พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่722 เชิญพระจันทร์

บทที่722 เชิญพระจันทร์

บทที่722 เชิญพระจันทร์

หลังจากที่จรัสได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ใบหน้าก็แสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ เน้นย้ำกับรพีพงษ์อีกครั้ง: “ความแข็งแกร่งของฉัน บรรลุถึงแดนเครึ่งปรมาจารย์แล้ว ไม่ว่าเน่ยจิ้งขั้นกลางจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน นายแน่ใจว่าจะต่อสู้กับฉันเหรอ?”

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างจริงจัง และกล่าวว่า: “ในอันดับคนโหดเหี้ยมนอกจากนายแล้ว ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของฉันแล้ว ที่สำคัญฉันอยากจะสัมผัสดูว่าตกลงว่าแดนเครึ่งปรมาจารย์มีพลังแบบไหน ส่วนฉันจะสู้นายได้หรือไม่ได้ นายก็ไม่ต้องกังวล”

จรัสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใช้เวลาอยู่นานจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น และพูดว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ รับปากนายก็ไม่เป็นไร ฉวยโอกาสตอนที่ฉันยังสามารถต่อต้านเขาได้ บางทีในช่วงเวลาที่ฉุกเฉิน ฉันอาจสามารถขัดขวางเขาไม่ให้ฆ่านายได้ แน่นอนว่า ถ้าหากนายสามารถฆ่าเขาได้ นั่นก็จะดีมาก”

เมื่อเห็นจรัสรับปาก รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล รีบเดินไปที่ริมหน้าผาที่เคยไปเมื่อคืน ปีนขึ้นไปเอากุญแจที่วางไว้บนนั้นลงมา

หลังจากกลับมา รพีพงษ์ได้ปลดโซ่เหล็กออกจากบนตัวของจรัส

หลังจากที่ไอ้อ้วนและคนอื่นๆเห็นฉากนี้ ต่างก็หวาดกลัว อย่างที่ทุกคนรู้ จรัสที่มีโซ่เหล็กอยู่บนร่างกาย อยู่ในคุกที่ห้า แค่ได้ยินชื่อก็ทำให้คนหวาดกลัวอยู่แล้ว ตอนนี้รพีพงษ์ได้ปลดโซ่เหล็กบนตัวเขาออก นี่เท่ากับว่าเป็นการปลดปล่อยสัตว์ที่ดุร้ายออกมา

“อย่าได้กังวลไป ฉันแค่ประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกันกับเขาเท่านั้นเอง”รพีพงษ์ยิ้มและพูดกับไออ้วนพวกเขา

ทุกคนไม่เห็นด้วยกับคำว่า“ประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน”ของรพีพงษ์เลย การประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกันในระดับแบบนี้ มีผลกระทบอยู่บ้าง มันสามารถคร่าชีวิตพวกเขาได้

ที่สำคัญมีคนไม่น้อยคิดว่ารพีพงษ์ไม่สามารถเอาชนะจรัสที่ปลดโซ่เหล็กออกได้ ต่างก็มีความคิดที่จะเก็บข้าวของและเตรียมตัวจากไปได้ทุกเมื่อ

อาคารใหญ่คุก ในห้องตรวจตรา

“รพีพงษ์ปลดโซ่เหล็กบนร่างกายของจรัสออก เขาต้องการจะทำอะไร?”

“ดูท่าทาง ทั้งสองคนต้องการจะต่อสู้กัน”

“รพีพงษ์บ้าไปแล้วหรือเปล่า ตามคำบอกเล่าของผู้คุมความแข็งแกร่งของจรัสบรรลุถึงแดนเครึ่งปรมาจารย์แล้ว นั่นคือเหลือเพียงอีกครึ่งก้าวเท่านั้น ก็จะสามารถเข้าสู่ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าช่วงนี้เขาจะเอาชนะยอดฝีมือทุกคนของอันดับคนโหดเหี้ยมได้ แต่ว่ากับแดนเครึ่งปรมาจารย์ น่าจะสู้ไม่ได้”

“รีบไปบอกเรื่องนี้กับผู้คุม การประชุมครั้งก่อน ผู้คุมแสดงความสนใจอยากจะส่งเสริมรพีพงษ์ ถ้าหากว่าเขาถูกจรัสฆ่าตาย ปัญหาก็จะใหญ่ขึ้นมาก”

……

เขาอารี บนพื้นที่ว่างเปล่า

รพีพงษ์และจรัสทั้งสองคนยืนอยู่ตรงข้ามกัน ในเวลานี้จรัสได้ถอดโซ่เหล็กที่เป็นภาระหนักออกแล้ว แม้ว่าคนทั้งคนจะดูเลอะเทอะมอมแมม แต่กลับรู้สึกถึงความมีรัศมีที่อมตะ

ไออ้วนและคนอื่นๆยืนห่างออกไปหลายสิบเมตร เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบหากเข้าใกล้มากเกินไป

“นายแน่ใจว่าจะต่อสู้กับตัวฉันอีกคนเหรอ?”จรัสเอามือไพล่ไว้ที่หลัง จ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างหนักแน่นจริงจัง

“แน่ใจ รบกวนเรียกเขาออกมาทีเถอะ ต่อสู้กับเขา ฉันสามารถใช้พลังที่มีทั้งหมด ถ้ากับนาย ฉันอาจจะออมมือ แบบนี้ก็ไม่มีความหมาย”รพีพงษ์ตอบกลับ

จรัสพยักหน้า ไม่ได้พูดจาไร้สาระต่อไป ยังคงยืมอยู่ที่เดิม ผ่านไปไม่กี่วินาที นิสัยใจคอของคนทั้งคนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

เสียงหัวเราะระเบิดดังขึ้น และรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ“จรัส” ในแววตาระเบิดความชั่วร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดออกมา

ไออ้วนพวกเขาที่อยู่ห่างออกไปต่างก็ตกใจกับเสียงหัวเราะ จรัสที่สุภาพเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ก็กลายเป็นคนบ้าไปในพริบตาเดียว แน่นอนว่าทำให้คนคาดการณ์ไม่ได้

“ตอนแรกนายหนีไปได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะไขเหล็กปลดล็อกออก เด็กน้อย หรือว่านายไม่รู้ว่าความตายสองคำนี้มันเขียนอย่างไร?”“จรัส”พูดพร้อมกับแสยะยิ้ม

รพีพงษ์เบะปาก แล้วพูดว่า: “บางทีนายควรคิดว่าวันนี้จะตายอยู่ในเงื้อมมือของฉันหรือเปล่า”

“จรัส”ยิ้มเยาะเย้ย และพูดว่า: “ฝันไปเถอะ! นายเป็นคนรนหาที่ตายเอง งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ!”

ทันทีที่เสียงนั้นลดลง “จรัส”พุ่งเข้าหารพีพงษ์อย่างรวดเร็ว ด้วยระดับความเร็วที่รวดเร็ว เหลือเงาทิ้งไว้ที่ด้านหลังเขา ทำให้ไออ้วนพวกเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปมองดูจนตาลาย

รพีพงษ์รู้สึกถึงการกดขี่จากบนตัวของ“จรัส”ในทันที แม้ว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ตอนนี้ของเขาจะไม่ธรรมดา แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งก็คือเน่ยจิ้งขั้นกลาง “จรัส”ผู้ที่อยู่ในแดนเครึ่งปรมาจารย์ข่มเขาไว้ได้อย่างราบคาบในด้านของพลังอานุภาพ

“จรัส”ชกหมัดไปที่บนตัวรพีพงษ์ รพีพงษ์ไม่ได้หลบ แต่เลือกที่จะเผชิญหน้ากับเขา สองหมัดปะทะเข้าหากัน ร่างของรพีพงษ์ถอยไปด้านหลังทันที ถอยห่างออกไปเกือบสิบเมตร พลังหมัดของ“จรัส”ถึงได้หมดฤทธิ์ลงมา

“ความอดทนเพียงแค่นี้ ก็อยากจะมาประลองฝีมือแลกประสบการณ์กันและกันกับฉัน นายควรจะฝึกต่อไปอีกสักไม่กี่ปี น่าเสียดาย นายไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว”“จรัส”พูดเยาะเย้ย

รพีพงษ์ส่งเสียงเย็นชา หมัดเมื่อกี้นี้เพื่อที่เขาจะสัมผัสถึงพลังของแดนเครึ่งปรมาจารย์ เลยไม่ได้ใช้พลังวิเศษเสน อาศัยเน่ยจิ้งเพียงอย่างเดียวในการรับมือ

พลังของแดนเครึ่งปรมาจารย์เหนือจินตนาการของเขาอย่างแท้จริง แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ต่อจากนี้ไป รพีพงษ์ก็จะทำให้“จรัส”สัมผัสถึงพลังของพลังวิเศษเสน

เขาใช้แรงที่ใต้เท้า บนพื้นมีหลุมลึกจากการถูกเหยียบย่ำ ต่อจากนั้นก็ระเบิดพุ่งไปทาง“จรัส” “จรัส”หรี่ตาลง รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของรพีพงษ์ ในแววตาปรากฏความตื่นเต้นออกมา

“น่าสนใจดี ไม่แปลกใจเลยที่กล้ามาหาฉันเพื่อประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน ดูเหมือนว่าจะมีตัวช่วย”

“จรัส”ยิ้มเล็กน้อย ยังคงไม่เอารพีพงษ์ไว้ในสายตา ครั้งนี้รพีพงษ์หลอมรวมเน่ยจิ้งกับพลังวิเศษเสนเข้าด้วยกัน ชกจรัสไปด้วยหมัดหนักๆหนึ่งหมัด หลังจากที่จรัสรับมือไว้ได้ ร่างกายก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว ขมวดคิ้วทันที แล้วพูดว่า: “ทำไมพลังของนายถึงแข็งแกร่งกว่าเมื่อกี้นี้มากเลยล่ะ?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เอาชนะฉันได้ ก็จะบอกนายเอง”

ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด และบนพื้นบริเวณที่ต่อสู้ มีหลุมลึกอีกปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ และรอยแตกบนพื้นก็กระจายออกไปทั่วเหมือนใยแมงมุม

หลังจากต่อสู้หลายสิบกระบวนท่า รพีพงษ์หรี่ตาลง โดยไม่ลังเล พลังวิเศษเสนและเน่ยจิ้งในร่างกายสั่นสะเทือน ต่อจากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไปด้วยอานุภาพที่ไม่มีใครเทียบได้

“ฝ่ามือดาวฟ้า!”

“จรัส”รู้สึกถึงพลังฝ่ามือของรพีพงษ์ สีหน้าเปลี่ยนไป รีบก็ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพื่อต้านทานอย่างรวดเร็ว

ในพริบตาเดียว จรัสก็ก้าวถอยหลังออกไป และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

“ไอ้เหี้ย ฉันถูกเด็กน้อยที่เป็นแค่เน่ยจิ้งขั้นกลางอย่างแกทำให้บาดเจ็บ แกทำให้ฉันโกรธมาก ตอนนี้จะเอาจริงกับแกแล้ว ทางที่ดีแกควรจะอธิษฐานให้มีชีวิตรอดจากการรับมือกับในหนึ่งท่วงท่านี้ของฉันให้ได้!”

“จรัส”จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างเคร่งขรึม ต่อจากนั้น กระแสลมรอบตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือน ต้นไม้รอบๆเริ่มส่งเสียงกรอบแกรบ และสีของท้องฟ้าดูเหมือนจะสลัวลงเล็กน้อยเนื่องจากเหตุนี้

เมื่อรพีพงษ์มองไปที่ฉากนี้ ก็แอบประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าแดนครึ่งปรมาจารย์ จะสามารถมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ด้วยพลังของตัวของตัวเอง ฝีมือแบบนี้ เน่ยจิ้งขั้นกลางเทียบไม่ได้จริงๆ

“เด็กน้อย ถ้าแกสามารถรอดพ้นจากท่วงท่านี้ได้ งั้นชีวิตต่อจากนี้ของนาย ก็จะมีสิ่งที่พูดโอ้อวดได้!”

“จรัส”ตะโกน จากนั้นก็กระโดดขึ้น พร้อมกับหมัดที่สะสมพลัง กระแทกลงไปที่บนตัวของรพีพงษ์ด้วยความเร็วที่สายไม่สามารถประมาณได้

“ค้อนกระแทกฟ้า!”

รพีพงษ์ไม่กล้าที่จะชักช้าแม้แต่น้อย ในเวลานี้ ท่วงท่าธรรมดาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของ“จรัส”ได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หลอมรวมพลังวิเศษเสนและเน่ยจิ้งทั้งหมดในร่างกายเข้าไปไว้ที่กลางฝ่ามือ

หลังจากนั้นก็กำหมัดแน่นเพื่อเพิ่มอานุภาพพลัง ก่อนที่“จรัส”จะกระแทกมาบนร่างกายตัวเอง ฟาดฝ่ามือขึ้นไปในกลางอากาศ

ฝ่ามือนี้ไม่ใช่ฝ่ามือดาวฟ้า แต่เป็นท่วงท่าที่สองของในกลยุทธ์สามท่านั้น

“เชิญพระจันทร์!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท