พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่738 ไม่ใช่ธุระอะไรของผม

บทที่738 ไม่ใช่ธุระอะไรของผม

บทที่738 ไม่ใช่ธุระอะไรของผม

คนของสี่ตระกูลใหญ่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ล้วนสิ้นหวัง เพียงแค่คนที่ลงมือไม่ใช่รพีพงษ์ ปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็จะไม่มีทางเข้ามายุ่งได้จริงๆ

ตอนนี้ทามันเพิ่งจะรับรู้ว่าสี่ตระกูลใหญ่กำลังเจออยู่กับสถานการณ์แบบไหน เหงื่อไหลหยดย้อย ปากสั่น

นายใหญ่อีกสามคนที่เหลือก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเลย ขณะนี้ล้วนตัวสั่น ขาสองข้างสั่นรัวๆ แต่ก็เพราะนักฆ่าที่อยู่ข้างๆจึงไม่กล้าขยับอะไรมาก

“ร……รพีพงษ์ พวกเราผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสพวกเราด้วย หากแกให้โอกาสพวกเรา พวกเราสี่ตระกูลใหญ่สามารถเอาทุกอย่างไว้ในชื่อแก ต่อจากนี้ไปคอนเน็คชั่นของสี่ตระกูลใหญ่ แกเป็นคนดูแล เพียงแค่ไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถิด” ทามันกล่าว

“ใช่ เพียงแค่คุณปล่อยพวกเราไป อยากได้อะไรว่ามา” นายใหญ่ที่เหลืออีกสามคนก็กล่าวต่อ

รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ขอโทษนะ คอนเน็คชั่นเล็กๆของพวกคุณ ไม่อยู่ในสายตาผม ความผิดยางอย่าง ไม่ใช่แค่ขออภัยแล้วจะได้”

ทุกคนใจเต้นรัวๆ คำพูดของรพีพงษ์ ราวกับประกาศประหารชีวิตของเขาโดยตรง

พวกคทาวุธล้วนเข้าใจ ว่าถ้ารพีพงษ์ไม่พูดออกมา เกรงว่าคืนนี้พวกเขา จะต้องไปหายมบาลแล้วล่ะ

“รพีพงษ์ ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ พวกเราผิดไปแล้ว ตอนบ่ายพวกเราไม่ควรยโสโอหังต่อหน้าคุณ ขอคุณได้โปรดใจกว้าง เพียงแค่ให้พวกเราได้มีชีวิตต่อไป ไม่ว่าจะให้พวกเราทำอะไรพวกเราก็ยอมทั้งนั้น” ขณะนี้คทาวุธไม่มีท่าทางของคุณชายอีกต่อไป จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว จะสนเรื่องเกียรติยศและศักดิ์ศรีอีกทำไม

“รพีพงษ์ ฉันมันอัปลักษณ์ ฉันเป็นคนที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก เพียงแค่คุณไว้ชีวิตพวกเรา คุณอยากว่าฉันยังไงก็เชิญ ฉันผิดไปแล้ว” กันติศาขอชีวิต

รพีพงษ์มองเขาทั้งคู่ แล้วยิ้ม กล่าวว่า “ถ้าพวกแกไม่พูด ฉันก็ลืมพวกแกไปแล้วล่ะ ในเมื่อตอนนี้พวกแกทำให้ฉันนึกถึงเรื่องตอนบ่ายขึ้นมา งั้นเรื่องวันนี้ ก็ยิ่งไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วล่ะ”

พูดจบ รพีพงษ์ก็หันหลัง เดินออกไปนอกโรงแรม

คทาวุธและกันติศางง คนของสี่ตระกูลใหญ่มองพวกเขา อยากจะพุ่งเข้าไปตบพวกเขาอย่างแรงๆหลายๆฉาด

ชาลิสาและไอ้อ้วนเห็นรพีพงษ์เดินออกมา ก็รีบตามไป ครองภพไม่ลังเล เรื่องตรงนี้ มอบให้เป็นหน้าที่ของนักฆ่าก็ได้แล้ว เขาในฐานะเน่ยจิ้งขั้นกลาง ต้องออกไปก่อนที่จะลงมือ

สี่คนเพิ่งจะเดินถึงด้านนอกของโรงแรม ก็ได้เจอเข้ากับปรมาจารย์เน่ยจิ้งทั้งเจ็ดคน

ศรัณย์ผู้นำเดินนำหน้า มองไปที่รพีพงษ์อย่างซับซ้อน แล้วหยุดลงอย่างช้าๆ

หลังจากที่รพีพงษ์เห็นศรันย์แล้วนั้น ก็ยิ้ม แล้วกล่าว “ไม่เจอกันนานนะ หัวหน้าศรัณย์”

“ดูๆไปวันนี้พวกเรามองข้ามฝีมือของคุณไป คนที่ออกจากคุกที่ห้าได้สำเร็จคนแรกของประวัติศาสตร์ แล้วแต่ปรมาจารย์ชินาธิปก็ตายด้วยน้ำมือของคุณ ตอนแรกที่ได้รับข่าวนี้ ผมไม่กล้าเชื่อเลย” ศรัณย์กล่าว

“หัวหน้าศรัณย์ก็พูดเกินไป” รพีพงษ์ตอบ

ศรัณย์และสมาชิกปรมาจารย์เน่ยจิ้งที่เหลือล้วนจ้องรพีพงษ์ รพีพงษ์ที่อยู่ด้านหน้า มีฝีมือระดับปรมาจารย์ นี่หมายถึง วัยรุ่นที่อายุเพียงยี่สิบกว่าปีนั้น ก็เป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงได้

จะไม่ให้พวกเขาหมดอาลัยตายอยากได้อย่างไร

โดยเฉพาะผลบุญ ตอนที่เขาเห็นรพีพงษ์ในครั้งแรกนั้น คิดว่ารพีพงษ์เป็นรุ่นน้องที่เพิ่งได้เน่ยจิ้งเท่านั้น จากนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าที่รพีพงษ์ได้ล้างความคิดของเขา

จนกระทั่งได้รับข่าวที่ว่ารพีพงษ์ฆ่าชินาธิป เขาก็ชาไปทั้งตัว สงสัยว่าตัวเองกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน

“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ วันนี้ที่คุณมาที่นี่ ก็เพื่อลงมือต่อคนของสี่ตระกูลใหญ่ รพีพงษ์ ถึงแม้คุณจะมีฝีมือเป็นปรมาจารย์ แต่ผมก็ยังต้องเตือนคุณไว้อย่าง ลงมือฆ่าคนทั่วไป ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ บางทีพวกเราอาจห้ามคุณไม่ได้ แต่ยังไงก็จะต้องมีคนทำให้คุณได้รับการลงโทษ” ศรัณย์กล่าวอย่างเป็นทางการ

รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว “หัวหน้าศรัณย์ก็เกินไป วันนี้ผมมากินข้าว ไม่ได้คิดจะลงมือกับพวกเขา แต่ผมได้ยินมาว่าเพราะการแย่งชิงอำนาจของสี่ตระกูลใหญ่ จึงถูกอีกฝั่งฆ่า นี่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับผมแล้วนะ?”

ศรัณย์ชะงัก ไม่เข้าใจที่รพีพงษ์พูด

ในขณะเดียวกันนี้เอง ในโรงแรมมีเสียงโอดครวญดังขึ้นมา แขกที่สี่ตระกูลใหญ่เชิญมาร่วมงานต่างพากันออกมา ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ศรัณย์ส่งสายตาให้คนที่อยู่ด้านหลัง ทั้งหกรีบพุ่งเข้าไปในโรงแรม

ประมาณห้านาทีให้หลัง ทั้งหกพุ่งออกมา ผลบุญมาข้างๆศรัณย์ แล้วกล่าว “คนที่อยู่ด้านในล้วนเป็นนคนของสี่ตระกูลใหญ่ ถูกฆ่าปาดคอ ไม่มีใครรอด ไม่ใช่ฝีมือของเน่ยจิ้ง น่าจะเป็นฝีมือของนักฆ่า นักฆ่าพวกนั้นเร็วมาก ตอนนี้หาไม่เจอแล้ว”

ศรัณย์ได้ยินผลบุญรายงานแล้วนั้น ก็สูดหายใจลึก มองไปที่นัยนต์ตาของรพีพงษ์ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

รพีพงษ์รีบกล่าวในทันทีว่า “อย่าใช้สายตาแบบนี้มองผมนะ ผมไม่ได้ทำ เมื่อกี๊ผมยืนอยู่หน้าคุณ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พวกคุณอย่าเอาผมไปขังไว้ในคุกที่ห้าอีกนะ”

ศรัณย์ปวดหัว เจอคนแบบนี้ ไม่รู้จะต่อกรยังไงดี

“คุณยังมีศัตรูที่ไหนในไชน่าทาวน์อีกบ้างไหม บอกผมหน่อย ผมกลัวว่าผมจะเป็นโรคหัวใจเพราะคุณ ผมยังอยากใช้ชีวิตอีกนาน” ศรัณย์กล่าว

“สบายใจได้ สี่ตระกูลใหญ่นี่เป็นคนสุดท้ายแล้ว กำจัดพวกมันได้ ผมก็กลับประเทศแล้ว” รพีพงษ์กล่าว

ได้ยินคำพูดนี้ของรพีพงษ์ ปรมาจารย์เน่ยจิ้งทั้งเจ็ดก็ผ่อนคลายลง

ชาลิสาเหลือบมองรพีพงษ์ ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

ข่าวที่สี่ตระกูลใหญ่ถูกล้างบาง ภายในคืนเดียว ได้แพร่ไปทั่วไชน่าทาวน์ รพีพงษ์ชื่อนี้ ได้กลายเป็นหัวข้อในการสนทนาหลังมื้ออาหารของคนทั่วไปอีกครั้ง ตอนแรกไชน่าทาวน์ของอเมริกา มีตระกูลชั้นนำไม่กี่ตระกูล สุดท้ายพอรพีพงษ์มา ตระกูลชั้นนำเหล่านี้ก็ถูกล้างบางไป ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นตระกูลนิธิวรสกุลแล้วสี่ตระกูลใหญ่พังลงกับตา ไม่งั้นไม่มีทางเชื่อได้

เทือกเขากิสนาเพราะการจากไปของสี่ตระกูลใหญ่ ก็ทำให้ไชน่าทาวน์ของอเมริกาเป็นอิสระอีกครั้ง เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน ไชน่าทาวน์ของอเมริกาก็จะมีตระกูลใหม่ที่มีความสามารถโผล่ขึ้นมาอีก

ตอนนี้ รพีพงษ์ได้ล้างแค้นทั้งหมด เขาก็ต้องกลับประเทศจีน ตอนนี้ได้จองวันไว้แล้ว

ในขณะเดียวกันนี้เอง ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต กำลังเผชิญกับวิกฤต

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท