พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่622 แกตายแล้วเป็นไง

บทที่622 แกตายแล้วเป็นไง

บทที่622 แกตายแล้วเป็นไง

อนันยชยิ้มอย่างเย็นชาให้กับรพีพงษ์ มุมปากเผยยิ้มอย่างร้ายกาจออกมา พูดขึ้น“แกรนหาที่เอง อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจเลย!”

พูดจบ อนันยชก็ปล่อยอีกหมัดทุบลงบนอกของรพีพงษ์ พละกำลังอันมหาศาลระเบิดออก รพีพงษ์กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง สีหน้าซีดเผือด

“เอ๋”อนันยชมองรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ เขาอุทานออกมาอย่างแตกตื่น

“คนปกติรับหมัดนี้แล้ว กระดูกคงแหลกไปนานแล้ว แต่แกรับหมัดนี้ฉันติดกันถึงสองครั้งกระดูกแกกลับไม่เป็นอะไรเลย ดูท่าร่างกายของแก ค่อนข้างจะไม่ธรรมดานะ”อนันยชพูดพึมพำ

รพีพงษ์มองตาลอยไปที่อนันยช โดยที่ไม่ได้สนใจว่าเขากำลังพูดอะไร ตอนนี้เขาหน้ามืดตาลายไปหมด สติก็เริ่มที่จะเลือนราง

“ร่างกายของแก ถ้าอาจารย์เห็นแล้วล่ะก็ แค่แนะนำอีกนิดหน่อย ใช้เวลาอีกไม่กี่ปี เกรงว่าแผ่นดินนี้คงจะเกิดปรมาจารย์ขึ้นมาอีกคน สมรรถภาพอย่างนี้ ขนาดฉันยังต้องอิจฉา”

“เสียดาย แกคงมีชีวิตไม่เกินวันนี้หรอก สมรรถภาพดีแค่ไหน ก็คงทิ้งไว้เพียงเงา”

พูดจบ อนันยชจึงยกมือขึ้นอีก เตรียมจะทุบรพีพงษ์ให้แขนหัก ให้เขาได้รับความทุกข์ทรมานเสียบ้าง

ในเวลานี้เอง มีเงาๆหนึ่งพุ่งปราดออกมาทางด้านหลังของอนันยช ในมือถือมีดสั้น พุ่งเข้า ไปแทงที่เอวของอนันยช

อนันยชหรี่ตาลง ย้ายมือไปอีกทิศทางหนึ่ง แล้วใช้มือตวัดลงบนใบหน้าของเงาที่พุ่งเข้ามา เงานั้นตบจนกระดอนออกไปเจ็ดแปดเมตร

คนของตระกูลนิธิวรสกุลที่ยืนสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวอยู่ด้านข้าง ได้พูดขึ้น“คุณชาย รอบๆตัวเราเหมือนมีเงาเจ็ดเงาตีวงล้อมเข้ามา ไม่รู้มาจากไหน”

อนันยชใช้มือข้างหนึ่งหิ้วคอเสื้อของรพีพงษ์ขึ้น แล้วพุ่งตัวเข้าไปหมายจะจัดการ เขาพูดเสียงเย็นชาว่า“ก็แค่พวกกาฝากกลุ่มหนึ่ง ในเมื่อแห่กันมารนหาที่ตาย ฉันก็จะออกกำลังกายสงเคราะห์พวกมันหน่อย”

พูดพลางเขาก็โยนรพีพงษ์ลงบนพื้น เตรียมที่จะจัดการพวกที่พุ่งเข้ามาพวกนี้ก่อนแล้ว ค่อยจัดการรพีพงษ์ตามหลัง

ในชั่วพริบตา เงากี่สิบร่างก็เข้ามาตีวงล้อมอนันยชเอาไว้ ส่วนคนบ้านนิธิวรสกุลก็โดนคนสองสามคนล้อมไว้เช่นกัน

อนันยชรับมือกับการจู่โจมแบบกะทันหันอย่างง่ายดาย แทบจะใช้กระบวนท่าละคน ในเวลาไม่นานนัก คนเหล่านั้นก็กองกันลงไปอยู่บนพื้น

ในเวลานี้เอง เสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้น มีเงาอรชรเงาหนึ่งขี่คร่อมอยู่บนรถเป็นฝนสุดานั่นเอง

เงาที่ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันร่างนี้ เป็นเพราะเธอมาที่เกาะพระจันทร์ เธอแอบตามยอดฝีมือของตระกูลก้องวณิชกุลมา ตอนนั้นฝนสุดาอยากทำตามคำขอของรพีพงษ์ ว่าไปหาตัวอารียาแล้วพาอารียาหนีไป แต่เธออดห่วงรพีพงษ์ไม่ได้ จากใจส่วนตัวของเธอ ฝนสุดาจึงสั่งให้คนในตระกูลคนหนึ่งของเธอออกตามหาอารียา ส่วนเธอเองอยู่เฝ้าก่อน แล้วรวบ รวมกำลังคนในตระกูลของเธอมาด้วย

แม้ว่ารพีพงษ์อาจจะตำหนิเธอที่ทำแบบนี้ แต่เธอทนเห็นรพีพงษ์ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้ เมื่อเทียบกับที่จะต้องโดนรพีพงษ์ตำหนิแล้ว เธอไม่อยากจะเห็นรพีพงษ์เป็นอันตรายมากกว่า

เมื่อเห็นเงาประมาณสิบกว่าเงาล้อมรอบอนันตยชอยู่ อีกทั้งยอดฝีมือที่นอนกองอยู่บนพื้น ฝนสุดารู้สึกตกใจ คนที่บ้านส่งมาให้เธอนั้น ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือ แต่คนพวกนี้เมื่อมาปะทะกับอนันยช กลับกลายเป็นเหมือนเศษกระดาษที่ปลิวว่อนอยู่แบบนั้น หนึ่งหมัดหนึ่งกระบวนท่าก็กองลงไปบนพื้นแล้ว คนของตะกูลนิธิวรสกุล มีศักยภาพสักเท่าไหร่กันหนอในเวลาอันรวดเร็ว ฝนสุดาก็มองหารพีพงษ์ที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้นเจอ เธอขมวดคิ้ว รีบขี่มอเตอร์ไซต์เข้าไป

ในใจเธอรู้สึกดีใจ ที่ตัวเองไม่ได้จากไปในตอนนั้น ไม่อย่างนั้นวันนี้รพีพงษ์คงจะประสบเคราะห์ร้าย

มอเตอร์ไซต์ขี่มาจอดตรงหน้ารพีพงษ์ ฝนสุดารีบโผเข้าไปช้อนรพีพงษ์ขึ้น แล้วให้เขานั่งข้างหลังตนเอง จากนั้นจึงรีบขับออกจากตรงนี้

“เธอ……เธอกลับมาได้ไง”รพีพงษ์รวบรวมสติเฮือกสุดท้าย ถามฝนสุดาขึ้นมา

“ตาเซ่อเอ๊ย ถ้าฉันไม่มา วันนี้นายคงตายอยู่ที่นี่แล้วล่ะ ถ้านายตายไป ฉันจะทำยังไง”ฝนสุดาดูเป็นทุกข์เป็นร้อน ในแววตามีน้ำตารื้นอยู่

รพีพงษ์รู้สึกแน่นหน้าอกในตอนนี้ จะพูดได้ว่าทรมานถึงขั้นสุดก็ได้ แต่พอได้ยินคำพูดของฝนสุดา ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

คำพูดของสาวน้อยคนนี้ อารียาน่าจะเป็นคนพูดมากกว่า แต่ทำไมเวลาที่คำพูดนี้ออกจากปากของเธอ มันช่างฟังดูเป็นธรรมชาติเสียเหลือเกิน ราวกับว่าพวกเขาทั้งคู่เคยอยู่ร่วมกันมานานแสนนาน

ฝนสุดาไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรกับรพีพงษ์อีกต่อไป เธอรีบบึ่งมอเตอร์ไซต์ออกจากตรงนี้ ในเวลานี้อนันยชเองก็เห็นสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว พอเขาเห็นว่าฝนสุดามาช่วยรพีพงษ์ออกไป จึงแค่นเสียงขึ้น หายตัวว๊าบเดียว จึงพุ่งเขามาในทิศทางนี้

อนันยชพุ่งไปด้วยความเร็วสูง ฝนสุดาบิดคันเร่งมอเตอร์ไซต์ แต่อนันยชก็ได้พุ่งมาขวางหน้าพวกเขาไว้เรียบร้อยแล้ว

“วันนี้เดิมทีคิดจะฆ่าเขาแค่คนเดียว แต่ถ้าเธอเข้ามาจุ้นจ้านนักล่ะก็ ฉันก็จะจัดการเธอไปด้วยพร้อมๆกัน”อนันยชแค่นเสียง

“แกรีบหลบไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะพุ่งชน ชีวิตแกก็หาไม่”ฝนสุดาขมวดคิ้วพูด

อนันยชหัวเราะขึ้น มองไปยังมอเตอร์ไซต์ของฝนสุดา พูดขึ้น“กับรถกระป๋องนี่นะ ลองชนเข้ามาดู”

ฝนสุดาร้อนใจ เจ้านี้ซัดคนที่ประสบความสำเร็จทะลุฟ้าอย่างรพีพงษ์ซะปางตาย ต้องหมายความว่าศักยภาพเขาต้องสูงมาก ในฐานะคุณหนูของตระกูลก้องวณิชกุล ฝนสุดารู้ดีว่าในโลกนี้ยังคนมีคนที่ศักยภาพสูงในระดับที่ไม่มีใครสามารถกำจัดได้ อนันยชที่อยู่ตรงหน้านี้ น่าจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งในนั้น

เธอลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกัดฟันเหยียบคันเร่ง เสียงมอเตอร์ดังกระหึ่มขึ้นมา จากนั้นมอเตอร์ไซต์จึงเบนหัว ขับออกไปในอีกทิศทางหนึ่ง

เห็นฝนสุดาหนีไป อนันยชจึงเบ้ปาก แล้วรีบตามไป

“คนๆนี้ทำไมโรคจิตอย่างนี้นะ ฉันขี่มอเตอร์ไซต์เขายังตามมาได้อีก”ฝนสุดาหันไปมองข้างหลัง เส้นคิ้วอันเรียวงามขมวดขึ้น

มองไปข้างหน้าไม่มีถนนหนทางแล้ว ส่วนอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นทางคดเคี้ยวขึ้นภูเขา ฝนสุดารู้สึกหมดหวัง

เวลานี้อนันยชเร่งความเร็วของตนเอง จากนั้นเขาก็ดีดตัวขึ้น กระโดดถีบรพีพงษ์จากด้านหลัง

ฝนสุดาเห็นสถานการณ์จึงรีบตีโค้ง คิดที่จะหลบหนี

อนันยชกระโดดถีบท้ายรถมอเตอร์ไซต์ พลังอันมหาศาลของเขาทำให้มอเตอร์ไซต์เสียหลักแล้วไถลไปด้านข้าง

ฝนสุดาร้องเสียงหลงขึ้น เพราะการถีบของอนันยชเมื่อครู่ ทำให้มอเตอร์ไซต์พุ่งเขาไปในทางหุบเหว

จะช้าจะเร็ว ทุกขั้นตอนอยู่ในช่วงวินาทีสองวินาทีนั้น ในตอนที่ฝนสุดาดึงสติกลับมา รถมอเตอร์ไซต์ก็ได้เสียหลักไปในทางหน้าผาแล้ว แล้วพุ่งถลาลงทะเลใหญ่ไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท