พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่695 แกนี่เกะกะจริงๆ

บทที่695 แกนี่เกะกะจริงๆ

บทที่695 แกนี่เกะกะจริงๆ

บนเวทีในขณะนี้ มีชายร่างสูง สวมชุดคาราเต้สีขาว

คนนี้ชื่อบิลลี่ เป็นแชมป์คาราเต้ของประเทศอเมริกา มีชื่อเสียงอย่างมากในอเมริกา วันนี้ที่เขาปรากฏกายที่นี่ เพราะได้ยินชื่อของเทพมรณะ ดังนั้นจึงอยากมาท้าทายด้วยตัวเอง

“นั่นไงคนเทพมรณะ รีบขึ้นมาบนเวทีซะ วันนี้ฉันจะทำลายประวัติศาสตร์ของแก ให้ทุกคนได้รู้ ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนของพวกแก กับคาราเต้ เทียบกันไม่ได้!” ผู้ดูแลสนามมวยนี้หยิบไมค์ขึ้นมา แล้วรีบสร้างบรรยากาศ

“ทุกคนทราบกันดี ว่าบิลลี่เป็นแชมป์ของประเทศอเมริกา! ฝีมือของพวกเขาทุกคนรู้ดี คู่ต่อกรของเขาทุกคน สุดท้ายล้วนถูกหามออกจากเวทีทั้งนั้น!”

“ในอเมริกาบิลลี่ มีฉายาว่าราชาเถื่อน มีคนคาดเดา ทั้งอเมริกา ไม่มีใครเป็นคู่ต่อกรของบิลลี่เลยสักคน และบิลลี่ได้ใช้ความสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่าคนที่ขึ้นชกกับเขาทุกคน สุดท้ายก็ต้องแพ้ไป!”

“และวันนี้ ที่บิลลี่มาที่นี่ เพื่อท้าทายเทพมรณะที่ได้ชนะติดต่อกันมาเป็นวันที่ห้าแล้ว! การประลองครั้งนี้ ไม่ว่าใครจะชนะ เชื่อว่าทุกคนกำลังรอผลอยู่!”

“งั้นเราตะโกนชื่อของคนที่ตัวเองคิดว่าจะชนะในค่ำคืนนี้ออกมาหน่อยดีกว่า ให้พวกเราได้รู้สึกกระตือรือร้นสักหน่อย!” ทุกคนรีบตะโกน เทพมรณะและราชาเถื่อนสองฉายานี้ออกมา ดังลั่นสนามมวย แต่ไม่นาน เสียงของราชาเถื่อนก็ดังกว่าเทพมรณะ

ในฐานะที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าเป็นแชมป์คาราเต้ ดังนั้นตำแหน่งของบิลลี่ในสายตาคนทั่วไปถือว่าสูง แม้รพีพงษ์จะเก่งมาก แต่ก็เพิ่งจะปรากฏตัวที่สนามมวยเพียงไม่กี่วัน เสียงเรียกน้อยกว่าบิลลี่แน่นอน

“ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนนั้นแย่! วันนี้ ฉันจะพิสูจน์ให้พวกคุณดู!” บิลลี่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองดังสนั่น ก็สะใจขึ้นมา แล้วตะโกนให้ทุกคนได้ยิน

รพีพงษ์เพิ่งจะละสายตาจากอนันยช เมื่อได้ยินบิลลี่พูดแล้ว ก็ขึ้นไปบนเวที

“เก่งแต่แสดงไอ้เด็กน้อยจากประเทศจีน กังฟูของพวกแกมันแย่ วันนี้ฉัน จะเหยียบศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนให้จมดิน!”

บิลลี่ตะคอกรพีพงษ์ จากนั้นก็ทำท่าเบ่งกล้าม ด้วยท่าทีดุร้าย

“แกนี่เกะกะจริงๆ” รพีพงษ์พูดกับบิลลี่อย่างนิ่งๆ จากนั้นก็ก้าวไป ยกขาขึ้น ไปที่หน้าอกของบิลลี่ ร่างของบิลลี่ลอยออกไปจากเวที แล้วหล่นลงบนพื้นอย่างแรง

คนพวกนั้นที่ยังตะโกนชื่อของบิลลี่อยู่นั้นก็งงในทันใด อ้าปากค้างไร้ซึ่งเสียงที่ตะโกนออกมา และมีคนจำนวนไม่น้อยอ้าปากค้างเป็นตัวโอ

ในสนามมวย ล้วนเต็มไปด้วยความเงียบสงัด จากนั้น คนที่เชียร์เทพมรณะ ก็ตะโกนชื่อเทพมรณะชื่อนี้อย่างบ้าคลั่ง รพีพงษ์ใช้เพียงเท้าธรรมดา ชั่งน่าตะลึงเสียนี่กระไร

ใครจะคิดถึงว่า แชมป์คาราเต้ที่แข็งแกร่ง จะถูกรพีพงษ์ถีบลอยไป

ความจริงผู้ดูแลสนามมวยใต้ดินกำลังรอการประลองที่ระเบิดความมันส์ของรพีพงษ์และบิลลี่อยู่ ใครคิดจะว่าการประลองนี้ยังไม่ทันเริ่ม ก็ต้องจบลงแล้ว ทำเอาเขารู้สึกอึดอัดกันเลยทีเดียว

บิลลี่ปีนขึ้นมาจากพื้น รับรู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองขายหน้ามากขนาดไหน แม้แต่การถีบของรพีพงษ์เขายังต้านทานไม่ได้ นี่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคาราเต้ในประเทศจีนนั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก

เขากลัวว่าผู้คนที่เชียร์เขาจะตามมาหาว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้รีบหนีไป

และในมุมมุมหนึ่งด้านล่างเวที คนที่จ้องรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ พึมพำขึ้นมาว่า “ที่แท้ก็เป็นไอ้พวกเห่อ แต่มันก็ทำได้แค่จัดการกับคนธรรมดาแบบนี้แหละ วันนี้อนันยชมาที่นี่ ดูๆแล้วมาเพื่อหาเด็กนั่น ดูว่ามันจะทำไงเมื่อเจออนันยช”

อนันยชก็จ้องไปที่รพีพงษ์ที่อยู่ด้านบนเวที แล้วหลับตา รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคย

“นายท่าน คนที่ใส่หน้ากากนี้ ทำลายยอดฝีมือของเราไปห้าคนแล้ว” คนข้างๆอนันยชกล่าวขึ้นมา

อนันยชพยักหน้า แต่ไม่ได้สนใจคนที่อยู่บนเวทีมากนัก เพราะจากฝีมือของเขาถ้าต้องการจัดการคนบนเวทีนั้น ง่ายยิ่งกว่าอะไรดี

ขณะนี้รพีพงษ์หันหน้าไปมองเขา แม้อนันยชไม่เห็นอารมณ์ของรพีพงษ์ แต่ก็รู้สึกได้ ว่าคนที่อยู่บนเวที มีความอาฆาตต่อตนอยู่ไม่น้อย

“น่าสนใจ เขาทำลายยอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุล น่าจะเพื่อรอให้ฉันปรากฏตัว ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะขึ้นไปข้างบน” อนันยชกล่าว จากนั้นก็ เหยียบไหล่คน ขึ้นไปบนเวที

ผู้คนด้านล่างเวทีเริ่มส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง การประลองเมื่อกี๊ของบิลลี่และรพีพงษ์ ยังไม่ทำให้พวกเขาสนุกได้เลย ตอนนี้เห็นอีกคนขึ้นไป ท่าทางเก่งอาจอย่างมาก พวกเขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา

ตอนนี้ในสายตาของคนเหล่านี้ ศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีนนั้นเป็นตำนานที่มีจริง ถ้ามีการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือของประเทศจีนด้วยกัน พวกเขาก็ไม่ถือว่ามาเสียเปล่า

อนันยชจ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วถาม “แกเป็นใคร? ทำไมต้องมีปัญหากับตระกูลนิธิวรสกุลของฉัน?”

“ศัตรู” รพีพงษ์กล่าวอย่างนิ่งสงบ

อนันยชบึนปาก แล้วกล่าว “ศัตรูของตระกูลนิธีวรสกุลมีมากมาน พวกที่อยากล้างแค้น สุดท้ายก้กลายเป็นเถ้าถ่าน การที่แกเป็นเน่ยจิ้งน่าจะไม่ง่ายสินะ ถ้าแกมอบชีวิตให้ฉันตระกูลนิธิวรสกุล บางทีฉันอาจปล่อยแกไปก็ได้นะ”

“มอบชีวิตให้ตระกูลนิธิวรสกุล? เกรงว่าถ้าฉันตอบตกลง แกก็ไม่กล้าใช้ฉันหรอก” รพีพงษ์ยิ้มออกมา

“นกที่ดีต้องรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนัก ความแค้นที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ทำไมฉันจะไม่กล้า” อนันยชก็ยิ้มพลางกล่าว

รพีพงษ์หลับตา ถาม “อนันยช แกไม่รู้จริงๆหรอว่าฉันเป็นใคร?”

อนันยชมองหัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วกล่าว “รู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร ศัตรูของฉันเยอะ”

รพีพงษ์ไม่ทายคำถามอนันยชต่อ เขายกมือขึ้นมา ถอดหน้ากากนั้นออก

หลังจากที่อนันยชเห็นรพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วนั้น ม่านตาก็ขยายขึ้น

เพราะรพีพงษ์ถอดหน้ากากออกจึงทำให้คนด้านล่างคึกคักขึ้นมา ผลบุญจ้องไปที่รพีพงษ์ ขมวดคิ้ว แล้วพึมพำว่า “เป็นเด็กที่พักที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีนนั่นหนิ?”

“ไง แปลกใจไหมล่ะ?” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว

เขาไม่กังวลที่จะถอดหน้ากากออกในตอนนี้ ให้เวลาอนันยชได้เตรียมตัวต่อสู้กับเขา ในเมื่ออนันยชยืนอยู่บนเวทีแล้ว รพีพงษ์จึงไม่อยากให้เขาได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท