พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่765 วัดเล็กๆ

บทที่765 วัดเล็กๆ

บทที่765 วัดเล็กๆ

อารียาและรพีพงษ์ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าประตูวัด เห็นประตูของวัดปิดสนิท ไม่รู้ด้านในมีคนอยู่หรือไม่

“มีคนอยู่ไหมคะ?” อารียาตะโกนถาม

“ไม่แน่อาจเป็นวัดร้าง ไม่งั้นไกด์ก็ต้องแนะนำที่นี่แล้วสิ คุณดูนะที่นี่เหมือนไม่ค่อยมีคนมาเลย วัดนี้น่าจะไม่มีคน” รพีพงษ์กล่าว

อารียาพยักหน้า รู้สึกว่าที่รพีพงษ์พูดนั้นอาจเป็นไปได้อยู่

แต่เขาเพิ่งพูดจบยังไม่ทันขาดคำ ประตูของวัดเล็กก็ถูกเปิดออก เดินในมีคนคล้ายนักบวชเดินออกมาสองคน

นักบวชทั้งสองกล่าวต่อรพีพงษ์และอารียาอย่างสุภาพ หนึ่งในนักบวชนั้นกล่าว “ท่านทั้งสอง พบเจอสถานที่นี้ของเขา ถือว่าเป็นโชคดีของพวกคุณ และเป็นความภูมิใจของพวกเรา พวกเรามีกฎว่า หากเจอคนของวัดเล็กของเรา จะได้รับพร เชิญท่านทั้งสองทางนี้”

หน้าตาอารียาดีใจ ไม่คาดคิดว่าวัดเล็กขนาดนี้จะให้พรได้ด้วย แม้เธอไม่เชื่อในศาสนาพุทธ แต่เกี่ยวกับเรื่องวพิเศษแบบนี้ เธอก็ไม่ลบหลู่ อีกอย่างเค้าก็จะมอบความสุขให้ ดังนั้นเธอจังเดินเข้าไปอย่างมีความสุข

รพีพงษ์เห็นดังนี้ ก็ตามเข้าไป ด้านในของวัดเล็ก

ในวัดเล็กมีกลิ่นหอมของธูป ดูๆไปน่าจะเพิ่งจุด มีพระพุทธรูปองค์ไม่ใหญ่มากอยู่ตรงกลาง ด้านหน้าเต็มไปด้วยของบูชา

พระรูปหนึ่งที่สวมใส่จีวรสีเหลืองกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าของพระพุทธรูป นักบวชสองคนนั้นเดินไปด้านหน้าเขา หนึ่งในนั้นกล่าว “เจ้าอาวาส พรหมลิขิตมาถึงแล้ว”

พระที่ได้ถูกเรียกว่าเจ้าอาวาสได้เปิดตาขึ้น ยืนขึ้นจากพื้น หันหน้าไปมองรพีพงษ์และอารียา ด้วยรอยยิ้ม

“ดูจากลักษณะของโยมทั้งสองแล้ว กำลังจะมีโชคในช่วงนี้ โดยเฉพาะโยมผู้หญิง หน้าตามีเลือดฝาด ท่าทางกระปรี้กระเปร่า ต้องมีเรื่องให้ดีใจแน่นอน” เจ้าอาวาสกล่าว

อารียาก้มหน้าลงแล้วยิ้ม ที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับรพีพงษ์นั้น ถือเป็นเรื่องที่ทำให้เธอดีใจที่สุดแล้ว

“ในเมื่อวันนี้พรหมลิขิต งั้นอาตมาก็จะส่งมอบความสุขให้ โยมหญิง ตามอาตมามา”

เจ้าอาวาสทำท่าเชิญให้อารียา จากนั้นก็เดินเข้าไปในประตูเล็ก

อารียาพยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน

รพีพงษ์ก็เดินตามเข้าไป แต่ถูกนักบวชสองคนขวางไว้

“พิธีกรรมของเจ้าอาวาส ครั้งหนึ่งเข้าได้แค่คนเดียวเท่านั้น ขอโยมกรุณารอสักครู่”

อารียาหันหน้ามองรพีพงษ์ กล่าว “น่าจะเสร็จเร็ว คุณรอก่อนแล้วกัน”

รพีพงษ์ไม่คิดมาก แล้วก็พยักหน้า คิดว่าวัดนี้ไม่ใหญ่ ด้านในอาจจะนั่งไม่พอ

หลังจากที่มองอารียาเดินไปกับเจ้าอาวาสแล้วนั้น รพีพงษ์ก็ดูด้านในของวัด เขาสังเกตเห็นมุมบางมุมของวัดว่ามีฝุ่นเกาะอยู่มาก ราวกับว่าตอนที่นักบวชทำความสะอาดนั้นแค่ทำความสะอาดแบบผ่านๆเท่านั้น

ดูพระพุทธรูปอีกครั้ง มีบางจุดที่สีลอกออกมาแล้ว เหมือนกับไม่มีคนทำนุบำรุงมานานแล้ว ไม่รู้ว่าการทำแบบนี้ถือเป็นการไม่เคารพพระพุทธเจ้าหรือไม่

ไม่นานหลังจากที่เจ้าอาวาสพาอารียาเข้าไปนั้น นักบวชก็เดินตามเข้าไป ห้องโถงเหลือเพียงรพีพงษ์คนเดียวเท่านั้น ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าพวกนักบวชไม่ค่อยเข้าท่า มักจะทำอะไรลึกลับ ความจริงก็แค่ต้องการค่าธูปเทียนเท่านั้น

แต่ขอแค่อารียาดีใจ แม้จะถูกโดนโกงเงินนิดหน่อย ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็รู้สึกสบายใจ

ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ก็ยังคงไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น อารียายังไม่ออกมาจากด้านใน รพีพงษ์จึงเริ่มรำคาญ

บวกกับวัดนี้ไม่ดูค่อยถูกหลักเกณฑ์สักเท่าไหร่ รพีพงษ์เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา

ประตูเล็กด้านหลัง เป็นห้องเก่าที่มีแสงสว่างเล็กน้อยเท่านั้น ขณะนี้อารียานั่งบนเก้าอี้ เป็นลมไปแล้ว ร่างกายถูกเชือกมัดไว้

เธอเพิ่งเข้าไปไม่นาน เจ้าอาวาสคนนั้นได้เอาธูปหอมมาวนๆอยู่บริเวณใบหน้าของเธอ จากนั้นอารียาก็รู้สึกมึนๆ ไม่นานก็สลบไป

ขณะนี้เจ้าอาวาสจ้องไปที่อารียาด้วยความดูแคลน ราวกับไม่ได้เป็นพระอรหันต์อย่างไรอย่างนั้น

“ของดีจริงๆด้วย แบบนี้ ทำเอาฉันทนไม่ไหวแล้ว เสียดายของดีแบบนี้ ให้อาจารย์ได้ลิ้มลอง ฉันไม่มีโอกาสนี้แล้ว” เจ้าอาวาสบ่นพึมพำ

“พวกแกทั้งสอง พาหญิงคนนี้ขึ้นไปบนเขาเดี๋ยวนี้ มอบให้กับอาจารย์” เจ้าอาวาสจ้องไปที่นักบวช

“แล้วคนด้านนอกล่ะ?”

เจ้าอาวาสยิ้ม กล่าว “เขายุผิงใหญ่ขนาดนี้ คนที่ไม่เดินตามทางหลัก ก็มีคนสองคนที่ถูกสัตว์ร้ายกินไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร เดี๋ยวมันฉันจัดการเอง พวกแกทั้งสองรีบพาหญิงคนนี้ไปบนเขาเดี๋ยวนี้”

นักบวชทั้งสองพยักหน้า จากนั้นก็ยกเก้าอี้ที่มัดตัวอารียาขึ้น เดินออกไปทางประตูหลัง ขึ้นเขาไป

ณ ห้องโถง รพีพงษ์ไม่อยากรออีกแล้ว ได้เดินเข้าไปในประตูเล็กนั้น

ขณะนี้เจ้าอาวาสได้เดินออกมาจากด้านใน ด้วยรอยยิ้มเลศนัยจ้องไปที่รพีพงษ์

“ภรรยาผมล่ะ?” รพีพงษ์ถาม

“อาตมาได้แสดงธรรมให้ภรรยาของคุณ และบวชให้เธอแล้ว ต่อจากนี้ไปโยมไม่จำเป็นต้องเจอเธออีกต่อไป” เจ้าอาวาสยิ้ม

รพีพงษ์เห็นท่าทางเจ้าอาวาสจากนักบวชเป็นกุ๊ย ก็รู้แล้วว่าติดกับดักแล้วล่ะ ด่าในใจ แล้วตะโกนออกมาว่า “รีบเอาภรรยาผมคืนมา ไม่งั้นผมจะฆ่าคุณซะ!”

“เหอะเหอะ ไม่คาดคิดว่าจะบ้าดีเดือดเหมือนกันนะ จะบอกให้นะ ฉันเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์โอบนิธิเขาเป็นยอดฝีมือของแดนปรมาจารย์ และฉันเป็นลูกศิษย์ของเขา เป็นเน่ยจิ้งชั้นต้น อ้อใช่ แกไม่น่าจะรู้ว่าเน่ยจิ้งคืออะไร ก่อนอื่น แกต้องรู้ก่อน ว่าวันนี้แกจะไม่มีชีวิตกลับไปแล้ว พอแล้ว!”

“เมียของแกได้ถูกพาไปหาอาจารย์โอบนิธิแล้ว ถ้าเกิดข้อผิดพลาด คืนนี้ เธอจะได้รับความสุขจากอาจารย์โอบนิธิ แต่แก จะต้องตาย ถ้าจะโทษ ก็โทษตัวแกเองละกันที่โชคร้าย อยากจะมาวัดเล็กนี้ของเราให้ได้!”

เจ้าอาวาสพูดจบ จากนั้นก็พุ่งไปที่รพีพงษ์ ใช้มือหนึ่งจับคอรพีพงษ์ไว้

รพีพงศ์ดูแคลน ไม่คิดว่าอาจารย์โอบนิธิอะไรนั่นจะเป็นคนสกปรกแบบนี้ กล้าทำเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงเหล่านั้นที่หายตัวไป ก็น่าจะเป็นฝีมือของพวกเขานั่นแหละ

รพีพงษ์เกรี้ยวกราดขึ้นทันใดในขณะที่เจ้าอาวาสพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์นั้น รพีพงษ์ก็จับข้อมือเขาไว้ ใช้แรง หักข้อมือนั้นเสีย

สีหน้าเจ้าอวาสถอดสี ไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเก่งกาจขนาดนี้ เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้า

“แก……แกเป็นใคร? ทำไม ทำไมเก่งกว่าอาจารย์โอบนิธิเสียอีก?”

รพีพงษ์ดูแคลน ไม่สนใจคำพุดของเจ้าอาวาส ยกขาขึ้นมา แล้วถีบไปที่เขา เสียงดังเคร็ก เจ้าอาวาสล้มลงกับพื้น ยอดฝีมือเน่ยจิ้งชั้นต้น ถูกรพีพงษ์หักมือหักขาเสียแล้ว

“พูดมา พวกแกทำอะไรกับภรรยาของฉัน! ถ้าเธอเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่ไอ้อาจารย์โอบนิธิบ้าบออะไรนั่น แม้แต่วัดมังกรของพวกแกทั้งหมด ก็จะพังลง!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท