พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 618 นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของคุณเหรอ

บทที่ 618 นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของคุณเหรอ

บทที่ 618 นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของคุณเหรอ

บ้านตระกูลเชาวกรกุล

นายใหญ่ของตระกูลอย่างสิรวิชญ์กำลังสั่งลูกน้องอย่างวุ่นวาย เขาให้คนประดับห้องรับแขกให้ดูหรูหราขึ้น

เมื่อเช้าตอนที่เขาได้ข่าวว่านายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์พร้อมภรรยาจะมาเยี่ยม สิรวิชญ์รู้ถึงกิตติศัพท์ของนายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์ เขาจึงไม่ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ เขารีบเลื่อนงานที่ต้องไปเข้าร่วม และตั้งใจจัดบ้านเพื่อต้อนรับนายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์กับภรรยา

ก่อนหน้านี้ สิรวิชญ์รู้เพียงว่าตระกูลลัดดาวัลย์มีอำนาจมาก พวกเขาสามารถทำอะไรก็ได้ในเกียวโต ตระกูลบนเกาะอย่างพวกเขาไม่สามารถเทียบได้ แต่เขาไม่รู้ว่านายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์คือใคร

ด้วยเหตุนี้ ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาให้คนไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ เมื่อเขาได้รู้ถึงตัวตนของรพีพงษ์ เขาจึงรู้สึกนับถือรพีพงษ์มาก

“อายุน้อยขนาดนี้ แต่มีประสบการณ์เยอะมาก เส้นสายมากมาย แผนการแยบยล แถมยังดำรงตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูลอีก คนคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” สิรวิชญ์พูดพึมพำ

นับดูแล้วลูกชายของเขาก็อายุไม่ห่างจากนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์สักเท่าไร เมื่อคิดถึงลูกชายของตัวเองสิรวิชญ์ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา คนอื่นได้เป็นนายใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนลูกชายของเขาเอาแต่เจ้าชู้ไปวันๆ

“ไม่เอาไหนจริงๆ” สิรวิชญ์ถอนหายใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาลูกน้องแล้วถามว่า “คุณชายล่ะ”

“คุณชายอยู่ที่สวนหลังบ้านครับ เขาเรียกคนต่อสู้ของตระกูลไปสิบกว่าคน เหมือนจะไปจัดการกับใคร” ลูกน้องคนนั้นตอบอย่างตรงไปตรงมา

สิรวิชญ์ส่งเสียงหึออกมา เขาขมวดคิ้วแล้วเดินไปที่สวนหลังบ้าน วันนี้นายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์จะมาเยี่ยมเขายังคิดว่าบริวัตรกับรพีพงษ์อายุใกล้เคียงกัน น่าจะพูดคุยกันได้ ถ้าลูกชายของเขาได้เป็นเพื่อนกับรพีพงษ์ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี คิดไม่ถึงว่าไอ้ลูกชายคนนี้ยังคิดจะออกไปข้างนอกเพื่อคิดบัญชีกับคนอื่น

“ไอ้เด็กเวร ถ้าวันนี้แกกล้าออกไปฉันจะตีขาแกให้หักเลย!”

ภายในสวนหลังบ้าน

บริวัตรยืนอยู่ข้างหน้าชายรูปร่างกำยำสิบกว่าคน เขาพูดอย่างดุดันว่า “ฉันสืบได้แล้วว่าไอ้หมอนั่นมันอยู่ที่ไหน เดี๋ยวพวกแกไปกับฉัน พอเห็นมันก็ลงมือได้เลย ไม่ต้องไปสนใจไยดีมัน การที่มันพักในโรงแรมไม่ได้ น่าจะเพราะไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ถึงพวกแกจะจัดการจนมันตาย ฉันก็จะรับผิดชอบแทนพวกแกเอง ได้ยินหรือยัง!”

“ได้ยินแล้วครับ!” ทุกคนตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง

จากนั้นบริวัตรก็กำลังจะพาชายพวกนั้นออกไป ขณะนั้นเองเขาเห็นสิรวิชญ์ยืนอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้าโกรธ

บริวัตรทำอะไรไม่ถูก เขากระแอมออกมาเบาๆ แล้วพูดว่า “พ่อมาได้ยังไง”

สิรวิชญ์เดินเข้าไปหาบริวัตร แล้วยกขาถีบไปที่ก้นของลูกชาย จากนั้นจึงก่นด่าออกมาว่า “ไอ้เด็กไม่เอาไหน วันๆ ก็เอาแต่จะออกไปหาเรื่องคนอื่น แถมยังจะฆ่าเขาให้ตายอีก แกคิดว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแปเหรอ!”

“พ่อ การที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะศักดิ์ศรีของตระกูลเรา เมื่อวานมีคนฉีกหน้าผมที่ลานอ่าวจันทร์ ผมขายหน้ามาก นี่มันไม่เห็นตระกูลเราอยู่ในสายตาเลย ถ้าไม่สั่งสอนมันสักหน่อย ต่อไปคนอื่นจะดูถูกตระกูลเรานะครับ” บริวัตรรีบพูดอธิบาย

สิรวิชญ์จ้องลูกชายเขม็ง จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะขายหน้า อีกเดี๋ยวนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์จะมาที่นี่ แกต้องอยู่ด้วย เขาอายุไล่เลี่ยกับแก ถ้าแกสามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ มันก็เป็นผลดีกับตระกูลเรา ส่วนคนที่แกจะไปจัดการก็ค่อยว่ากัน”

“ได้ๆ เดี๋ยวอีกพักผมจะออกไปเจอเขา พอใจหรือยัง” บริวัตรพูดตอบรับ

สิรวิชญ์จ้องลูกชายเขม็ง จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องรับแขก

บริวัตรเห็นสิรวิชญ์เดินเข้าไปก็หันไปหานักสู้พวกนั้น จากนั้นจึงพูดว่า “ไปจัดการไอ้หมอนั่นมันก็แค่เรื่องเล็กน้อย ฉันรีบกลับมาก่อนนายใหญ่อะไรนั่นจะมาก็พอแล้ว พวกเรารีบออกไปทางประตูหลัง เร็ว!”

คนพวกนั้นรีบเดินตามบริวัตรออกไปทางประตูหลัง

ระหว่างทาง รพีพงษ์กับฝนสุดาเดินไปทางบ้านตระกูลเชาวกรกุล

รพีพงษ์เดินไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แต่ฝนสุดากลับเริงร่า เธอเดินวนไปวนมารอบตัวของรพีพงษ์อย่างมีความสุข

ราวกับว่าการที่ได้เดินกับรพีพงษ์สองต่อสอง เป็นเรื่องที่มีความสุขสำหรับเธออย่างไรอย่างนั้น

“รพีพงษ์ อันที่จริงนายแต่งเมียอีกสักสองสามคนก็มีแต่เรื่องดี ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย นอกจากแม่แล้ว พ่อของฉันยังมีผู้หญิงอีกหลายคนเลย ทุกคนต่างก็อยู่ด้วยกันได้ ฉันว่าทั้งชีวิตนายจะผูกติดอยู่กับคนๆ เดียว ฉันว่าความคิดนี้มันค่อนข้างผูกมัดเกินไป” ฝนสุดาพูดพลางเดินพลาง

รพีพงษ์เหนื่อยใจ ตั้งแต่เดินมา ฝนสุดาเอาแต่พูดข้อดีของการมีเมียหลายคน

ฝนสุดาก็ค่อนข้างจะหมดความอดทนเช่นกัน เธอพบว่าไม่ว่าจะพูดยังไง รพีพงษ์ก็ไม่ยอมห่างจากอารียา ดังนั้นเธอจึงเลือกทางอื่น โดยการให้รพีพงษ์แต่งงานกับเธอ

ขณะที่ฝนสุดากำลังยัดความคิดที่จะให้รพีพงษ์แต่งเมียหลายคนอยู่นั้น บริวัตรก็พาชายกลุ่มนั้นมาถึงถนนเส้นนี้เหมือนกัน

บริวัตรเห็นฝนสุดาที่ยืนอยู่ข้างรพีพงษ์ จากนั้นเขาก็มองไปยังรพีพงษ์

“โลกกลมจริงๆ ฉันกำลังจะไปหานายอยู่พอดี ไม่คิดว่านายจะมาที่นี่” บริวัตรแสยะยิ้ม เขาโบกมือเรียกนักสู้ที่อยู่ข้างหลัง คนพวกนั้นเข้าไปล้อมฝนสุดากับรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอบริวัตรระหว่างทางที่จะไปตระกูลเชาวกรกุล ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเข้ามาหาตัวเอง

“ไอ้เด็กน้อย พวกเรากำลังจะไปหาแกอยู่พอดี คิดไม่ถึงว่าจะเจอแกที่นี่ แกโทษความโชคร้ายของตัวเองก็แล้วกันนะ เรื่องเมื่อคืน แกว่าควรจะสะสางให้จบๆ ไปดีไหม” บริวัตรยิ้มอย่างร้ายกาจ

แววตาของรพีพงษ์นิ่งเฉย การที่เขาไปตระกูลชาวกรกุล ก็เพื่อที่จะสะสางเรื่องนี้ ขอแค่บริวัตรไม่ไปหาเรื่องครอบครัวของอาใฝ่ธรรม จะสะสางเรื่องนี้ด้วยวิธีไหนก็ได้

“ผมกำลังจะไปคุยเรื่องนี้กับพ่อของคุณ คุณแน่ใจแล้วเหรอว่าจะเอาคนมาขวางผมไว้” รพีพงษ์ย้อนถาม

บริวัตรหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย

“สมองแกมีปัญหาหรือเปล่า คิดไม่ถึงว่าจะไปคุยเรื่องนี้กับพ่อของฉัน ไม่ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง อย่าบอกนะว่าแกจะไปพ่อของฉันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเอง”

เมื่อคนพวกนั้นได้ยินคำพูดของบริวัตร ก็พากันหัวเราะออกมาเหมือนกัน

“งั้นคุณจะสะสางเรื่องนี้ยังไง” รพีพงษ์ถามขึ้น

บริวัตรปรายตามองรพีพงษ์ แล้วย้ายสายตาไปมองฝนสุดา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหาย

“ง่ายมาก ถ้าแกไม่อยากตาย ก็ให้สาวสวยคนนี้กลับไปกับฉัน ถ้าคืนนี้เธอทำให้ฉันพอใจ ฉันจะปล่อยแกไป ไม่งั้นแกอาจจะไม่มีชีวิตรอดออกไปจากเกาะพระจันทร์” บริวัตรแสยะยิ้มแล้วพูดออกมา

ฝนสุดาได้ยินสิ่งที่บริวัตรพูด ก็รีบพูดออกมาอย่างโมโห “นายนี่หน้าไม่อายจริงๆ ใครจะทำให้นายพอใจกัน นายกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าสามีในอนาคตของฉันเหรอ เขาไม่ปล่อยนายไว้แน่”

“สามีในอนาคต คุณเป็นคู่หมั้นของเขาเหรอ ถ้าเป็นเช่นนี้มันก็ยิ่งน่าโมโหสิ” บริวัตรหุบยิ้ม

ถึงแม้ว่ารพีพงษ์จะเหนื่อยใจกับคำพูดของฝนสุดา แต่เขาคร้านที่จะอธิบาย จึงพูดกับบริวัตรว่า “คุณไปเรียกพ่อของคุณออกมา แล้วคุกเข่าสำนึกผิดซะ ผมจะปล่อยคุณไป ไม่งั้นเทวดาที่ไหนก็ช่วยคุณไม่ได้”

บริวัตรมองรพีพงษ์อย่างเย้ยหยัน จากนั้นจึงพูดว่า “เลิกอวดเก่งสักทีเถอะ ตระกูลของฉันใหญ่สุดบนเกาะพระจันทร์ แกเป็นใคร ฉันอยากทำลายแก มันแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว!”

พูดจบ เขาก็ส่งสัญญาณให้ลูกน้องของตัวเอง ชายพวกนั้นกระโจนเข้าไปหารพีพงษ์

รพีพงษ์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว รพีพงษ์จัดให้คนละหมัด จนคนที่บริวัตรพามาลงไปนอนกับพื้น จากนั้นจึงเดินมาตรงหน้าบริวัตร แล้วตบลงไปที่หน้าของบริวัตรจนทำให้เขาล้มลงไปบนพื้น

ลูกน้องในตระกูลเชาวกรกุลที่แอบออกมาดู เมื่อเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจจนรีบวิ่งกลับเข้าไปบอกเรื่องนี้กับสิรวิชญ์

สิรวิชญ์รีบออกมาด้วยความตื่นตระหนก เขาตกใจเมื่อเห็นคนนอนกองอยู่บนพื้น ตอนที่เขาเห็นรพีพงษ์ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาพูดออกมาอย่างไม่ลังเลว่า “นะ นายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่”

รพีพงษ์เหลือบมองสิรวิชญ์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่คือวิธีต้อนรับแขกของตระกูลคุณเหรอ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท