พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 657 นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะทรยศตระกูลลัดดาวัลย์

บทที่ 657 นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะทรยศตระกูลลัดดาวัลย์

บทที่ 657 นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะทรยศตระกูลลัดดาวัลย์

ทุกคนชะงักกับคำที่จารุณีเอ่ยออกมา พวกเขาต่างพากันมองไปยังรพีพงษ์ มองคนดูเหมือนเพิ่งจะหลุดออกมาจากยุคดึกดำบรรพ์

โศธัยกับตันหยงประหลาดใจ เพราะรพีพงษ์ในตอนนี้แตกต่างจากก่อนมาก ปฏิกิริยาแรกของทั้งสองคนคิดว่าชายคนนี้กำลังเล่นตลก

โศธัยจ้องรพีพงษ์แล้วพูดออกมาว่า “แกเป็นใคร ถึงกล้าบอกอ้างชื่อของนายใหญ่ที่ตายไปแล้ว แกมาก่อเรื่องใช่ไหม!”

“ผมว่ามันน่าจะเป็นคนที่ตระกูลโชติธีรธรรมส่งมาปั่นหัวพวกเรา เดี๋ยวผมจะเรียกคนมาจับมันแล้วเอาไปสั่งสอนสักหน่อย” ตันหยงรีบพูดขึ้น

รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ทำไม พวกนายอยากให้ฉันตายขนาดนั้นเลยเหรอ”

จารุณีอยู่ใกล้กับรพีพงษ์มาก ถึงแม้ตอนนี้หน้าตาของเขาจะถูกปกคลุมด้วยหนวดเครา แต่เสียงและตาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมาก จารุณีรู้ได้ในทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือรพีพงษ์

เธอร้องไห้แล้วกอดรพีพงษ์เอาไว้ พูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เขาคือรพีพงษ์ ไม่ผิดแน่ๆ ไอ้คนเลว นายรู้ไหมว่าครึ่งปีมานี้พวกเราอยู่กันยังไง นายเพิ่งจะกลับมาเอาตอนนี้ ฉันล่ะอยากชกนายสักยก ฮือฮือฮือ”

รพีพงษ์ยกมือลูบหัวจารุณี แล้วพูดว่า “ทำให้เธอเป็นห่วงแล้ว ให้ผมจัดการเรื่องที่นี่เสร็จก่อน แล้วค่อยมาด่าผมได้ไหม”

จารุณีเช็ดน้ำตา แล้วพยักหน้าให้รพีพงษ์

รพีพงษ์เดินตรงไปยังโศธัยและตันหยง รพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่พวกเขาสองคนพูดทั้งหมด จะด้วยจุดประสงค์อะไร สองคนนี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกรังเกียจเป็นที่เรียบร้อย

โศธัยกับตันหยงเพิ่งเห็นรพีพงษ์ชัดๆ อีกทั้งเสียงที่เหมือนกับรพีพงษ์ไม่มีผิด พวกเขาสองคนตั้งสติได้ นี่ไม่ใช่เรื่องตลก คนที่อยู่ตรงหน้าคือรพีพงษ์จริงๆ!

“นะ..นายใหญ่ เป็นคุณจริงเหรอ สวรรค์เมตตาตระกูลของเราจริงๆ การที่นายใหญ่กลับมา ทำให้ตระกูลของเรามีหวังแล้ว!” สีหน้าของโศธัยเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เขาจะคิดไม่ออกว่าทำไมรพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่มีเวลามาลังเลอะไรอีก

ตันหยงก็ตกใจเช่นกัน คนที่ตายไปแล้วครึ่งปีอย่างรพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ มันเหมือนกำลังฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น

เขาเห็นโศธัยทำสีหน้าตื้นตันเมื่อเห็นรพีพงษ์ ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “นายใหญ่ คุณกลับมาแล้ว ช่างโชคดีจริงๆ ที่เราพูดเมื่อครู่มันไร้สาระและไม่มีเหตุผล ผมยอมรับการลงโทษจากนายใหญ่”

“เชิญนายใหญ่ลงโทษมาได้เลยครับ!” โศธัยก็โค้งให้รพีพงษ์เช่นกัน

รพีพงษ์ส่งเสียงหึออกมา เขาไม่ได้โกรธที่สองคนนี้ไม่ยอมให้เงินสามหมื่นล้าน ในสถานการณ์แบบนี้คนในตระกูลก็ต้องคำนึงถึงตัวเอง เป็นความรู้สึกปกติของมนุษย์ แต่สองคนนี้จะดูถูกอารียาแบบนั้นไม่ได้

“อารีคือคนเดียวที่รู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่ ระยะเวลาที่ผ่านมาเธอช่วยฉันบริหารตระกูล เธออุทิศตัวเองเพื่อให้ตระกูลยังยืนอยู่ได้ ทั้งหมดเป็นความดีความชอบของเธอ แต่พวกนายสองคนกล่าวหาว่าเธอจะใช้อำนาจของตระกูล เธอจะไม่รู้ได้ยังไงว่าตระกูลลัดดาวัลย์กำลังถูกเพ่งเล็งจากคนในเกียวโต ถึงเธอจะใช้อำนาจของตระกูลแล้วเธอจะได้อะไรล่ะ การที่พวกนายว่าเธอแบบนั้น มันน่าเศร้าใจจริงๆ ถ้าวันนี้ฉันไม่กลับมา พวกนายคิดจะไล่คนท้องอย่างเธอออกจากบ้านใช่ไหม”

รพีพงษ์ถามทั้งสองคน เหงื่อผุดออกมาจากหน้าผากของทั้งสองคน รังสีที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวของรพีพงษ์ จนพวกเขาแทบจะหายใจไม่ออก

ตันหยงกลอกตาไปมา จากนั้นจึงคุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์ “นายใหญ่ ผมปากพล่อยเอง จึงคิดกับนายหญิงแบบนั้น ผมผิดเอง ไม่ว่านายใหญ่จะลงโทษผมยังไงผมก็จะไม่บ่นสักคำ”

โศธัยรู้ว่าถ้าตอนนี้ทำตัวไม่ซื่อสัตย์ รพีพงษ์จะต้องโกรธมาก เขาจึงคุกเข่าลงและขอรับบทลงโทษจากรพีพงษ์

รพีพงษ์จ้องทั้งสองคนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เห็นแก่ที่พวกนายรักษาธุรกิจของตระกูล ฉันจะปล่อยพวกนายไปสักครั้ง เอาไปโบยคนละร้องครั้ง ถ้าต่อไปฉันได้ยินคำพูดแบบนี้อีก อย่าหาว่าฉันโมโหไม่เลือกหน้าก็แล้ว”

ตอนที่รพีพงษ์กำลังสั่งบทลงโทษของทั้งสองคน มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างท่านคทาแล้วยื่นซองเอกสารให้ จากนั้นก็พูดอะไรนิดหน่อย แล้วเดินจากไป

เมื่อโศธัยกับตันหยงได้ยินว่าแค่ถูกโบยเพียงร้อยครั้ง พวกเขาจึงถอนหายใจออกมา

ขณะนั้นเองท่านคทาก็ลุกขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปหารพีพงษ์ “โบยแค่ร้อยครั้งยังน้อยไป รพีพงษ์ สองคนนั้นใช้ช่วงที่นายไม่อยู่ไปพัวพันกับตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรม และปล่อยข่าวลือภายในตระกูลของเรา ยุให้รำตำให้รั่ว มันสองคนไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว”

สีหน้าของโศธัยกับตันหยงเปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงว่าท่านคทาจะรู้ถึงขนาดนี้

โศธัยรีบพูดว่า “ท่านคทา อย่าพูดใส่ร้ายคนอื่น ผมยอมรับว่าผมพูดถึงนายหญิงโดยไม่ได้คิด แต่คุณบอกว่าผมพัวพันกับสองตระกูลนั่น มันเป็นการใส่ร้ายผมชัดๆ”

ตันหยงรีบเถียงขึ้นมาเหมือนกัน “ท่านคทา เราสองคนแค่คัดค้านคุณไม่กี่คำ คุณไม่ควรใช้วิธีนี้มาใส่ร้ายเรานะ”

ท่านคทาส่งเสียงหึออกมา แล้วโยนซองเอกสารลงไปบนพื้น รูปหล่นลงบนพื้น เป็นภาพที่โศธัยกับตันหยงกำลังนั่งดื่มกับนายใหญ่ของทั้งสองตระกูล

“ฉันหาหลักฐานได้แล้ว พวกนายแน่ใจเหรอว่าฉันกำลังใส่ร้าย?” ท่านคทาพูดอย่างเย็นชา

ทั้งสองคนมองรูปที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว พวกเขาคิดไม่ถึงว่าท่านคทาจะแอบส่งคนสะกดรอยตามพวกเขา

ท่านคทาหันไปมองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “นายหญิงเห็นความผิดปกติของพวกมันตั้งแต่สองเดือนก่อน เลยให้ผมแอบสืบ คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะทำเรื่องทรยศตระกูล มิน่าล่ะถึงเอาแต่พูดให้ร้ายนายหญิง”

รพีพงษ์หรี่ตาลง รังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวเขา

สีหน้าของโศธัยกับตันหยงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ตันหยงรีบพูดอ้อนวอน “นายใหญ่ มันแค่อารมณ์ชั่ววูบ คุณหายไปกว่าครึ่งปี ผมคิดว่าคุณตายไปแล้ว ตระกูลของเราต้องจบเห่แน่ การที่ผมทำแบบนี้ เพราะผมอยากมีชีวิตต่อไป”

“เขาพูดถูก ตอนนี้คุณกลับมาแล้ว พวกเราจะเปลี่ยนตัวเองใหม่ ตั้งแต่วันนี้พวกเราจะไม่คิดแปลกแยกอีก” โศธัยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทิ้ม

รพีพงษ์แบะปาก แล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกนายจะทรยศตระกูล”

พูดจบ รพีพงษ์ก็บีบคอทั้งสองคน และยกตัวของทั้งสองขึ้นลอยขึ้นจากพื้น จากนั้นเขาก็ใช้แรงบีบคอของสองคนนั้นจนหัก

คนทรยศไม่สมควรได้รับการให้อภัย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท