พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่706 เข่นฆ่า

บทที่706 เข่นฆ่า

บทที่706 เข่นฆ่า

ขาของกาจพลอ่อนอย่างกะทันหัน เผชิญหน้ากับยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง เขาไม่ไม่มีทางต้านทานได้เลย

ถ้าวันนี้รพีพงษ์ตั้งใจจะฆ่าครั้งใหญ่จริงๆ งั้นตระกูลนิธิวรสกุล ก็จบเห่จริงๆ

“ระ…..รพีพงษ์ พวกเรามีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน ไม่ว่ายังไง ฉันก็เป็นน้องชายของปู่นาย นายควรจะเรียกฉันว่าท่านปู่ ถ้าลงมือก็เท่ากับว่านายก็ไม่ค่อยรู้เรื่องไม่รู้ราวเกินไป”กาจพลไม่มีวิธีจัดการกับรพีพงษ์ ทำได้เพียงใช้ความสัมพันธ์นี้มาถ่วงเวลา

“เรียกแกว่าท่านปู่? แกคู่ควรเหรอ! ในเวลานี้แกกลับมาพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแกกับปู่ของฉัน ตอนที่แกฝังท่านไว้ที่ข้างโถส้วมทำไมแกไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้างล่ะ?”รพีพงษ์ตะโกนด้วยความโกรธ หักแขนของกาจพลที่คว้าไว้ได้โดยตรง

กาจพลร้องโอดโอย เหงื่อเย็นที่หน้าผากก็ไหลออกมาทันที

“ปล่อย….ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันยินดีที่จะมอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลนิธิวรสกุลให้กับนาย ไว้ชีวิตฉันด้วย ขอร้องนายล่ะ”กาจพลขอร้องด้วยความเมตตา

“ตอนแรกฉันคิดว่าแกจะเป็นคนที่ยอมตายแต่ไม่ยอมศิโรราบ คาดไม่ถึงแกจะขี้ขลาดขนาดนี้ เป็นญาติกับคนอย่างแก ฉันยังอาย!”รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา

“แก…..แกนี่มันไอ้เด็กเปรต กล้ามาสั่งสอนฉัน ฉันเป็นนายใหญ่ของตระกูลนิธิวรสกุล แกก็เพียงแค่หลานชายของเศษสวะ…..”กาจพลรู้ว่ารพีพงษ์ไม่มีทางให้โอกาสเขา ดังนั้นจึงด่าไปตรงๆ

“คำพูดนี้แกเก็บไว้ไปพูดกับพญายมแล้วกัน ผ่านวันนี้ไป บนโลกใบนี้ ก็จะไม่มีตระกูลนิธิวรสกุลอีกแล้ว!”

รพีพงษ์ไม่พูดจาไร้สาระต่อไป หักคอของกาจพลทันที จากนั้นก็ลากศพของกาจพล และมองไปที่ผู้คนของตระกูลนิธิวรสกุล

ในขณะนี้ เขาเป็นเทพมรณะที่ออกมาจากนรก

คนเหล่านั้นที่มีตราบาปติดตัว จะถูกฆ่าด้วยเงื้อมมือของเขาเอง

“ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้ว ทุกคนรีบหนี!”ในเวลานี้มีคนตะโกน จากนั้น ผู้คนในตระกูลนิธิวรสกุลก็วิ่งหนีกระจัดกระจาย

รพีพงษ์ยกศพของกาจพลขึ้นมา และกระแทกใส่ไปที่บนตัวคนเหล่านั้น

คนธรรมดาเหล่านี้ อยู่ตรงหน้ายอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ต่อให้หนี จะหนีไปได้ไกลแค่ไหน?

มีเงาปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชน เสียงกรีดร้องดังไปทั่วบริเวณชานเมือง

ในวันนี้ รพีพงษ์ทำการฆ่าครั้งใหญ่ ผู้คนของตระกูลนิธิวรสกุล เหมือนลูกแกะที่ถูกเชือด ล้มลงด้วยเงื้อมมือของรพีพงษ์

ต่อให้ถูกปรมาจารย์เน่ยจิ้งเพ่งเล็งแล้วยังไงล่ะ กาจพลทำถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ารพีพงษ์ยังไม่ลงมือ ต่อให้มีความแข็งแกร่งของทะลวงฟ้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร?

ศรัณย์ล้มลงบนพื้น มองไปที่รพีพงษ์ที่แปลงร่างเป็นชูร่านรก และถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจของเขารู้ดี ความผิดที่รพีพงษ์ได้กระทำนั้น ไม่สามารถย้อนกลับได้

ชาลิสาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงกังวลมาก เมื่อเห็นรพีพงษ์ฆ่าคนของตระกูลนิธิวรสกุล แม้ว่าหล่อนอยากจะห้าม แต่ไม่สามารถพูดได้ ท้ายที่สุดแล้วในใจของหล่อน คนของตระกูลนิธิสนสกุลก็สมควรตายจริงๆ แต่หล่อนก็กังวลรพีพงษ์จะตกเป็นเป้าเพ่งเล็งของปรมาจารย์เน่ยจิ้งเนื่องจากเหตุการณ์นี้

ครั้งนี้รพีพงษ์ฆ่าคนไปจำนวนมากมายขนาดนี้ ยังไม่แน่ว่าจะเจอกับบทลงโทษแบบไหน

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อคนของตระกูลนิธิวรสกุลทุกคนล้มลงกับพื้น รพีพงษ์ถึงค่อยๆวางมือลงอย่างช้าๆ หายใจหอบไม่หยุด

เขามองไปที่เลือดบนมือของตัวเอง ยื่นมือไปฉีกเสื้อผ้าของคนคนหนึ่งออกได้อย่างง่ายดาย เช็ดมือ และเดินไปหาชาลิสา

“พวกเราไปกันเถอะ”รพีพงษ์เอ่ยปาก

ชาลิสามีความคิดมากมายในใจ อยากจะพูดอะไรมากมายกับรพีพงษ์ แต่ในที่สุดก็เพียงแค่พยักหน้าให้รพีพงษ์ จากนั้นก็เดินไปที่รถพร้อมกับเขา

ไม่มีใครคาดคิดว่า ตระกูลนิธิวรสกุลที่เจริญรุ่งเรือง ก็จบลงในประวัติศาสตร์ด้วยวิธีการแบบนี้

ผู้คนของตระกูลนิธิวรสกุลที่เดินทางมาที่ชานเมืองพร้อมกับกาจพล ที่รอดชีวิตมา ไม่เกินนิ้วมือข้างหนึ่ง คนระดับสูงของตระกูลนี้ถูกฆ่าไปแล้วเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ตระกูลนิธิวรสกุลก็จะพังพินาศไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากกลับมา รพีพงษ์อาบน้ำก่อน และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ จากนั้นเขาก็โทรวิดีโอคอลหาอารียาก่อน โดยบอกว่าเขาอาจจะเจอกับปัญหา อาจกลับไปที่งานเลี้ยงครบร้อยวันของขวัญนลินไม่ทัน

ครั้งนี้อารียาไม่ได้ตำหนิรพีพงษ์ แต่ถามเขาด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงว่ามันร้ายแรงหรือเปล่า รพีพงษ์บอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาจัดการได้ เพียงแค่มีเวลา ก็จะโทรวิดีโอคอลหาอารียา ให้เธอไปมาต้องเป็นห่วง

หลังจากนั้นเขาก็โทรหานนทภู บอกเรื่องที่ตระกูลนิธิวรสกุลถูกทำลายให้กับนนทภู

หลังจากที่นนทภูทราบข่าวนี้ ก็ตกใจเป็นธรรมดา แม้ว่าจะดีใจ แต่ความแค้นระหว่างพวกเขาและตระกูลนิธิวรสกุลมานานหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็สิ้นสุดลง

รพีพงษ์ไม่ได้บอกนนทภูเรื่องที่ตัวเองฆ่าคนต่อหน้าหัวหน้าทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ท้ายที่สุดพูดออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เขารู้ว่าทีมของปรมาจารย์เน่ยจิ้งคงจะมาหาเขาถึงที่แน่ เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะลงโทษตัวเองอย่างไร แต่ตราบใดที่ชีวิตมีอันตราย เขาไม่มีทางนั่งรอความตาย

ตราบใดไม่มีปรมาจารย์มาจับตัวเขา เขาก็มีความมั่นใจมากพอที่จะหลบหนี

กฎของปรมาจารย์เน่ยจิ้ง สามารถควบคุมยอดฝีมือเน่ยจิ้งได้อย่างแท้จริง แต่ไม่สามารถควบคุมปรมาจารย์ได้

หากพวกเขาต้องการที่จะตัวเองมีโทษถึงขั้นตาย งั้นรพีพงษ์ก็จะซ่อนตัว จนกว่าจะกลายเป็นปรมาจารย์

หลังจากโทรศัพท์เสร็จแล้ว รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ นึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนหุนหันพลันแล่นไปบ้างก็จริง

แต่เขามาที่นี่ ก็เพื่อแก้แค้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ล้างแค้นตระกูลนิธิสนสกุล ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ

เขาไปหาชาลิสา ขอให้ชาลิสาช่วยหาวิธีขุดกระดูกของวรรณิตออกมาจากข้างห้องน้ำนั้น แล้วส่งกลับประเทศจีน ฝังไว้ที่สุสานฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลลัดดาวัลย์

ชาลิสาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถามอย่างเป็นห่วงว่า: “ปรมาจารย์เน่ยจิ้งไม่มีทางปล่อยนายไปแน่ นายจะทำอย่างไร?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “การรับมือกับปัญหาย่อมมีมากกว่าตัวปัญหาเอง รอพวกเขามาค่อยว่ากันอีกที ถามดูว่าพวกเขาต้องการลงโทษฉันอย่างไร ถ้าหากต้องการให้ฉันตาย ฉันจะหลบหนีไป ตามความแข็งแกร่งของศรัณย์คนนั้นมากล่าว ทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งของไชน่าทาวน์ในอเมริกา ยังขวางฉันไว้ไม่ได้”

เมื่อชาลิสาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ไม่รู้ว่าควรจะชมเขาว่าเก่งกาจหรือควรโทษเขาดี กล้าพูดแบบนี้ บนโลกนี้คงจะมีอยู่ไม่กี่คน

ในตอนเย็น รพีพงษ์และชาลิสากำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก รพีพงษ์ถือหนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นแล้วอ่าน ชาลิสากระสับกระส่ายเล็กน้อย ยืนขึ้นเป็นครั้งคราว มองไปทางประตูแวบเดียว แล้วนั่งลง

ในเวลานี้โศศุจกลับมาจากข้างนอก เห็นท่าทางของชาลิสา เอ่ยปากถามว่า: “ลูกสาว แกเป็นอะไรอีก? ดูเหมือนท่าทางของแกจะกังวลมาก”

“พ่อ วันนี้……”ชาลิสากำลังจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างฉับพลัน และจากนั้น ร่างเจ็ดร่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู

สีหน้าของชาลิสาเปลี่ยนไป รู้ว่าคนของทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งมาแล้ว

โศศุจหันหน้ามองไปข้างนอก หลังจากเห็นร่างทั้งเจ็ดแล้ว ดวงตาก็เบิกกว้าง

ในฐานะประธานของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน เขารู้ดีว่าสมาชิกทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งของไชน่าทาวน์ในอเมริกาเป็นใคร

เขาจ้องมองคนทั้งเข็ดอย่างระมัดระวัง ยืนยันในใจหลายครั้ง จากนั้นพึมพำว่า: “สมาชิกทั้งหมดของทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งออกปฏิบัติการ นี่….นี่เกิดเรื่องใหญ่อะไรที่ทำให้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเหรอ?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท