พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 652 แตกออกเป็นสองซีก

บทที่ 652 แตกออกเป็นสองซีก

ทที่ 652 แตกออกเป็นสองซีก

อเมริกา ณ ตระกูลนิธิวรสกุล

หน้าสถานที่กว้างใหญ่ อนันยชยืนอยู่ข้างหน้าชายรูปร่างกำยำหกคน รอยยิ้มพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

บนสถานที่โล่งกว้างเต็มไปด้วยหินที่แตกละเอียด ไม้ที่ขาดเป็นสองท่อน เหล็กเส้นที่คดงอ มันดูระเกะระกะไปหมด

และคนที่ทำให้เป็นเช่นนี้ ก็คือชายหกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอนันยช เมื่อครู่พวกเขาหักท่อนไม้ ทุบหิน งอเหล็กด้วยมือเปล่า อีกทั้งยังได้ทำการประลองฝีมือกันต่อหน้าอนันยช

ผ่านไปไม่นาน ชายชรารูปร่างผอม มายืนอยู่ข้างๆ อนันยช ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือกาจพล นายใหญ่ของตระกูลนิธิวรสกุล

อนันยชหันไปมองกาจพลแวบหนึ่ง จากนั้นจึงพูดว่า “คุณปู่”

กาจพลพยักหน้า แล้วมองชายหกคนนั้น จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “การฝึกสองสามเดือนนี้ ได้ผลไหม”

อนันยชยิ้มแล้วพูดว่า “ผ่านการแนะนำของผม ในบรรดาผู้มีฝีมือด้านกำลังภายใน พละกำลังของพวกเขาทั้งหกคน ไม่มีใครต้านทานได้ ผมได้เปลี่ยนวิชาหายใจออกที่อาจารย์สอนเล็กน้อย และให้พวกนั้นฝึกฝน ถึงแม้พวกนั้นจะไม่สามารถฝึกวิชากำลังภายในได้อย่างแท้จริง แต่ถ้าเทียบกับผู้มีฝีมือทั่วไป พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเยอะ”

กาจพลพยักหน้าด้วยความชื่นชม จากนั้นจึงพูดว่า “ไม่เลวนิ คนมีความสามารถอยู่ในตระกูลของฉัน ในภายภาคหน้าตระกูลของเราภายใต้การนำของนาย ต้องเป็นตระกูลชั้นนำระดับโลกแน่นอน”

อนันยชไม่ได้พูดอะไร เขารู้สึกว่าคำเยินยอของกาจพลนั้นเป็นสิ่งที่ตรงกับความเป็นจริง

ช่วงนี้เขาอยากเพิ่มระดับความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ให้กับคนในตระกูล เขาใช้ความคิดนำเอาวิชาหายใจออกที่ชินาธิปสอนให้มาดัดแปลง และสอนให้กับผู้มีฝีมือในตระกูล

การที่เขาทำเช่นนี้ ก็เพราะว่าชินาธิปมีกฎว่าห้ามเผยแพร่วิชาหายใจออกใครง่ายๆ ถ้าให้พูดตามจริง ตระกูลทั่วไปแบบเขา ไม่มีคุณสมบัติเรียนวิชากำลังภายในนี้ด้วยซ้ำ

เพื่อที่จะไม่ให้โดนชินาธิปตำหนิ เขาจึงเลือกวิธีรองลงมา ด้วยการดัดแปลงแบบง่ายๆ แต่นี่ก็ถือว่าสามารถใช้ได้ในตระกูลนิธิวรสกุล

เขาได้พิจารณาเลือกทั้งหกคนนี้มาจากบรรดาผู้มีฝีมือในตระกูลนิธิวรสกุล ตอนนี้พวกเขาได้ฝึกวิชาหายใจออกที่ชินาธิปได้ดัดแปลง พละกำลังของพวกเขายกระดับขึ้นมาก ในบรรดาพวกเขาสามารถสู้กับคนมีฝีมือในตระกูลชั้นนำได้อย่างสบายๆ

“คนของฉันแจ้งข่าวมาว่า ตระกูลลัดดาวัลย์ยังต่อลมหายใจสุดท้ายอยู่ที่เกียวโต ก่อนหน้านี้ฉันส่งคนไปจัดการกับตระกูลลัดดาวัลย์ คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะรับมือได้ เพราะฉะนั้นเบื้องหลังของตระกูลนี้ยังมีอะไรที่เราคาดไม่ถึง”

“อีกทั้งในช่วงนี้ คนของฉันที่อยู่ใกล้กับตระกูลลัดดาวัลย์เห็นดัมพ์รงค์ที่มาจากกิสนาอยู่กับตระกูลนั้น อีกทั้งยังมีผู้มีฝีมือที่อยู่ในอันดับนักรบของกิสนา ถ้าฉันเดาไม่ผิด การที่ตระกูลลัดดาวัลย์ยังยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ น่าจะเป็นเพราะคนที่กิสนาแอบช่วยเหลืออยู่”

กาจพลพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการพูด ให้อนันยชฟัง

อนันยชหรี่ตาลง แล้วพูดพึมพำว่า “กิสนาก็แค่สถานบันเทิงระดับสูง คิดไม่ถึงว่าอยากมาเป็นศัตรูกับตระกูลของเรา เจ้านายของพวกมันประสาทไปแล้วหรือไง”

“อย่าดูถูกสถานที่ที่มีชื่อว่ากิสนา จากที่ฉันได้สืบมา ตั้งแต่เจ้านายของพวกมันกลายเป็นเทพสังหาร กิสนาก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลวัชรากิจกุลโดนทำลาย ฉันสืบหาจากเบาะแสในนั้น พบว่ามีร่องรอยของกิสนา มีความลับที่เราไม่สามารถรู้ได้ซ่อนอยู่ที่นั่น” กาจพลเอ่ยขึ้น

อนันยชส่งเสียงหึ แล้วพูดออกมาว่า “ถึงพวกมันจะมีความลับเยอะแค่ไหน สุดท้ายก็อยู่ต้องสยบอยู่ใต้เท้าของตระกูลเรา”

จากนั้นเขาจึงหันไปมองชายหกคนนั้น รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “อยากเห็นพละกำลังของหกคนนั้นพอดี ในเมื่อผู้มีฝีมือสามอันดับแรกในลำดับนักรบของกิสนาอยู่ที่เกียวโต งั้นให้หกคนนี้ไปเกียวโตไม่ดีกว่าหรือ”

“ครั้งนี้ให้ไอ้พวกที่กิสนาได้รับการสั่งสอนสักหน่อย ถือโอกาสทำลายตระกูลกระจอกอย่างตระกูลลัดดาวัลย์ไปด้วยเลย”

ภายในป่าลึก

วันเวลาผ่านไป รพีพงษ์อยู่ที่นี่เป็นเวลาหกเดือนแล้ว

รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าน้ำตกขนาดเล็กที่หลังภูเขา เสียงน้ำตกผสานกับเสียงนก แสดงให้เห็นความมีชีวิตชีวาของธรรมชาติ

ข้างหน้าของรพีพงษ์มีหินที่ถูกน้ำชะล้างจนแววและเรียบเนียน บนก้อนหินมีรอยฝ่ามือที่มีความลึกตื้นต่างกันอยู่สามรอย รอยฝ่ามือที่ลึกที่สุดน่าจะลึกประมาณสามเซนติเมตร มันน่าตกใจมาก

รอยฝ่ามือทั้งสาม เป็นของเวทัสและอีกสองคนที่ใช้กำลังภายในสร้างมันขึ้นมา นี่คือการทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา

เพราะมันถูกกัดเซาะอยู่ใต้น้ำตกมาเป็นเวลาหลายปี ความทนทานของหินก้อนนี้จึงแตกต่างจากก้อนหินทั่วไปมาก ปกติแล้วสิ่งที่จะทำให้ก้อนหินก้อนนี้เป็นรอยได้ต้องใช้เครื่องจักรเท่านั้น

อาจารย์สัญญากับเขาว่า เมื่อเขาใช้กำลังภายในประทับรอยฝ่ามือลงไปบนก้อนหินก้อนนี้ได้ประมาณห้าเซนติเมตร อาจารย์จะปล่อยเขาไป

ขณะนี้เวทัส ดำเกิงและฝนสุดายืนอยู่ไม่ไกลจากรพีพงษ์ และจ้องรพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าก้อนหิน

“เวทัส นายว่าเขาจะประทับรอยฝ่ามือไว้บนหินได้ลึกแค่ไหน” ดำเกิงเอ่ยถาม

เวทัสมองดำเกิงอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “น่าจะเท่ากับฉัน หรืออาจจะเทียบไม่ได้กับฉัน”

ถึงแม้ว่าเขาจะแพ้ให้รพีพงษ์ แต่เพื่อทำให้จิตใจของตัวเองสงบ เขาคิดมาตลอดว่าการที่รพีพงษ์ชนะเขาได้ เพราะพรสวรรค์ นี่ทำให้เขาอดอิจฉาไม่ได้

แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เรียนวิชากำลังภายในมาก่อนรพีพงษ์สามปี ในด้านความแข็งแกร่งของกำลังภายใน รพีพงษ์สู้เขาไม่ได้แน่นอน และความลึกตื้นของรอยฝ่ามือก็ต้องใช้ความแข็งแกร่งของกำลังภายใน เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่คิดว่ารพีพงษ์จะประทับรอยฝ่ามือได้ลึกกว่าเขา

ฝนสุดาจ้องเวทัสแล้วพูดว่า “นายกล้าดูถูกรพีพงษ์เหรอ นี่นายไม่เชื่อฟังฉันเหรอ”

เวทัสทำตัวไม่ถูก จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ผะ..ผมผิดไปแล้ว ขอโทษครับ”

หลังจากที่แพ้ให้กับรพีพงษ์ครั้งก่อน ตามที่พนันกันเอาไว้เวทัสต้องเป็นเบ๊ของฝนสุดา เขาไม่ใช่คนที่จะแพ้ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงทำตามที่พนันเอาไว้ ตอนนี้ฝนสุดาอยู่ตรงหน้าของเขา เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรบุ่มบ่าม

ดำเกิงเห็นภาพนั้น เขาอยากหัวเราะออกมาแต่ไม่กล้า จึงทำได้เพียงกลั้นเอาไว้

ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ที่ยืนอยู่หน้าก้อนหินเริ่มขยับตัว เขาใช้พลังทั้งหมดที่อยู่ในตัวส่งไปที่ฝ่ามือของตัวเอง จากนั้นจึงดันออกไปข้างหน้า เสียงปังดังขึ้นมาโดยรอบ รพีพงษ์ดึงมือกลับมา แล้วมองไปยังหินก้อนนั้น

ก้อนหินไม่ได้เสียหาย นอกจากรอยฝ่ามือสามรอย กลับไม่มีรอยฝ่ามีที่สี่อยู่บนหิน

เวทัสและคนอื่นๆ รีบเข้าไป หลังจากที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง

“เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงไม่มีรอยอะไรเลย เขาเอาชนะเวทัสได้อย่างไร” ดำเกิงพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เวทัสหัวเราะออกมา แล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า “รพีพงษ์ นายแข็งแกร่งตอนต่อสู้ แต่นายยังด้อยประสบการณ์ บนหินไม่มีรอยอะไรเลย นายยังเทียบกับฉันไม่ได้…”

เวทัสยังไม่ทันพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาต้องชะงักลง

เพราะมีเสียงดังออกมาจากหินที่อยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ จากนั้นหินก็แตกออกเป็นสองซีก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน