พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่682 ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า

บทที่682 ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า

บทที่682 ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า

บนถนนผู้คนมากมายกำลังเดินไปที่เซ็นทรัลพลาซาของอำเภอคีงเมน

“ได้ยินมาหรือเปล่าว่า วันนี้คุณชายใหญ่ของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจจะปะทะฝีมือกับคนที่เศษสวะที่สุด ก็ไม่รู้ว่าที่มาของเศษสวะนี้มาจากไหน ที่สามารถทำให้ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจระดมผู้คนมากมาย”

“ไม่ว่าจะมาจากไหน นี่ก็บอกไว้ชัดแล้วไม่ใช่เหรอ เป็นแค่เศษสวะ น่าจะไม่มีภูมิหลังอะไร วิ่งเข้าหาให้คุณชายตระกูลวิรุฬห์ธนกิจกระทืบโดยเฉพาะ”

“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณว่าคนคนนี้มีความกล้าไปที่เซ็นทรัลพลาซาหรือเปล่า เปลี่ยนเป็นฉัน คงจะวิ่งหนีเป็นอย่างแรกแน่ๆ”

“ไม่หนีถึงเวลาถูกคุณชายตระกูลวิรุฬห์ธนกิจกระทืบอย่างรุนแรง ยิ่งตอกย้ำชื่อเสียงเศษสวะเข้าไปใหญ่ ถ้าหนีไปยิ่งไม่ต้องพูดแล้ว เท่ากับว่ายอมรับโดยตรงว่าตัวเองก็เป็นเศษสวะ ไม่จะหนีหรือไม่หนี คนคนนี้ก็อยู่ไม่สุข”

……

รพีพงษ์และดำเกิงทั้งสองคนกำลังเดินอยู่บนถนน เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่เดินผ่านไป ใบหน้าของดำเกิงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“โธวัตก็หน้าด้านจริงๆ รอเดี๋ยวพ่ายแพ้ผมบนเวทีประลอง ดูสิว่าเขาจะมีจุดจบอย่างไร”ดำเกิงพึมพำ

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “อย่าวางมาดใหญ่ไป แม้ว่าสองปีมานี้นายจะเติบโตขึ้นมาก แต่โธวัตอาจไม่ได้ย้ำก้าวอยู่ที่เดิม อย่าได้ประมาณศัตรู”

ดำเกิงยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ศิษย์พี่ เรื่องนี้พี่สบายใจได้ ที่สำคัญยังไงพี่ก็ควรเชื่อมั่นอาจารย์เราบ้าง แม้ว่าฝ่ามือสยบพยัคฆ์จะเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณที่สืบทอดกันมายาวนาน แต่ตอนนั้นอาจารย์ก็เคยบอกข้อดีข้อเสียของฝ่ามือสยบพยัคฆ์กับผม เรียกได้ว่าตรงจุดตรงประเด็นเลย เมื่อเทียบกับทักษะวิชาที่อาจารย์ถ่ายทอดให้พวกเรา ฝ่ามือสยบพยัคฆ์แย่กว่าไม่น้อย”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจเห็นด้วยกับคำพูดของดำเกิงเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าอาจารย์จะไม่เคยบอกข้อดีข้อเสียของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ แต่จากทักษะวิชาที่ตัวเองเรียนจากอาจารย์ เขาก็รู้สึกถึงความยอดเยี่ยมของวิธีที่อาจารย์ถ่ายทอดมา

ในระหว่างที่เรียนกับอาจารย์ รพีพงษ์สามารถสัมผัสได้ถึงฝีมือความชำนาญของอาจารย์ ความแข็งแกร่งของหลายร้อยตระกูลรวมกัน และเลือกศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตาม มันก็เป็นฝีมือที่สมบูรณ์แบบ

ดังนั้นแม้ว่ายังไม่เคยประลองพลังที่สุดยอดของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ เขาก็รู้ว่าฝีมือความชำนาญของอาจารย์ไม่ใช่ว่าสำนักศิลปะการต่อสู้ใดก็ไม่สามารถเทียบได้

ใช้เวลาไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงเซ็นทรัลพลาซา ในเวลานี้ตำแหน่งตรงกลางของเซ็นทรัลพลาซา ได้ตั้งเวทีประลองขึ้นมาแล้ว เวทีประลองถูกล้อมรอบเต็มไปด้วยผู้คน

ด้านบนของเวทีประลอง มีป้ายแขวนอยู่ บนแผ่นป้าย เขียนไว้ไม่กี่คำว่า“การท้าทายของเศษสวะที่สุดในจักรวาลไม่มีใครเทียบได้มาถึงเร็วๆนี้” ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นฝีมือของคุ้มขวัญ

โธวัตยืนอยู่บนเวทีประลองแล้ว แล้วมองลงไปที่ผู้คนด้านล่าง มีรัศมีของการดูถูก

และอยู่ไม่ไกลจากเวทีประลอง มีเก้าอี้วางอยู่ไม่กี่อัน ปีติภัทรและโสจกรกำลังนั่งอยู่ที่นั่น คุ้มขวัญยืมอยู่ข้างๆ มองกวาดรอบๆตลอด ราวกับกำลังมองหาใครบางคน

รพีพงษ์แวบแรกก็สังเกตเห็นโสจกรกำลังนั่งอยู่ที่นั่น รู้สึกได้ถึงลักษณะที่ไม่ธรรมดาของคนคนนี้ ปีติภัทรที่อยู่ด้านข้างก็ดึงดูดความสนใจของรพีพงษ์ แต่ว่าเขาทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่า ไม่ได้แข็งแกร่งกว่าโสจกร

หลังจากบรรลุถึงระดับเน่ยจิ้ง รพีพงษ์ก็เพียงพอที่จะสามารถอาศัยรายละเอียดพวกนี้ แยกความแตกต่างระหว่างยอดฝีมือเน่ยจิ้งและคนธรรมดาออก เขาคาดไม่ถึง ตระกูลวิรุฬห์ธนกิจนี้ กลับซ่อนยอดฝีมือเน่ยจิ้งไว้สองคนจริงๆ และหนึ่งในนั้นก็ยังถือว่ามีกำลังที่ไม่อ่อนแอ นี่มันทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ

“นายรู้หรือเปล่าคนที่นั่งอยู่ที่นั่นเป็นใคร?”รพีพงษ์ชี้ไปที่โสจกร แล้วเอ่ยปากถาม

ดำเกิงมองแวบเดียว ส่ายหัว แล้วพูดว่า: “ไม่รู้จัก แต่ว่าคนที่นั่งด้านข้างเขา ก็คือนายใหญ่ของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจ ปีติภัทร”

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด และไม่ได้คิดอะไรมาก โสจกรมีสถานะอะไรก็ไม่สำคัญสำหรับเขา ภารกิจของเขาในครั้งนี้ ก็คือคุ้มครองไม่ให้ยอดฝีมือของตระกูลวิรุฬห์ธนกิจลงมือกับดำเกิง เรื่องอื่นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ

ในไม่ช้า ทั้งสองคนเดินมาถึงด้านหน้าเวทีประลอง

“เศษสวะดำเกิงอยู่หรือเปล่า ตกลงว่านายมีความกล้าหาญที่จะขึ้นเวทีต่อสู้กับฉันหรือเปล่า ถ้าไม่มีความกล้าหาญนี้ ก็ออกมาขอโทษน้องสาวฉันโดยเร็วที่สุด อย่าทำให้ทุกคนที่นี่เสียเวลา!”โธวัตพูดอย่างหงุดหงิด ตะโกนใส่คนด้านล่างเวที

หลังจากที่ดำเกิงได้ยิน ก็ส่งเสียงอย่างเย็นชา พูดกับรพีพงษ์ไม่กี่ประโยค จากนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปที่ด้านบนเวทีประลอง

ในพริบตา ดำเกิงก็ยืนอยู่ตรงข้ามโธวัตแล้ว

“ปู่ของนายมาแล้ว!”

โธวัตมองดำเกิงหัวจรดเท้า พร้อมด้วยใบหน้าที่แสยะยิ้ม แล้วเอ่ยปากว่า: “ไม่เจอกันสองปี แกก็ยังบ้านนอกกระจอกไม่เอาไหน ได้ยินมาว่าเมื่อคืนยังให้คนมาด่าน้องสาวฉันที่บาร์อีก ฉันว่าแกคงเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย ในเมื่อวันนี้นายกล้าที่จะขึ้นเวทีประลองนี้ ฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้แกมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป!”

ดำเกิงเบะปาก แล้วพูดว่า: “อย่าพูดเกินไปหน่อยเลย ไม่แน่วันนี้คนที่ไม่สามารถเดินลงเวทีประลองได้ อาจเป็นแก”

หลังจากคุ้มขวัญเห็นดำเกิงปรากฏตัวตอนนี้อยู่บนเวที ก็ตะโกนเสียงทันที: “พี่ กระทืบไอ้หมอนี่ให้มันสาหัสไปเลย จากนั้นก็เก็บไว้ให้ฉัน ฉันจะทรมานเขาเป็นอย่างดีเลย!”

โธวัตแสดงท่าทางมือโอเคให้กับคุ้มขวัญ

“ไอ้น้อง ในสองปีที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของฉันดีขึ้นมาก ถ้าวันนี้อาจารย์ลุงโสจกรดูอยู่ข้างล่างเวที วันนี้ฉันก็ถือซะว่าแกเป็นกระสอบทราย แสดงให้อาจารย์ลุงโสจกรได้เห็นเป็นอย่างดีเลย!”โธวัตทำท่าทางฝ่ามือสยบพยัคฆ์ให้กับดำเกิง

บนใบหน้าของดำเกิงแสดงรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ พึมพำว่า: “นายแค่ดีขึ้นเอง สองปีมานี้ ความแข็งแกร่งของฉันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับจรวด เดี๋ยวแกก็จะได้รู้ความสุดยอดของลูกศิษย์คนที่สองของสำนักอาจารย์ฉัน!”

การต่อสู้ระหว่างทั้งสอง เกิดขึ้นภายในพริบตา

การเคลื่อนไหวของฝ่ามือสยบพยัคฆ์แม่นยำทะมัดทะแมง เกือบจะใช้ทุกส่วนของร่างกายเป็นอาวุธที่สามารถโจมตีได้ ควบคู่ไปกับแรงพลังระเบิดที่ยอดเยี่ยม อยู่ในระหว่างการต่อสู้ มันมีผลที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก

โธ่วันเปลี่ยนท่วงท่า โจมตีนาฬิกาชีวิตของดำเกิง การเคลื่อนไหวดูไปแล้วงดงามมาก ผู้คนด้านล่างเวทีดูการต่อสู้ของโธวัต ราวกับกำลังดูหนังกังฟู หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีคนปรบมือตะโกนขึ้นมา

ในตอนเริ่มแรกดำเกิงเลือกที่จะป้องกัน อาจารย์เคยบอกกับเขาว่า แม้ว่าแรงพลังระเบิดของฝ่ามือสยบพยัคฆ์จะแข็งแกร่ง แต่จุดอ่อนไม่มีทางที่จะหลอมรวมกับการป้องกันการโจมตีได้ โดยทั่วไปเมื่อตอนที่ใช้ท่าไม้ตาย ก็ง่ายที่จะปรากฏจุดอ่อน

เขาเริ่มเลือกที่จะปกป้อง เพียงเพื่อรอให้จุดอ่อนของโธวัตเปิดเผย

ผู้คนด้านล่างเวทีต่างดูความครึกครื้น ไม่เข้าใจกลยุทธ์ เห็นแต่ดำเกิงปกป้องตลอด คิดว่าเขาสู้โธวัตไม่ได้ ยิ่งทำให้เขาดูไม่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่โสจกรจ้องมองท่วงท่าของดำเกิง หรี่ตาลง

ปีติภัทรมองแผนการของดำเกิงไม่ออก เพียงแต่คิดว่าลูกชายตัวเองเก่งกาจ ยังยิ้มแล้วพูดกับโสจกรว่า: “ศิษย์พี่โสจกร พื้นฐานของลูกชายผมได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นดำเกิงก็เป็นแค่คนที่เอ้อระเหย เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของลูกชายฉัน”

โสจกรส่ายหัว แล้วพูดว่า: “ไอ้เด็กนี่ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่นายคิด เขามองจุดอ่อนของฝ่ามือสยบพยัคฆ์ออก รอลูกชายของนายเผยจุดอ่อนออกมา จะคว้าโอกาสในการโจมตีกลับ”

ปีติภัทรขมวดคิ้ว ไม่คาดคิดว่าโสจกรจะรู้สึกว่าดำเกิงจงใจปกป้อง เขากลับไม่รู้สึกว่าลูกชายตัวเองจะสู้คนบ้านนอกคอกนาไม่ได้ คิดในใจว่าเดี๋ยวโธวัตชนะแล้ว ก็จะรู้ว่าใครผิดใครถูก

ในไม่ช้า กลยุทธ์ของโธวัตระเบิดออกมาหมดแล้ว จุดอ่อนปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในกลยุทธ์ ดำเกิงคว้าโอกาสนี้ไว้ ใช้โอกาสโจมตีกลับ และใช้กำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมาโดยตรง เคลื่อนไหวเพื่อโจมตีจุดอ่อนของโธวัต บีบคั้นให้เขาถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่มีโอกาสโต้กลับเลย

ผู้คนด้านล่างเวทีเห็นสถานการณ์การต่อสู้ที่พลิกแพลง ก็เบิกกว้างทันที มีความรู้สึกว่าเหลือเชื่อ

สีหน้าของปีติภัทรเคร่งเครียด คว้าที่จับของเก้าอี้ด้วยมือข้างเดียว ไม่คาดคิดว่าจะจริงอย่างกับที่โสจกรพูด จุดอ่อนของลูกชายของตัวเองถูกดำเกิงคว้าไว้แล้ว

เดิมทีโธวัตคิดว่าตัวเองสามารถอาศัยท่วงท่าที่สับสนหลอกผ่านไปได้ คาดไม่ถึงภายในแวบเดียวก็ถูกดำเกิงมองทะลุ

เรียกได้ว่าทหารแพ้ราวกับภูเขาล้ม หลังจากที่โธวัตเผยจุดอ่อนออกมา ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของดำเกิงได้ หายใจได้ไม่กี่วินาที ก็ถูกดำเกิงจูงจมูกไป

ในที่สุด โธวัตก็ต้านทานหมัดหนักของดำเกิงไม่ได้ นั่งลงบนพื้น

ดำเกิงคว้าโอกาสไว้ กดโธวัตลงกับพื้นทันที จากนั้นต่อหน้าทุกคน บนก้มของโธวัต ตีอย่างรุนแรง

“วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกแทนพ่อของแกเอง ใครให้แกอวดดี สมควรถูกเฆี่ยนตีแล้ว!”

หลังจากพูดจบ ดำเกิงก็ตีลงบนก้มโธวัตอีกครั้ง

ทุกคนด้านล่างเวทีต่างส่งเสียงหัวเราะ

เมื่อปีติภัทรเห็นฉากนี้ ก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธ สีหน้าของเขาก็เขียว กัดฟันและตะโกนว่า: “แกกล้าทำให้ลูกชายของฉันอับอายต่อหน้าผู้คนมากมายได้ยังไง คิดว่าคนตระกูลวิรุฬห์ธนกิจจะรังแกได้ง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอ!”

หลังจากพูดเสร็จ ปีติภัทรก็พุ่งขึ้นไปบนเวทีประลองอย่างรวดเร็ว ต้องการจะลงมือกับดำเกิง

สีหน้าดำเกิงเปลี่ยนไป รีบวิ่งไปที่ด้านล่างเวทีประลอง

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของยอดฝีมือเน่ยจิ้งได้ เมื่อเห็นฝ่ามือของปีติภัทร ต้องการที่จะตบลงบนหลังของดำเกิง

“ศิษย์พี่ ช่วยผมด้วย!”ดำเกิงตะโกนเสียงดัง

ในขณะนี้ มีร่างปรากฏต่อหน้าปีติภัทร ซัดหมัดออกไป ขัดขวางปีติภัทรไว้

“ลูกของคุณความสามารถไม่เท่าคนอื่น แพ้แล้วก็สมควรโดนตี ก็เป็นสัจธรรมแล้ว คุณในฐานะนายใหญ่ของตระกูล ยอมเดิมพันแต่ไม่ยอมรับแพ้ ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า?”

สายตาของรพีพงษ์ที่สงบนิ่งราวกับน้ำ ตกไปที่บนตัวปีติภัทรที่กำลังโมโห

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท