พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่670 งานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ต

บทที่670 งานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ต

บทที่670 งานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ต

กลับมาถึงบ้าน รพีพงษ์มายังห้องของอารียา เห็นอารียากำลังจ้องไปที่ขวัญนลินหมูกลมๆ ด้วยรอยยิ้มแห่งความรัก

อารียาเห็นรพีพงษ์กลับมา ก็ตกใจ แล้วถาม “ทำไมกลับมาเร็วจัง? คุณจัดการฑวัตเรียบร้อยแล้ว”

รพีพงษ์ยักไหล่อย่างเบื่อหน่าย กล่าว “เพื่อนคนนี้ของคุณติดต่อคุณมา ไม่ใช่เพราะสะดวกในการอยู่เกียวโต เขาก็แค่อยากโอ้อวดตัวเองก็แค่นั้น”

อารียาชะงัก แล้วถาม “หมายความว่าไง?”

รพีพงษ์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารบลูดรีมอย่างละเอียดให้อารียาฟัง หลังจากที่อารียาได้ยินแล้วนั้น ก็ไม่เข้าใจแล้วถาม “ไม่น่าใช่นะ ตอนเรียน ฑวัตเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคน ทำไมตอนนี้เปลี่ยนเป็นแบบนี้ได้ล่ะ? เกิดความเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”

รพีพงษ์นิ่งสงบ แล้วถาม “ตอนอยู่มหาลัย เขาช่วยคุณยังไง?”

อารียาทบทวน เล่าเรื่องระหว่างเธอกับฑวัตให้รพีพงษ์ฟัง แสดงให้รพีพงษ์เห็นว่าตอนนั้นเธอรู้สึกว่าฑวัตเป็นคนดีมากคนหนึ่ง ไม่ว่าจะให้เขาทำอะไร เขาก็ช่วย ไม่เคยปฏิเสธเลย

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังแล้วนั้น ก็ยิ้มออกมา กล่าว “แม้ผมจะเป็นคนตรงๆ แต่ผมก็เข้าใจผู้ชายด้วยกันอยู่นะ ไม่มีใครทำดีต่อใครอย่างไม่หวังผลใดๆ ถ้าผมเดาไม่ผิด ตอนเรียนอยู่ เขาน่าจะชอบคุณ แต่คุณเพียงแค่คิดว่าเขาดี นี่ทำให้เขารู้สึกว่าคุณกำลังดูถูกเขาอยู่ ดังนั้นหลังจากที่กลับมาแล้ว เขาอยากโอ้อวดต่อหน้าคุณ” อารียาได้ยิน ก็ถอนหายใจอย่างเซ็ง ไม่คาดคิดว่าคนที่เธอคิดว่าดี จะเป็นแบบนี้ ทำเอาเธอรู้สึกค่อนข้างรับไม่ได้

“หรือเกิดความเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า คุณคิดมากไป” อารียากล่าว

ไม่นาน เธอก็ได้รับข้อความจากฑวัต

อารียา อย่าคิดว่าคุณให้สามีสวะนั่นของคุณจองห้องเพลสสิเดนท์สูทให้เรา แล้วผมจะยกโทษที่ตอนนั้นคุณหยิ่งกับผมได้ วันนี้ผมกลับมาจากเรียนต่อ เซ็นสัญญากับบริษัทยักษ์ใหญ่ เทียบไม่ได้กับตอนนั้นแล้ว แล้วคุณก็กลายเป็นหญิงวัยกลางคนสำหรับผม ผมจะไม่ให้เกียรติใดๆกับคุณอีก”

“ผมให้คุณรีบให้ไอ้สวะรพีพงษ์นั่นมาขอโทษเราเร็วๆซะ มิเช่นนั้น ผมจะใช้ทุกวิถีทางให้พวกคุณเสียใจ”

อารียายื่นมือถือให้รพีพงษ์ แล้วกล่าว “โอเค คุณพูดถูก”

รพีพงษ์ดูข้อความที่ฑวัตส่งมา ด้วยความดูแคลน คิดในใจว่าเขาทั้งสองคนส่งข้อความนี้มาในตอนที่อยู่ห้องเพลสสิเดนท์สูทแน่นอน

เขายังไม่เคยเจอใครที่ไร้ยางอายได้มากขนาดนี้ บูชาต่างชาติก็ว่าแย่แล้ว ยังจะใช้อุบายให้เขาและอารียาเสียใจอีก เค้าข่มขู่ขนาดนี้แล้ว รพีพงษ์จะทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้แล้ว

อย่างน้อย HXกรุ๊ป ไม่มีทางร่วมมือกับบริษัทที่ดูถูกคนจีนแน่นอน

“คุณไม่ต้องคิดถึงมันแล้ว ผมจัดการเอง” รพีพงษ์กล่าว

อารียาพยักหน้า ตอนนี้เธอมีลูกสาว คิดถึงแต่เรื่องของลูกสาว ไม่มีอารมณ์ไปสนใจเรื่องอื่น

เมื่อก่อนเพื่อนๆจะมองเธอยังไง เธอไม่สนใจไปนานแล้ว แล้วปัญหาแบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก เธอเชื่อว่ารพีพงษ์จะจัดการได้

รพีพงษ์หยิบมือถือขึ้นมา โทรไปหาเธียรวิชญ์ “เอ็กเซลเลนซ์นั่นจะเปลี่ยนผู้จัดการทั่วไปแล้วหรอ ชื่อฑวัต?”

“ใช่ ช่วงนี้พวกเขาพยายามจะร่วมมือทางการค้ากับพวกเรา ถึงตอนนั้นผู้จัดการทั่วไปคนใหม่นี้จะมาพูดคุยกับเราเรื่องแผนการพัฒนาในอนาคต อีกสองสามวันจะมีงานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ต ผมวางแผนว่าจะฟังความคิดของผู้จัดการทั่วไปคนใหม่นี้ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะร่วมมือด้วยไหม” เธียรวิชญ์ตอบ

“ไม่ต้องตัดสินใจแล้ว ต่อไปนี้ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการร่วมมือทางการค้ากับเอ็กเซลเลนซ์ ยกเลิกให้หมด อีกอย่าง งานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ตนี้ฉันจะไปด้วย แกช่วยจัดการที” รพีพงษ์กล่าว

“ได้ครับ พี่รพี

……

ญ วันประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ต

ฑวัตและเดซี่ทั้งคู่เดินออกมาจากโรงแรม ทั้งสองเปลี่ยนสวมทางการ ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับงานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ตนี้อยู่บ้าง

“ไม่รู้ว่าไอ้รพีพงษ์มันจองไว้กี่วัน พวกเราพักมานานขนาดนี้ ไม่มีใครให้เราเช็คเอาท์เลย ที่นี่ขั้นต่ำก็น่าจะหลายพันอยู่นะ ไอ้สวะรพีพงษ์รับไหวหรอเนี่ย?” ฑวัตพึมพำ

“แหม จะสนทำไม ยังไงพวกเราก็ไม่ได้จ่ายเงิน คุณรีบคิดว่าอีกเดี๋ยวในงานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ตจะสร้างสัมพันธไมตรีอันดีงามยังไงกับHXกรุ๊ปเถอะ เพียงแค่คุณสามารถทำมันสำเร็จได้ พ่อของฉันจะต้องเห็นดีเห็นงามไปกับคุณ แล้วเขาจะได้ไม่มีอคติใดๆกับงานแตต่งงานของเราอีก ถึงตอนนั้นคุณก็จะได้สัญชาติอเมริกาง่ายขึ้น” เดซี่กล่าว

“สบายใจได้ ด้วยความสามารถของผม จะคุยเรื่องการร่วมมือกับHXกรุ๊ปนั้นไม่ยาก คุณยืนอยู่ข้างๆก้พอแล้ว” ฑวัตกล่าวอย่างมั่นใจ

งานประชุมใหญ่อินเตอร์เน็ตของเกียวโตจัดขึ้นที่ศูนย์แสดงสินค้าไฮเทค แต่ล่ะบริษัทที่เข้าร่วมงานนี้ล้วนมีบูธของตัวเอง เพื่อเสนอสินค้าของบริษัทตัวเอง

ปัจจัยหลักของงานประชุมใหญ่ครั้งนี้ คือส่งเสริมการร่วมมือกันระหว่างบริษัทต่างๆ ถึงตอนนั้นตัวแทนของแต่ล่ะบริษัทจะรวมตัวกัน แลกเปลี่ยนคสามคิดเห็น

ในงานนิทรรศการ หลังจากที่ฑวัตและเดซี่มาถึงแล้วนั้น ก็ไม่ได้สนใจบูธต่างๆของแต่ล่ะบริษัท แต่มุ่งหน้าไปที่ส่วนกลาง ขณะนี้ผู้นำของแต่ล่ะบริษัทอยู่บริเวณนั้น พวกเขาจะไปหาตัวแทนของบริษัทHXกรุ๊ปเพื่อคุยเรื่องการร่วมมือทางการค้า

ณ พื้นที่ส่วนกลาง มีคนจำนวนไม่น้อยยืนอยู่ตรงนี้ ในนั้นมีผู้บริหารวงการอินเตอร์เน็ตอยู่จำนวนมาก เธียรวิชญ์ก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น และคนส่วนใหญ่ก็ล้อมรอบเขา เป็นวง มองออกถึงตำแหน่งของเขาในงานนี้

เมื่อฑวัตมาถึงที่นี่แล้วนั้น ก็ตะลึง แล้วกล่าว “ว้าว ล้วนเป็นระดับผู้บริหารทั้งนั้นเลย ที่นี่มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ บริษัทของพวกเขา ที่ต่างประเทศก็มีหลายที่ที่มีชื่อเสียง ดูๆแล้วกิจการอินเตอร์เน็ตในประเทศ พัฒนาไปไม่เลวเลยนะ”

เดซี่ชักตาไปที่เขา แล้วกล่าว “ก็แค่พัฒนาไปไม่เลวเท่านั้น เทียบกับต่างประเทศยังห่างกันอีกเยอะ ไม่มีประสบการณ์เลยสักนิด”

ฑวัตไม่กล้าพูดอะไรอีก

ทั้งคู่เดินไปด้านหน้าพร้อมกัน ฑวัตทักทายเธียรวิชญ์อย่างกระตือรือร้น แล้วได้เข้าร่วมการสนทนาของพวกเขา

เธียรวิชญ์ไม่รู้ว่าคนด้านหน้าเป็นใคร พอถาม ก็ตอบไปบ้าง

“คุณเธียรวิชญ์ โชคดีจริงๆที่ไ่ด้เจอคุณที่นี่ สองวันก่อนผมเจอเข้ากับชายจนๆคนหนึ่ง บอกว่ารู้จักกับคนของHXกรุ๊ป ตอนนี้คิดๆดูแล้วชั่งน่าขำจริงๆ ในHXกรุ๊ปล้วนเป็นคนเก่งทั้งนั้น ไอ้ยากจนนั่นจะมีเพื่อนแบบนี้ได้ไงกัน” ฑวัตยิ้มแล้วกล่าว

เธียรวิชญ์จ้องไปที่เขา ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร

“คุณเธียรวิชญ์ ความจริงครั้งนี้ที่ผมมา เพื่อมาคุยเรื่องการร่วมมือทางการค้า ไม่ทราบว่าคุณสะดวกคุยไหม?” ฑวัตถามต่อ

“คุณเป็นมาจากบริษัทไหน?” เธียรวิชญ์ถาม

ฑวัตยื่นมาออกไปให้เธียรวิชญ์ แล้วกล่าว “ผมมาจากเอ็กเซลเลนซ์ ชื่อฑวัต ก่อนหน้านี้บริษัทของเราน่าจะเคยส่งข้อมูลของคุณให้พวกคุณบ้างแล้ว”

เธียรวิชญ์รับรู้ แต่ไม่ได้จับมือกับฑวัต ก็ยิ้มพลางจ้องไปที่เขา ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น

ฑวัตรู้สึกอับอาย ไม่รู้ว่าจะยื่นมือต่อไปดี หรือจะเก็บมือกลับมาดี เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวๆขึ้นมา

“คุณเธียรวิชญ์ การร่วมมือทางการค้าของพวกเรา……” ฑวัตเก็บมือตัวเองกลับมา แล้วเอามือสอดเข้าไปในชุดด้วยความอาย

“ผมไม่สามารถตัดสินใจในการร่วมทำการค้ากับพวกคุณได้ เดี๋ยวประธานของพวกเราจะมา บางทีคุณอาจไปหาท่านประธานเพื่อพูดคุยได้” เธียรวิชญ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท