พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 656 ใครบอกแกว่าฉันตายแล้ว

บทที่ 656 ใครบอกแกว่าฉันตายแล้ว

บทที่ 656 ใครบอกแกว่าฉันตายแล้ว

ภายในห้องนั่งเล่นตระกูลลัดดาวัลย์

จารุณีนั่งคิ้วขมวดอยู่บนโซฟา ท่านคทากับคนระดับสูงในตระกูลลัดดาวัลย์ก็นั่งอยู่ที่นี่ด้วย บรรยากาศค่อนข้างน่าอึดอัด

เพราะกำลังจะถึงช่วงเตรียมคลอดแล้ว อารียาจึงไม่มีทางจัดการเรื่องในตระกูลได้ จึงทำได้เพียงยกเรื่องในตระกูลให้ท่านคทาดูแล ขณะนี้อารียากำลังเตรียมตัวอยู่ในห้องที่ถูกจัดไว้อย่างดี คุณหมอถูกเชิญกลับมาที่บ้าน เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันระหว่างคลอด

จากสถานการณ์ของตระกูลตอนนี้ ถ้าไปคลอดที่โรงพยาบาล ตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรมอาจจะมีแผนไม่ดี ดังนั้นเลยทำได้เพียงเตรียมของในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ให้พร้อม

“ท่านคทา ขอร้องล่ะช่วยหอการค้าสมน.ของพวกเราด้วย ช่วงนี้ตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรมเอาแต่เล่นงานเรา มันใช้วิธีทำให้เราต้องเสียเงินห้าหมื่นล้าน ถ้าก่อนวันนี้เราไม่สามารถอุดช่องโหว่นี้ได้ หอการค้าของสมน.ของเราต้องจบเห่แน่ๆ ” จารุณีพูดอ้อนวอนท่านคทา

ตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรมจะจัดงานแบ่งธุรกิจของตระกูลลัดดาวัลย์ในคืนพรุ่งนี้ ช่วงนี้พวกนั้นต้องทำให้ทุกคนเชื่อว่าตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ได้แข็งแกร่งอีกแล้ว และกลายเป็นเบี้ยล่างของพวกเขา

ถ้าหอการค้าสมน.จะล้มละลายก่อนงานในคืนพรุ่งนี้ ต้องสร้างความเชื่อใจให้กับคนจำนวนมากได้อย่างไม่ต้องสงสัย พวกนั้นจะยิ่งบีบบังคับให้ตระกูลลัดดาวัลย์แบ่งส่วนแบ่งได้ง่ายขึ้น

ท่านคทามองจารุณีด้วยสีหน้าลำบากใจ ถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลลัดดาวัลย์จะดีกว่าหอการค้าสมน.เล็กน้อย แต่มันก็ไม่ดีได้ขนาดนั้น อีกทั้งตอนนี้ทั้งเมืองเกียวโตก็จ้องจะจัดการกับตระกูลลัดดาวัลย์ การที่จะเอาเงินห้าหมื่นล้านมาให้หอการค้าสมน.นับว่าเป็นตัวเลือกที่ยากมาก

แต่ก่อนหน้านี้อารียาได้บอกไว้ว่าไม่ว่าจารุณีจะขอร้องอะไร ต้องทำให้เธอพอใจ อย่างที่สุภาษิตกล่าวไว้ว่าน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ถ้าหอการค้าสมน.พังลง ก็ไม่ได้มีผลดีกับตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณจารุณี ตอนนี้คุณก็น่าจะรู้สถานการณ์ของตระกูลเรา เราโดนจับตามองในทุกด้าน เงินของตระกูลในตอนนี้ก็ใช้เพื่อรักษาอุตสาหกรรมเอาไว้ เงินที่เราสามารถให้ได้แค่สามหมื่นล้านเท่านั้น เดี๋ยวผมจะให้คนโอนเงินไปให้คุณ ส่วนที่เหลือเราไม่สามารถช่วยได้แล้วจริงๆ” ท่านคทาเอ่ยขึ้น

จารุณีมองท่านคทาอย่างซาบซึ้ง ถึงแม้เงินสามหมื่นล้านยังไม่สามารถเอาไปอุดส่วนที่ขาดหายไปได้ แต่มันสามารถทำให้หอการค้าสมน.ยังอยู่ต่อได้อีกสักพัก ทำให้พวกเขามีเวลาไปหาวิธีอื่น

“ท่านคทา เงินนี่เราให้ไม่ได้นะ ตอนนี้ตระกูลของเราเป็นยังไง คุณน่าจะรู้ดี ตอนนี้เรายังเอาตัวเองไม่รอดเลย จะเอาเวลาที่ไหนไปสนใจหอการค้าสมน.ล่ะ!” ชายผมหงอกอย่างโศธัยรีบเอ่ยขึ้น

“ใช่ นั่นเงินสามหมื่นล้าน ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ยังเอาตัวไม่รอด ทำไมไม่เก็บเงินเอาไว้ เอาเงินไปให้คนอื่นทำไม!” ตันหยงพูดเสริม

ท่านคทาหันไปมองทั้งสองคน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่เป็นคำสั่งของนายหญิง เมื่อหอการค้าสมน.ลำบาก พวกเราจะไม่สนใจไม่ได้”

โศธัยกับตันหยงมองหน้ากัน ดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่สบอารมณ์

จารุณีคิดไม่ถึงว่าจะมีคนคัดค้านเรื่องนี้ ความหวังที่เพิ่งจะเริ่มมีขึ้นมากลับต้องพังทลายลง

“ท่านคทา เรื่องนี้ไม่ว่านายหญิงจะสั่งหรือไม่ คุณต้องพิจารณาถึงตระกูลของเราด้วย จุดประสงค์ที่ตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรมจัดงานในคืนพรุ่งนี้ เราคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว ตระกูลของเราอาจจะยื้อไม่ได้อีก คุณมีเงินขนาดนั้น แบ่งให้คนในบ้านดีกว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ทุกคนก็ไม่อยากเร่ร่อนหรอกนะ” ตันหยงพูดด้วยสีหน้ากระวนกระวาย

โศธัยส่งเสียงหึออกมา แล้วพูดว่า “ท่านคทา วันนี้ไม่มีคนอื่น ผมพูดตรงๆ เลยแล้วกัน อารียาคือนายหญิง แต่นี่ไม่ได้เป็นของเธอ มันเป็นของพวกเรา วันนี้เธอมาควบคุมตระกูลของเรา แถมยังช่วยคนอื่นอีก นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แถมยังเอาแต่พูดว่านายใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะกลับมาไม่ช้าก็เร็ว แต่ความจริงเป็นยังไงพวกเรารู้อยู่แก่ใจ นี่เป็นแค่ข้ออ้างที่เธอจะใช้อำนาจในตระกูลของเรา ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ตระกูลของเราจบเห่แน่ และคนในตระกูลก็ต้องล่มจมเพราะเรื่องนี้!”

“บังอาจ!” ท่านคทาตวาดออกมา “นายกล้าพูดอย่างนี้กับนายหญิงเหรอ กล้ามากเลยนะ!”

โศธัยแบะปาก แล้วพูดว่า “ไม่ว่ายังไงผมก็เป็นผู้อาวุโสในตระกูล ผมแค่อยากให้คุณเห็นความจริงเท่านั้น สรุปว่า ผมไม่เห็นด้วยกับการเอาเงินสามหมื่นล้านให้หอการค้าสมน.!”

“ผมก็ไม่เห็นด้วย!” ตันหยงตะโกนออกมาเช่นกัน

ส่วนคนระดับสูงในตระกูลที่เหลือเงียบและไม่พูดอะไร ดูออกว่าพวกเขาคล้อยตามคำพูดของโศธัย

จารุณีเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เธอเหนื่อยใจ เธอรู้ดีว่าอารียาดีกับเธอ และอารียาก็ไม่ใช่หัวหน้าของตระกูล การที่คนพวกนึ้คัดค้าน มันก็อยู่บนหลักของเหตุผล

ท่านคทามองโศธัยกับตันหยง ในใจของเขาโกรธเป็นอย่างมาก เขาสืบพบว่าในช่วงนี้สองคนนี้ไปมาหาสู่กับคนในตระกูลวรโชติธีรธรรม เขารู้อยู่แก่ใจว่าสองคนนี้กำลังทรยศตระกูล แต่เขายังไม่มีหลักฐานมามัดตัวสองคนนี้

เขารู้ว่าสองคนนี้ไม่ได้คิดถึงตระกูล แต่เพราะไม่อยากให้แผนของตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรมมีช่องโหว่เท่านั้น

ถ้าพูดตามหลักเหตุผล คำพูดของโศธัยไม่ได้มีอะไรน่าสงสัยเลย ถ้าเขายังดึงดันเอาเงินสามหมื่นล้านให้จารุณี เขาคงจะมองหน้ากับคนในตระกูลไม่ติด

จารุณีก็เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี จึงถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงลุกขึ้นจากโซฟา เธอมองท่านคทาแล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “ขอบคุณท่านคทามากนะคะ”

พูดจบ เธอก็เดินออกไปข้างนอก

โศธัยกับตันหยงแสยะยิ้ม โศธัยใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปหาท่านคทา แล้วพูดว่า “ท่านคทา นายใหญ่ของตระกูลตายไปครึ่งปีแล้ว ตระกูลของเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เมื่อกี้คุณบอกว่าเงินในบัญชีของตระกูลเหลือสามหมื่นล้าน เพราะฉะนั้นควรจะพูดกับพวกเราหรือไม่ว่าจะแบ่งเงินสามหมื่นล้านนี่ยังไง”

ท่านคทาตบโต๊ะด้วยความโกรธ “นายหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่านายคิดว่าตระกูลของเราจะไปไม่รอดแล้ว”

โศธัยหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “เรื่องนี้มันสมควรเกิดขึ้นตั้งแต่นายใหญ่ตายแล้ว ท่านคทา ผมว่าคุณโดนผู้หญิงอย่างอารียาหลอกให้แล้วล่ะ”

ขณะนั้นเองก็มีเสียงดังเขามาในหูของเขา

“ใครบอกนายว่าฉันตายแล้ว”

ตัวของโศธัยชะงักไป เขาหันไปทางประตู เห็นคนที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเครายาวเฟื้อยยืนอยู่หน้าประตู

ขณะนั้นจารุณีก็เพิ่งจะเดินถึงหน้าประตู หลังจากที่เธอเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เธอสงสัยเล็กน้อย

แต่วินาทีที่เธอได้สบตากับคนนั้น เธอรู้ขึ้นมาทันทีว่าคนที่สภาพมอมแมมคนนี้เป็นใคร

น้ำตาเธอไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า “รพีพงษ์!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท