พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่709 เข้าคุก

บทที่709 เข้าคุก

บทที่709 เข้าคุก

เมื่อศรัณย์เห็นว่าชายชราไม่เชื่อ ก็ถอนหายใจอย่างจนใจ หยิบเอกสารกองหนึ่งออกมาจากเสื้อผ้า ด้านในมีรายงานเกี่ยวกับระหว่างที่รพีพงษ์อยู่ในอเมริกา และเอกสารอนุมัติที่ส่งมาจากประเทศจีน

“ท่านโกรพ คุณอย่าได้เป็นเพราะเขาอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่า ก็ดูถูกเขา เด็กคนนี้ แข็งแกร่งมาก”

ชายชรามีนามว่าท่านโกรพ เป็นคนเฝ้าประตูของคุกที่ห้า เขามีความแข็งแกร่งยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลางที่สมน้ำสมเนื้อท่านหนึ่ง เมื่อก่อนก็เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าของทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งมาก่อน

หลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของศรัณย์ ก็เบะปากทันที แล้วพูดว่า: “คนแก่อย่างฉันมีผู้แข็งแกร่งใดบ้างที่ยังไม่เคยเจอ ผู้ที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ก็ผ่านเวลาศีลล้างบาปมาแล้วทั้งนั้น เช่นเดียวกับเด็กอย่างเขาที่อายุเพียงยี่สิบกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีความแข็งแกร่งขนาดนี้”

“เขาสามารถถูกพวกนายจัดให้เป็นบุคคลอันตรายระดับsได้ คาดว่าน่าจะมีความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งชั้นต้น จากอายุของเขามาพูด ถือได้ว่ามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ผู้คนที่ถูกส่งมาให้ฉันในหลายปีที่ผ่านมา ใครบ้างที่ไม่ใช่ความสามารถที่ยอดเยี่ยม”

“ที่สำคัญพูดความจริงกับพวกนายเลย อายุเช่นเดียวกันกับเขา มีความสามารถอยู่บ้าง แต่ในความเป็นจริงไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย ตายได้อย่างง่ายดาย บางคนเข้าไปไม่ถึงสองวันก็เสียชีวิตแล้ว เรื่องแบบนี้ฉันเห็นมามากมาย”

ปกติโกรพไม่มีคนพูดคุยด้วย ดังนั้นจึงพูดมากเมื่อเห็นคนพูดคุยด้วย หลังจากได้รับเอกสารที่ศรัณย์ส่งมาก็ไม่ได้อ่านมัน แต่ยังคงพูดต่อไปไม่หยุด

ศรัณย์และคนอื่นๆต่างก็ฟังโกรพพูด ไม่มีใครขัดจังหวะเขา เพียงแต่ตอนนี้ผลบุญอยากจะหัวเราะเล็กน้อย เพราะความรู้สึกแบบนี้ของโกรพในตอนนี้ เหมือนกับตอนแรกที่เขาเจอรพีพงษ์มาก เขารู้เพียงว่า ก็เป็นเพราะเขาดูถูกรพีพงษ์แบบนี้ ถึงทำให้ต่อมาเขาถูกรพีพงษ์เอาคืนครั้งแล้วครั้งเล่า เขามักจะเจ็บมากกว่าคนอื่นๆ

โกรพสังเกตเห็นผลบุญที่กลั้นหัวเราะ ก็เขม็งตาใส่เขาทันที แล้วพูดว่า: “เด็กนี่หัวเราะอะไร หรือว่าฉันพูดไม่ถูกเหรอ? ดูท่าทางนายที่ไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน จะบอกนายให้ ฉันเฝ้าประตูอยู่ที่นี่ พบเจอผู้ชำนาญมามากมาย คนที่พวกนายพามา ยิ่งไม่อยู่ในอันดับเลย”

“ท่านโกรพพูดถูก แต่ผมก็ยังคงแนะนำให้คุณอ่านรายงานการสอบสวนของรพีพงษ์ก่อน”ผลบุญเอ่ยปาก

โกรพถึงได้ก้มหัวจ้องมองรายงานการสอบสวนของรพีพงษ์ขึ้นมา ตอนที่เขาเห็นว่าความแข็งแกร่งของรพีพงษ์บรรลุถึงเน่ยจิ้งขันกลางแล้ว ก็อุทานออกมาทันที: “อะไรนะ! ความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้บรรลุถึงเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้วเหรอ? นี่เป็นไปไม่ได้ ทั้งที่เขาอายุเพิ่งจะยี่สิบกว่า หรือว่าแค่ดูไปแล้วจะดูเด็กเหรอ?”

“ท่านโกรพ เขาอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าจริงๆ เรื่องนี้คุณไม่ต้องสงสัย”ศรัณย์เอ่ยปาก

โกรพเหลือบมองไปที่ศรัณย์ แล้วมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองรายงานการสอบสวนขึ้นมา

หลังจากที่เห็นว่ารพีพงษ์ฆ่าศิษย์ของปรมาจารย์ชินาธิป โกรพก็อดเงยหน้าขึ้นอีกครั้งไม่ได้ และจ้องไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง

“เป็นไปไม่ได้ เด็กคนนี้ ฆ่าศิษย์ของปรมาจารย์เหรอ?”

ในสุดท้ายที่สุด เห็นว่ารพีพงษ์เพิกเฉยต่อการห้ามปรามของศรัณย์ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็ฆ่าทุกคนในตระกูลนิธิวรสกุล โกรพถอนหายใจแล้วส่ายหัว พูดว่า: “เด็กโง่ นายนี่มันโง่จริงๆ ความสามารถนายยอดเยี่ยมขนาดนี้ กลับทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ออกมาได้ นี่มันเป็นการทำลายอนาคตตัวเองโดยสิ้นเชิง!”

เมื่อเทียบกับท่าทีดูถูกเหยียดหยามก่อนหน้านี้ ตอนนี้โกรพถือว่ารพีพงษ์เป็นสัตว์หายากโดยสิ้นเชิง หลายปีมานี้ที่เขาเฝ้าประตู นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมีคนที่อายุยี่สิบปีกว่าสามารถบรรลุความแข็งแกร่งถึงเน่ยจิ้งขั้นกลาง

รพีพงษ์ทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ

“ท่านโกรพ ไม่รู้ว่าตอนนี้สามารถเปิดประตูให้เขาเข้าไปได้หรือยัง?”ศรัณย์เอ่ยถามหนึ่งประโยค

โกรพพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ตามฉันมาเถอะ”

หลายคนเดินไปที่ประตูเหล็กด้วยกัน โกรพหยิบกระดาษที่ยับยู่ยี่ออกมาจากเสื้อผ้าของตัวเอง ยื่นให้รพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “ไอ้น้อง ในนี้เป็นกฎของคุกที่ห้า นายอ่านดู นายเพียงต้องจำแค่ว่า อย่าพยายามปีนข้ามกำแพงออกมาก็พอ อย่างอื่นนายอยากทำอะไรก็ทำได้ ข้างในไม่มีใครเป็นพวกเรื่องเยอะ ทางที่ดีนายควรจะทำตัวให้ฉลาดหน่อย ฆ่าได้ก็ฆ่า ถ้าหากนายไม่ฆ่าพวกเขา พวกเขาก็จะฆ่านาย ข้างในนี้ปฏิบัติตาม ก็คือผู้แข็งที่สุดถึงจะอยู่รอด”

“ขอบคุณ”รพีพงษ์เอ่ยปาก

“ขอบคุณอะไร นี่ถือว่าฉันกำชับนายไปไม่กี่ประโยคเอง นายอาจไม่สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้ อย่าคิดว่านายเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว เข้าไปแล้วก็จะไม่มีอันตราย ต่อให้เป็นเน่ยจิ้งขั้นต้น ก็มีแบ่งออกเป็นแข็งแกร่งและอ่อนแอ เน่ยจิ้งขั้นกลางด้านใน มีจำนวนไม่น้อย ที่สำคัญในนั้นมีพวกจิตวิปริตเป็นอย่างมากอยู่ไม่น้อย นายก็ควรจะระวังไว้บ้าง”โกรพพูดไม่หยุด

รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้สึกว่าชายชราคนนี้อาจเป็นเพราะเฝ้าประตูแล้วเหงาเกินไป ดังนั้นเมื่อมีคนมาคนหนึ่งก็จะคุยกันไม่หยุด

ในไม่ช้า กลุ่มคนก็มาถึงด้านหน้าประตูเหล็ก โกรพเดินไปด้านข้าง ป้อนรหัสผ่าน หลังจากกดปุ่ม ประตูเหล็กทั้งสองก็ค่อยๆเปิดออก

ด้านหลังประตูเป็นอุโมงค์ยาว จนผ่านไปถึงร้อยเมตร จึงจะเห็นแสงสว่างหลังอุโมงค์ คาดว่าการออกแบบนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนฉวยโอกาสหลบหนีเมื่อประตูถูกเปิดออก

ถ้าหากเดาไม่ผิด มีกลไกบางอย่างในอุโมงค์นี้เพื่อป้องกันการหลบหนี ไม่อย่างนั้นด้วยความว่องไวของยอดฝีมือเน่ยจิ้ง ตอนที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ทะลุผ่านอุโมงค์ยาวหนึ่งร้อยเมตร หลบหนีออกไป ไม่ใช่เรื่องยาก

“เอาล่ะ เข้าไปเถอะ จำไว้ อยู่ด้านในต้องระวังคนที่ชื่อจรัส คนคนนั้นมันบ้า ทางที่ดีควรวิ่งหนีเมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไม่อย่างนั้นนายก็จะโชคร้าย”โกรพกำชับอีกครั้ง

ศรัณย์และคนอื่นๆต่างก็จ้องมองรพีพงษ์ จากนั้นศรัณย์เอ่ยปากว่า: “ขอให้นายโชคดี”

รพีพงษ์พยักหน้า ไม่ลังเลอีกต่อไป เดินตรงเข้าไปในอุโมงค์

แม้ว่าจะรู้ว่าตัวเองเข้าไปแล้ว อยากจะออกมานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่รพีพงษ์ก็ไม่ได้มีความลังเลมากเกินไป ท้ายที่สุดแม้ว่าจะหาวิธีหลุดพ้นจากการติดคุกได้ เขาก็ยังต้องเผชิญการไล่ล่าของเซียนปรมาจารย์

ในคุกที่ห้าแห่งนี้ ตรงกันข้ามกันกลับให้โอกาสที่ดีแก่เขา ที่สำคัญยอดฝีมือก็รวมตัวกันที่นี่ เขาสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเพิ่มอานุภาพความแข็งแกร่งของตัวเองผ่านการต่อสู้ได้

สิ่งเดียวที่รพีพงษ์ไม่สบายใจ ก็คือเขาไม่สามารถรีบกลับไปให้ทันงานฉลองครบร้อยวันของลูกสาวได้

แต่ว่าครั้งนี้เขานำโทรศัพท์มือถือมาด้วย ยังซื้อแบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ด้วย ตอนนั้นเขาก็ลองใช้แล้ว ที่นี่มีสัญญาณ เนื่องจากคนที่ทำงานที่นี่ก็ต้องใช้โทรศัพท์ด้วยเช่นกัน

ตราบใดที่ตัวเองยังคงโทรวิดีโอคอลล์หาอารียาเสมอ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ถึงเวลานั้นค่อยจะหาข้ออ้างบอกว่าตัวเองถูกบังคับให้มาอยู่ในถิ่นทุรกันดารเพื่อเอาชีวิตรอด และยังสามารถถ่ายทอดสดชีวิตของตัวเองให้อารียาได้

หลังจากที่รพีพงษ์เข้าไปในอุโมงค์ ประตูเหล็กก็ปิดลงอีกครั้ง หลังจากที่โกรพส่งศรัณย์และคนอื่นๆออกไป ก็รีบเดินไปที่อาคารใหญ่อย่างรวดเร็ว มาถึงที่ประตูสำนักงาน ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป โดยข้างในมีชายชราอีกสองคนนั่งอยู่

“เร็วๆๆ มีคนใหม่มาแล้ว คราวนี้ที่มาเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่า แต่ฉันคิดว่าเขามีศักยภาพที่ดี ฉันพนันได้เลยว่าเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่าสิบวัน”โกรพกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อะไรนะ ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าเหรอ? ท่านโกรพ ท่านโง่หรือเปล่า คนอายุยี่สิบกว่ามาที่นี่ มีชีวิตอยู่รอดได้ถึงห้าวันยังน้อยเลย ฉันพนันสามวัน”

“ฉันพนันสองวัน ช่วงนี้ด้านในกำลังเล่นพรรคเล่นพวก เด็กคนนี้เข้าไปอาจจะไม่ได้เผชิญกับแค่คนคนเดียว แต่เป็นกลุ่ม แล้วเขายังเด็กมาก คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแน่นอน”

ใบหน้าของโกรพแสดงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา เพื่อที่จะเอาชนะพนันเงินของชายชราทั้งสองคนนี้ เขาตั้งใจจะไม่บอกว่าเรื่องที่รพีพงษ์มีความแข็งแกร่งเน่ยจิ้งขั้นกลางออกไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท