พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่666 ขวัญนลิน

บทที่666 ขวัญนลิน

บทที่666 ขวัญนลิน

หลังจากที่เสียงดังใส่ศศินัดดาแล้วนั้น รพีพงษ์ก็เดินไปที่ห้องของอารียา เมื่อกี๊เขาได้สั่งดัมพ์รงค์ไว้แล้ว ว่าถ้าหากศศินัดดากล้าเหยียบเข้ามาในตระกูลลัดดาวัลย์แม้แต่ก้าวเดียว ให้ทุบขาเธอให้หักไปเลย

ในขณะกลับมาถึงสวน ศักดาเดินไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “คือหญิงคนนั้นจริงๆใช่ไหม?”

รพีพงษ์พยักหน้า ยิ้มพลางกล่าว “ผมไล่เธอไปแล้ว ก่อนที่อารีจะคลอด เธอจะไม่มีทางได้เข้ามาที่ตระกูลลัดดาวัลย์แม้แต่ก้าวเดียว”

“งั้นก็ดี ฉันคิดว่าหญิงคนนี้ได้ผ่านเรื่องราวในครั้งนั้นมาแล้วจะหยุดทุกอย่าง ใครจะรู้ว่าตอนอารีคลอดลูกแล้วเธอจะมา และก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไร” ศักดาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

“ความจริงเธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าวันนี้อารีคลอดลูก เธอคิดว่าผมตายไปแล้ว ดังนั้นจึงได้มาเสพสุขที่ตระกูลลัดดาวัลย์” รพีพงษ์อธิบาย

ศักดากล่าว “งั้นก็ยิ่งน่าเกลียดเข้าไปใหญ่ มันชั่ง……เห้อ เบื่อจะพูดล่ะ”

“ไม่ต้องนึกถึงเธอแล้ว วันนี้อารีคลอดลูก เป็นเรื่องดี อย่าให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องมาทำให้จิตใจหม่นหมองอีกเลย” รพีพงษ์กล่าว

ศักดาพยักหน้า แล้วไม่พูดเรื่องของศศินัดดาอีก จากนั้นก็หันไปสนใจในห้องนั้นต่อ

ผ่านไปได้ประมาณสองชั่วโมง รพีพงษ์รอจนรำคาญขึ้นมา เกือบที่จะพุ่งเข้าไปด้านในแล้ว

“นี่มันกี่ชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่เสร็จอีก เกิอะไรขึ้นกับอารีหรือเปล่า ผมต้องเข้าไปดูสักหน่อยแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

ชนิสรารีบห้ามรพีพงษ์ไว้ แล้วกล่าว “คลอดลูกไม่ได้เร็วอย่างที่คุณคิด นี่แค่เท่าไหร่เอง บางคนใช้เวลาเป็นวันยังคลอดไม่ออกเลย คุณรออีกนิด ฉันว่าใกล้จะเสร็จแล้วแหละ”

รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ได้ยินในห้องแป๊ปๆก็มีเสียงโหยหวนออกมา เขาแทบจะระเบิดออกมาแล้ว

ในขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของผู้หญิง แค่เรื่องคลอดลูก ก็น่านับถือแล้ว

“ดูๆแล้วต่อไปต้องทำดีกับอารีแล้วแหละ และทำให้ผู้หญิงของพวกเรารู้ถึงความยิ่งใหญ่ของแม่ อนาคตต้องกตัญญูกับแม่ให้มากๆ”

ในขณะที่รพีพงษ์พูดกับตัวเองอยู่นั้น ในห้องก็มีเสียงของทารกร้องดังขึ้นมา ทุกคนที่อยู่ในสวนสะดุ้ง

รพีพงษ์ตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำยังไง และไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรดี

ขณะนี้พยาบาลวิ่งออกมาจากด้านในด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าว คลอดแล้วคลอดแล้ว แม่ลูกปลอดภัย เป็นสาวสวยนะ”

“อะไรนะ! ทำไมเป็นลูกสาว ต้องเป็นลูกชายถึงจะถูก พวกคุณมั่วหรือเปล่า!” จารุณีที่รออยู่ตะลึง ทำเอาคนที่อยู่ในสวนงงงวยกันไปหมด

รพีพงษ์เขินอายแล้วรีบพูดกับธฤตญาณว่า “แกดูเธอไว้นะ ฉันเข้าไปด้านในแป๊ป”

“ไม่ ฉันก็อยากเห็นด้วย ฉันไม่เชื่อว่าจะเป็นลูกสาว ต้องมั่วแน่ๆ” จารุณีไม่เชื่อ

“ตอนนี้เพิงจะคลอดลูก ไม่เหมาะที่จะเข้าไปหลายคน พวกคุณรอสักหน่อยล่ะกัน” พยาบาลอธิบาย

ธฤตญาณขวางหน้าจารุณีเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างไม่เข้าใจว่า “ลูกสาวไม่ดีหรอ รพีพงษ์ก็ไม่รังเกียจ ทำไมคุณรังเกียจล่ะ?”

“ถ้าไม่ใช่ลูกชาย แล้วฉันจะจีบได้ไง ฮือๆๆ ความฝันของฉัน ดับสลายลงซะงั้นหนะ” จารุณีเกือบจะร้องออกมา

ธฤตญาณมึนงง ไม่เข้าใจจารุณีจริงๆว่าคิดอะไรอยู่

ในห้อง

เมื่อรพีพงษ์เข้าไป ก็เห็นอารียานอนอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลจนผมเปียกไปหมด ริมฝีปากขาวซีด ดูออกว่าเธอผ่านความเจ็บปวดมามากขนาดไหน แต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอก็ยังมีรอยยิ้ม

พยาบาลข้างๆกำลังอุ้มทารกที่อยู่ในฟูกมา ดูๆไปดำนิดหน่อย เพิ่งคลอดออกมา ยังลืมตาไม่ขึ้น

รพีพงษ์เดินไปข้างเตียง จูบลงไปที่หน้าผากของอารียา แล้วหันไปอุ้มเด็กทารกจากพยาบาลมา

“เมียจ๋า ลำบากคุณเลย พวกเรามีลูกสาวแล้ว” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

“ตั้งชื่อให้เธอเถอะ” อารียากล่าว

รพีพงษ์ไตร่ตรงสักพัก แล้วกล่าว “งั้นเรียกว่าขวัญนลิน ดีไหม?”

“ทำไมหรอ?” อารียากล่าว

“เพราะเธอจะเป็นสิ่งที่ค่าของเรา ผมจะทำให้เธอเป็นคุณหนูที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้” รพีพงษ์ยิ้มพลางอธิบาย

อารียาพยักหน้า แล้วกล่าว “ได้ เอาตามคุณล่ะกัน”

รพีพงษ์จ้องไปที่ทารกที่อยู่ในอ้อมกอด แล้วกล่าว “ต่อจากนี้ไปหนูชื่อขวัญนลินนะ จำไว้ หนูเป็นลูกสาวของรพีพงษ์ พ่อจะทำให้โลกรู้ ไม่มีใครกล้ารังแกลูกได้ ใครกล้ารังแก พ่อจะชกมันเข้าไปให้ตัวแตกเลย!”

ก่อนหน้านี้ ของรักของรพีพงษ์คืออารียา ใครก็แตะไม่ได้ แต่จากนี้ไป ของรักของรพีพงษ์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง นั่นก็คือขวัญนลินที่อยู่ในอ้อมกอดเขา

ประตูของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ศศินัดดายืนอยู่ที่เดิม เท้าสะเอว ยืนด่าอยู่ที่หน้าประตู

ตอนนั้นที่รพีพงษ์ไล่เธอไป เธอรู้สึกไม่พอใจ จึงได้ยืนด่าอยู่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยคำศัพท์ที่ไม่น่าฟังต่างๆนาๆ แต่ทว่าเธอก็ไม่กล้าแม้จะย่างเข้าประตูตระกูลลัดดาวัลย์แม้แต่ก้าวเดียว

ดัมพ์รงค์ยืนอยู่บนหลังคาจ้องไปที่ศศินัดดา ศศินัดดารู้สึกได้ว่าคนที่ยืนอยู่บนหลังคานั้นแตะต้องไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงด่าทอเท่านั้น

สักพัก ศศินัดดาด่าจนเหนื่อยแล้ว ก็หยุดลง

ในขณะเดียวกันนี้ คนใช้คนหนึ่งวิ่งมา พูดกับคนเฝ้าประตูอย่างตื่นเต้นว่า “คลอดแล้วคลอดแล้ว เป็นลูกสาว นายใหญ่บอกว่าวันนี้เป็นวันดี จะให้โบนัสกับพวกเราทุกคน”

คนเฝ้าประตูตื่นเต้น และดีใจอย่างมาก

ศศินัดดาได้ยินคำพูดของคนนั้น ก็พึมพำทันทีว่า “ลูกสาว ลูกสาวมีประโยชน์อะไร จะดีไปกว่าลูกชายได้ไงกัน ชาตินี้ที่ฉันต้องทนทุกข์ขนาดนี้ ก็เพราะไม่มีลูกชาย ตอนนี้ลูกสาวที่เลี้ยงมาอย่างยากลำบากก็ไม่ยอมรับฉัน ถ้าฉันอยู่ด้านใน เห็นว่าคลอดลูกสาว จะบีบคอให้ตายทันที”

ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น สายตาของศศินัดดาก็เผยความร้ายกาจออกมา

ในขณะเดียวกันนี้ ในร้านอาหารแห่งหนึ่งของเกียวโต ในห้องลับ หลายๆคนกำลังนั่งด้วยกัน ในห้องเต็มไปด้วยควัน ทุกคนล้วนสูบบุหรี่

ที่นั่งตรงกลาง คนที่กำลังนั่งอยู่นั้น ชื่อชลาคม ลูกชายของพลช คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะนี้ ล้วนเป็นคนที่เหลือของตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรม เพราะรับไม่ได้ พวกเขาไม่ได้หนีออกจากเกียวโต

“รพีพงษ์มันฆ่าพ่อผม ล้างบางตระกูลนฤวัตปกรณ์ของผม แค้นนี้ ต้องชำระ! เชื่อว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้ก็คิดเหมือนกับผม ตอนนี้สิ่งที่พวกเราขาด ก็คือการต่อกลอนกับตระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้น

“ใช่ ถ้าสู้กันซึ่งๆหน้า พวกเราไม่รู้จะตายยังไง แต่ในโลกนี้ถ้าอยากล้างแค้น ก็ไม่ได้มีแค่วิธีเดียว บางครั้ง มดก็ล้มช้างได้” คนหนึ่งพูดออกมา

ชายคนหนึ่งที่นั่งข้างๆชลาคมตาลุกวาว แล้วกล่าว “เมียของรพีพงษ์จะคลอดในเร็ววันนี้ไม่ใช่หรอ ไม่แน่อาจคลอดแล้วก็ได้ พวกเราเอาชนะรพีพงษ์ไม่ได้ แต่ลงมือกับลูกมันได้หนิ”

“ถ้าพวกเราหาวิธีขโมยลูกมันมาได้ นั่นก็มีตัวประกันในการต่อรองกับรพีพงษ์แล้วไม่ใช่หรอ?”

คนบนโต๊ะอาหารเห็นด้วย ชลาคมก็ยิ้มตอบรับ แล้วกล่าว “ความคิดนี้ไม่เลว ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็หาวิธีขโมยลูกรพีพงษ์มาเถอะ ถึงเวลานั้น ต้องให้รพีพงษ์ได้ลิ้มลองความรู้สึกของสูญเสียของอันเป็นที่รักไป!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท