พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 653 ฉันชอบนาย

บทที่ 653 ฉันชอบนาย

บทที่ 653 ฉันชอบนาย

หน้าเรือนของอาจารย์

รพีพงษ์ยืนอยู่หน้าเรือนด้วยสีหน้าจริงจัง ตอนนี้เขาสามารถทำตามที่อาจารย์ต้องการได้แล้ว เขาสามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว

ช่วงเวลาหกเดือนที่ฝึกฝนอยู่ในหุบเขา มันไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆ ถ้านับตามเวลาแล้ว เด็กในท้องของอารียาก็ใกล้จะถึงเวลาลืมตาดูโลกแล้ว ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่ตระกูลเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรีบกลับไป

ตอนนี้เวทัสยืนโกรธหน้าดำหน้าแดง คำพูดที่เขาเย้ยหยันรพีพงษ์กลับมาตบหน้าเขาอย่างจัง ตอนนี้เขาเข้าใจความน่ากลัวของความสามารถแล้ว ต่อจากนี้เขาไม่กล้าหัวเราะเยาะรพีพงษ์อีก

ดำเกิงยืนอยู่ข้างเวทัส เขายื่นมือไปตบไหล่เวทัสแล้วพูดปลอบใจว่า “จริงๆ ฉันเข้าใจนายนะ ตอนนี้ฉันก็รู้สึกเหมือนนาย นายอย่ากดดันตัวเองมาก คนทั่วไปแบบเราไม่ควรไปเทียบกับคนมีความสามารถแบบเขา ฉันได้ข้อคิดมาอย่างหนึ่งคือ การที่เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นก็จะหงุดหงิดใจเปล่าๆ ดังนั้นควรยอมรับความจริงดีกว่า”

เมื่อเวทัสได้ยินสิ่งที่ดำเกิงพูด เขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าดำเกิงกำลังปลอบใจเขาหรือกำลังทำให้เขาทุกข์ใจขึ้นกันแน่

ฝนสุดาสีหน้ามีความสุข แต่ว่าระหว่างทางที่กลับมา รพีพงษ์บอกว่าจะออกไปจากที่นี่แล้ว ฝนสุดาจึงรู้สึกหดหู่

เธอจ้องรพีพงษ์ แววตาของเธอสับสนเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

ศิษย์คนอื่นๆ ก็ยืนอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ดำเกิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสีหน้าของเวทัสดูไม่ดีเลย” ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

ดำเกิงอยากเล่าเรื่องที่รพีพงษ์ใช้กำลังภายในเพียงฝ่ามือเดียวจนทำให้หินแตกออกเป็นสองซีกให้ทุกคนฟัง แต่เวทัสจ้องเขา จนทำให้ดำเกิงกลืนสิ่งที่อยากจะพูดลงคอ

“แค่ก แค่ก เวทัสอารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะ กลับไปค่อยเล่าให้ฟังแล้วกัน” ดำเกิงกระแอมเบาๆ

ทุกคนยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ พวกเขามองดำเกิงไม่หยุดจนทำให้เขาทำตัวไม่ถูก

ผ่านครู่หนึ่ง รพีพงษ์เห็นว่าอาจารย์ยังไม่ออกมา จึงเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ ศิษย์ทำสิ่งที่อาจารย์ต้องการสำเร็จแล้ว หินก้อนนั้นถูกศิษย์ใช้ฝ่ามือทำให้แตกเป็นสองซีกแล้ว”

เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ต่างพากันสงสัย

“ก้อนหิน ก้อนหินอะไรเหรอ ก็แค่ทำให้ก่อนหินแตก ทำไมต้องมาบอกอาจารย์ด้วย”

“ให้ตายเถอะ คงจะไม่ใช่หินก้อนที่เวทัสประทับรอยฝ่ามือเอาไว้ใช่ไหม หินก้อนนั้นมีความทนทานและแข็งมากไม่ใช่เหรอ แม้แต่ขวานยังไม่สามารถทำให้เป็นรอยได้เลย รพีพงษ์ทำให้หินก้อนนั้นแตกด้วยมือเปล่าเหรอ”

“ไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์รักของอาจารย์ พรสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้ เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึง”

……

ผ่านไปครู่หนึ่ง มีเสียงของชายชราดังออกมาจากข้างใน “ไปเถอะ จำไว้ว่านายรับปากฉันแล้ว”

รพีพงษ์รู้นิสัยของอาจารย์ดี เมื่ออาจารย์พูดเช่นนี้แสดงว่าอาจารย์ให้เขาไปแล้ว

และอาจารย์ได้พูดสิ่งที่ต้องการพูดไว้ก่อนหน้านี้หมดแล้ว

กำลังภายในที่อาจารย์ถ่ายทอดให้เขา เพราะความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์ อีกอย่างคือในภายภาคหน้าเมื่ออาจารย์ต้องการความช่วยเหลือจากรพีพงษ์ หวังว่าเขาจะช่วยอาจารย์ได้

จากการคาดเดาของรพีพงษ์ ดูเหมือนว่าอาจารย์กำลังวางแผนอะไรบางอย่าง การที่เขารับศิษย์เยอะขนาดนี้ คงจะไม่ใช่แค่เพราะความชอบ ภายภาคหน้าอาจารย์จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเขา

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอาจารย์จะให้เขาทำอะไร แต่บุญคุณที่อาจารย์ถ่ายทอดวิชาให้เขา ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ รพีพงษ์ก็จะทำโดยไม่ลังเล

บุญคุณของผู้ที่มาช่วยตอนที่ยากลำบาก ต้องตอบแทนให้เป็นหลายเท่า

หลังจากที่ยืนคอยอยู่หน้าเรือนไม้อยู่พักหนึ่ง รพีพงษ์คุกเข่าลง และคำนับลงที่หน้าประตู จากนั้นลุกขึ้นมาแล้วมองไปยังฝนสุดา

วันนี้เขาจะไปจากที่นี่

“ผมจะไปจากที่นี่แล้ว คุณจะอยู่ที่นี่หรือจะไปกับผม” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

ฝนสุดารีบเอ่ยขึ้นว่า “ฉันจะอยู่ที่นี่ทำไม นายรอฉันแป๊บนึง ฉันขอไปเก็บของก่อน”

พูดจบ ฝนสุดาก็วิ่งไปที่ห้องของตัวเอง

เมื่อทุกคนรู้ว่ารพีพงษ์จะไปจากที่นี่ แววตาที่พวกนั้นมองมายังรพีพงษ์ก็แปรเปลี่ยนไป

ถึงแม้ว่าตอนนั้นรพีพงษ์จะดึงดันหนีไป จนทำให้คนพวกนี้รู้สึกไม่ดีกับเขา แต่ในระยะเวลาช่วงนี้ รพีพงษ์ได้แสดงความสามารถออกมากให้พวกเขานับถือ ถึงปกติจะบาดหมางกัน แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน เมื่อทุกคนได้ยินว่ารพีพงษ์จะไปจากที่นี่ ก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย

ดำเกิงจ้องรพีพงษ์ เขาลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ถึงแม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีเรื่องหมางใจกับนาย แต่นายใช้ความสามารถพิสูจน์ตัวเอง จนกลายเป็นศิษย์รักของอาจารย์ ฉันขอให้นายเดินทางปลอดภัย”

รพีพงษ์ยิ้มให้ดำเกิง เขารู้ว่าดำเกิงชอบเอาชนะ จริงๆ ดำเกิงไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเขา

เวทัสลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงก้าวเข้ามาแล้วพูดว่า “นายแข็งแกร่งจริงๆ ฉันเทียบนายไม่ติด แต่ภายภาคหน้าฉันก็ยังเห็นนายเป็นคู่ท้าประลอง หวังว่าถ้าเจอกันครั้งหน้า นายจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”

“แน่นอน” รพีพงษ์พูดตอบ

จากนั้นศิษย์คนอื่นๆ ก็เข้ามาบอกลารพีพงษ์ รพีพงษ์ตอบกลับทุกคน หลังจากที่ฝนสุดาเก็บของเสร็จแล้วมาบอกลาพวกลูกศิษย์ของอาจารย์อย่างอาลัยอาวรณ์ และเดินมาส่งเธอระหว่างทางกลับด้วย

ตอนที่ออกมาจากเขาก็พลบค่ำแล้ว ทั้งสองเดินลงมายังตำบลเล็กๆ ใต้ตีนเขา รพีพงษ์อยากพาที่พักนอนสักคืน จู่ๆ ฝนสุดาก็หยุดเดิน แล้วมองรพีพงษ์อย่างลังเล

“เป็นอะไร” รพีพงษ์เอ่ยถาม

ผ่านไปครู่ใหญ่ ฝนสุดาเอ่ยถาม “หลังจากคืนนี้ นายจะกลับไปเกียวโตแล้วใช่ไหม”

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่เข้าใจว่าฝนสุดาต้องการสื่ออะไร

“งั้นนายจะพาฉันกลับไปด้วยไหม” ฝนสุดาถาม

รพีพงษ์อึ้งไป เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ระยะเวลาที่ผ่านมาฝนสุดาเอาแต่อยู่กับเขา บวกกับการบุญคุณที่ฝนสุดาช่วยชีวิตเขา เขาไม่เคยคิดจะไล่ฝนสุดาไป

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ลังเล ฝนสุดาจึงมีคำตอบอยู่ในใจ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “โอเค โอเค เราไปหาที่พักกันก่อนเถอะ”

รพีพงษ์สังเกตเห็นความผิดปกติของฝนสุดา แต่เขาไม่รู้จะพูดเรื่องนี้กับเธออย่างไร จึงทำได้เพียงพยักหน้า ไว้ค่อยคิดเรื่องของฝนสุดาในวันพรุ่งนี้

ทั้งสองมาถึงโรงแรมที่ดูเก่าและผุพัง ทั้งสองต้องการห้องที่มีสองเตียง รพีพงษ์คิดว่ายังพอรับได้ จึงไม่ได้พูดอะไร

ตอนกลางคืน แปลกมากที่ฝนสุดาไม่ได้มาวุ่นวายกับรพีพงษ์ เธอเอนอยู่บนเตียงและมองรพีพงษ์เงียบๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เช้าวันต่อมา รพีพงษ์หันไปหาฝนสุดา พบว่าเตียงของเธอว่างเปล่า ผ้าห่มถูกพับเอาไว้เรียบร้อย

รพีพงษ์คิดว่าเธอไปอาบน้ำ ตอนที่เขาลุกขึ้นมา เขาเห็นกระดาษวางไว้บนเตียง ในกระดาษเขียนด้วยลายมือสวยดูน่าอ่าน

เขาหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมา เมื่ออ่านจบก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

“เจ้าโง่ ฉันกลับบ้านแล้ว ฉันรู้ว่าในใจของนายไม่มีฉันเลย ถึงฉันจะตามติดนายต่อไป สิ่งที่ได้กลับมาก็มีเพียงความว่างเปล่า แต่ว่าตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขา เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของฉันเลยล่ะ ฉันหวังว่านี่จะเป็นความทรงจำระหว่างฉันกับนาย ไม่ว่านายจะยอมรับหรือไม่ ฉันขอประกาศว่าช่วงเวลานี้นายเป็นของฉัน ฉันหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกหลังจากแยกจากกันครั้งนี้ นายอย่าลืมสิ นายยังติดหนี้บุญคุณฉันอยู่นะ ดังนั้นต่อจากนี้ ถ้านายมีเวลา อย่าลืมแวะมาหาฉันด้วยล่ะ นายจะพาอารีมาด้วยก็ได้ รวมถึงลูกของนายด้วย ฉันจะเตรียมของขวัญเอาไว้ให้ สุดท้าย ไม่ว่านายจะรับมันไว้หรือไว้ ฉันอยากบอกว่า”

“ฉันชอบนาย”

ความรู้สึกเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ รพีพงษ์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำยังไงกับความรู้สึกที่ฝนสุดามีให้เขา

เขาส่ายหน้าช้าๆ ในเมื่อคิดไม่ออก ในอนาคตเขาจะตอบแทนฝนสุดาเป็นร้อยเท่าพันเท่า

เขาไม่สามารถรับความรู้สึกของฝนสุดาเอาไว้ได้ แต่เขาสามารถปกป้องผู้หญิงคนนี้ให้เธอใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตโดยไม่มีใครมาสามารถกลั่นแกล้งเธอได้

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท