว่าใครก็ขึ้นมาท้าฉันได้เลย ฉันจะใช้แรงของฉันพิสูจน์ให้พวกนายรู้ว่าการที่ฉันชนะเพราะความสามารถของฉันเอง” บริวัตรเอ่ยขึ้น

รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเดินขึ้นไปบนเวที

พิธีกรเห็นเช่นนั้น ก็พูดแก้สถานการณ์ และสร้างบรรยากาศให้ผู้ชม จากนั้นก็ทำให้การแข่งขันน่าตื่นเต้นขึ้น

ประวีร์กับนีรยืนดูเหตุกาณ์อยู่อีกด้านของเวที เพราะคนเยอะมาก พวกเขาจึงได้ยินแค่เสียง แต่ไม่สามารถมองเห็นคนที่ขึ้นมาท้าบริวัตร

ตอนนี้รพีพงษ์อยู่บนเวที ทั้งสองเบิกตาโต

“รพีพงษ์บ้าไปแล้วเหรอไง คิดไม่ถึงว่าเขาจะท้าคุณชายบริวัตร นี่เขารนหาที่ตายชัดๆ”

ประวีร์พูดด้วยสีหน้าตกตะลึง

“คงจะไม่ใช่เพราะมีคนเชิญเขามาทานข้าวที่อ่าวจันทร์ เขาเลยตัวลอย แล้วไม่เห็นคุณชายบริวัตรอยู่ในสายตา” นีรพูดด้วยความประชด

ไม่นานสีหน้าตกตะลึงของประวีร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา “ไม่แน่อาจจะเป็นอย่างนั้น ทำท่าอย่างกับคนเพิ่งรวย แต่ว่าเขารนหาที่ตายเอง ที่ไปท้าคุณชายบริวัตร เราไม่ต้องกังวลว่าเขาจะไม่โดนจัดการ ไปล่วงเกินคุณชายบริวัตร เขาต้องตายอย่างน่าสังเวชแน่นอน”

นีรพยักหน้าตาม ความคาดหวังฉายออกมาทางแววตาของเธอ

ประวีร์หันไปมองผู้ชมที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ฉันจะบอกให้ว่า ฉันรู้จักคนที่ขึ้นไปท้าคุณชายบริวัตร เขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนไม่เอาไหนในเมืองที่เขาอยู่ ไม่รู้ว่าสมองเป็นอะไร ถึงกล้าขนาดนั้น น่าขำสิ้นดี”

เมื่อคนที่อยู่รอบๆ ตรงนั้น ได้ยินสิ่งที่ประวีร์พูด ก็พากันประหลาดใจ แล้วรีบสอบถามเกี่ยวกับรพีพงษ์

ประวีร์ใช้โอกาสนี้พูดดูถูกรพีพงษ์อย่างรุนแรง

หลังจากที่รพีพงษ์ขึ้นไปบนเวที บริวัตรมองเขาอย่างประเมิน จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าเทียบกับไอ้แปดคนเมื่อกี้ นายดูผอมแห้งแรงน้อยมาก แน่ใจเหรอว่าจะมาท้าฉัน”

รพีพงษ์พยักหน้า

บริวัตรหัวเราะออกมาอย่างดูถูก จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “ทำไม นายชอบสาวสวยคนนั้นเหรอ กลัวฉันแย่งมาหรือไง ถึงขึ้นมาพิสูจน์ตัวเองเนี่ย”

“อย่าพูดไร้สาระ เวลาฉันมีจำกัด” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก แล้วเดินเข้าไปนั่งลงข้างโต๊ะ

บริวัตรเห็นท่าทีของรพีพงษ์ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที แล้วก็เดินตามเข้าไปนั่ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้เด็กน้อย นายนี่กล้าดีนะ ฉันจะทำให้นายเสียใจที่มานั่งตรงนี้”

พิธีกรที่ยืนมองทั้งสองคนอยู่อีกด้าน แววตาของเขาดูถูกรพีพงษ์ จากนั้นหัวเราะแล้วพูดออกมาว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ นะครับ ว่าเมื่อแข่งขันมาถึงตรงนี้แล้วจะมีคนกล้าขึ้นมาท้าผู้ชนะของเรา ความกล้าของผู้เข้าแข่งขันคนนี้ช่างน่านับถือจริงๆ ครับ แต่ว่าร่างกายอันผอมแห้งแรงน้อยของเขาทำให้ผมเป็นกังวลเล็กน้อย พวกเราช่วยอวยพรให้เขาโชคดีด้วยละกันนะครับ!”

คนที่อยู่ล่างเวทีพากันหัวเราะออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดว่ารพีพงษ์จะสามารถเอาชนะบริวัตรได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท